บทที่ 1151 ช่างน่าขายหน้าเกินไปแล้วจริงๆ
“กมล!”
หัวใจของนรมนกำลังจะแตกสลายแล้ว
กานต์ตกใจไปหมดแล้ว
เลือด!
เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ
ก็เหมือนกับในวันนั้น ที่เขายิงและสังหารผู้ก่อการร้าย
ดวงตาของเขาเบิกกว้างมาก เลือดของเขาค่อยๆ ไหลนองไป ทั่วพื้นดิน ก็เหมือนกับในตอนนี้ไม่มีผิด
ดูเหมือนจะมีบางอย่างพุ่งออกมาจากหัวสมองของเขา ซึ่งมันก็
คืออาการเจ็บปวดที่รุนแรงนั่นเอง
ดวงตาของกานต์แดงฉานขึ้นมาในทันที
“สมควรตาย! คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะกล้าทำร้ายเขา
อุปนิสัยของกานต์เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นแล้ว เขา กระโจนเข้าไปอย่างกับบินได้ แล้วพุ่งไปทุบในหน้าของโจรเรียก ค่าไถ่โดยตรง
อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีความสามารถเช่นกันหลังจากที่การโจมตีของกานต์มาถึงก็เวี่ยงกมลล้มลงไปทันที แล้วตัวเองกับกานต์ก็ต่อสู้กัน
ดวงตาของกานต์เป็นสีแดง และในดวงตาของเขา โลกทั้งใบ ล้วนเป็นสีแดงไปหมด
เขาโจมตี โจมตี แล้วก็โจมตีอีก เหมือนกับคนบ้าไปแล้ว…
ส่วนอีกฝ่ายอยู่ในการป้องกันการโจมตีอยู่ตลอดเวลา
นรมนเห็นกมลถูกโยนไปข้างๆ จึงรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว แล้วกอดกมลเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยมือที่กำลังสั่นเทาทั้งสองข้าง
“กมล กมลลูกเป็นยังไงบ้าง? “หม่ามี้ หนูไม่เป็นไร”
กมลลืมตาขึ้นมา แล้วแลบลิ้นอย่างซุกซน หลังจากนั้นก็หยิบ ถุงเลือดที่แตกแล้วถุงหนึ่งออกมาจากใต้กระโปรง
“แกล้งทำน่ะค่ะ ปืนกระบอกนั้นเมื่อสักครู่เป็นปืนที่ใช้ในการ ฝึกซ้อมเท่านั้น ทำร้ายคนไม่ได้หรอกค่ะ
นรมนรู้สึกโง่เขลาไปหมดแล้ว
แกล้งทำอย่างนั้นหรือ?
เธอมองไปที่กานต์โดยไม่รู้ตัว กลับพบว่ารู้สึกคุ้นเคยกับผู้ชาย ที่ต่อสู้กับกานต์อยู่เล็กน้อย
“คนคนนั้นคือ……
“คุณปู่สามดึง”
กมลลุกขึ้น และตั้งใจจูงมือของนรมนเอาไว้ แล้วยื่นมือของ เธอไปให้บุริศร์
“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้ว่าแผนนี้จะได้ผลไหม?”
“ไม่รู้สึ”
บุริศร์กำลังจับมือของนรมนอยู่ แล้วประสานนิ้วมือกับเธอ นรมนอยู่ในสภาพที่มึนงงตลอดเวลา
กิจจาเดินเข้ามา และถอดเสื้อคลุมออกมา คลุมไว้บนไหล่ของ กมล แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ถ้าจะเอาให้ชัวร์วิธีนี้น่าจะดีกว่า นะ กานต์อยู่ภายใต้ความกดดันมาเป็นเวลานาน เพราะเหตุยิง คนตายจะได้กระตุ้นบุคลิกภาพของเขา พูดตรงๆ ก็คือเขาจะต้อง ระบายอารมณ์ออกมา และโดยทั่วไปวิธีระบายอารมณ์ที่ดีที่สุดก็ คือการร้องไห้ แต่กานต์ของเราจะร้องไห้เหรอ?”
ค่าตอบนี้ประจักษ์ชัดเจนมาก
ความเป็นไปได้ที่กานต์จะร้องไห้นั้นน้อยเกินไป โดยเฉพาะ อย่างยิ่งคือการร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเศร้าโศกเสียใจแบบนั้น
นรมนดูเหมือนจะเข้าใจเล็กน้อย
“พวกคุณรวมหัวกันเสร็จหรือยัง?”
คิ้วของนรมนขมวดเล็กน้อย บุริศร์จึงพูดอย่างร้อนตัวเล็กน้อย ว่า “กมลเป็นคนออกความคิด ผมเลยคิดว่าลองดูสักหน่อยก็ได้ ไม่แน่ว่ามันอาจจะสามารถรักษาให้หายขาดได้นะ?”
“แด๊ดดี้ นั่นแด๊ดดี้เอาลูกสาวที่น่ารักมาเป็นข้ออ้างแบบนี้มันไร้ ยางอายมากเลยนะ”
กมลมองไปที่บุริศร์อย่างดูถูกเหยียดหยามมาก
บุริศร์ไม่สนใจว่าลูกสาวของตัวเองจะพูดยังไง จึงรีบพูดกับนร มนว่า “ผมรับรองว่าจะมีความพอดี คุณดูสิไม่ใช่ว่ายังมีอาสามอ ยู่ด้วยเหรอ? ถ้าการระบายอารมณ์มันยังไม่พอจริงๆ เราก็รักษา ตามการรักษาแบบเดิมๆ ”
แม้ว่านรมนจะโกรธมาก แต่พอมองดูท่าทางที่บ้าคลั่งของ ลูกชายในตอนนี้ หัวใจกลับยังรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
ธรรศ มาโดยตลอดว่าทักษะของกานต์ไม่เลวเลย แต่ตอนนี้ เขากลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
กานต์ที่ถูกกระตุ้นศักยภาพทางร่างกายแล้วดูเหมือนจะ เก่งกาจกว่าเมื่อก่อนมาก
เขาต่อสู้กับกานต์มาตลอดสิบห้านาที เมื่อเห็นว่ากำลังกาย ของพวกเขาทั้งสองถึงขีดจำกัดแล้ว ธรรศก็หลอกล้อ ให้สับสน
หลังจากนั้นก็ฟันมือเข้าไปที่คอของกานต์หนึ่งที่
ดวงตาของกานต์มืดลง และร่างกายของเขาก็ค่อยๆ ล้มลงมา อย่างนุ่มนวล
“กานต์”
นรมนรู้สึกกังวลเล็กน้อย ธรรศได้กอดกานต์ที่เป็นสลบไปเอา “วางใจเถอะ เขาไม่เป็นอะไรแล้ว แค่ร่างกายเสื่อมทรุดนิด
ไว้แล้ว
หน่อยเท่านั้น นอนพักให้ดีดีสักหน่อยก็หายดีแล้ว”
พอธรรศถอดเครื่องมือแต่งทรงผมออก ก็มีเหงื่อไหลออกมา
จนเปียกโชกไปหมด
ดวงตาของนรมนเปียกชื้นเล็กน้อย
เธอรับกานต์มาจากอ้อมแขนของธรรศ แล้วพูดด้วยเสียงทุ้ม ต่ำว่า “ขอบคุณค่ะ อาสาม
“ยัยเด็กโง่ จะมาพูดขอบคุณอะไรกับอาสามของเธอ ฉันต่าง หากที่ไม่เคยรู้เลยว่าตอนนี้เด็กคนนี้จะเป็นอย่างนี้ไปได้ เป็น เพราะความประมาทเลินเล่อของฉันเอง วางใจเธอ เดี๋ยวฉันจะ จัดการเรื่องหนังสือลาพักร้อน ให้กานต์ก่อน เขาอยากจะกลับมา เมื่อไหร่ก็ได้ทุกเมื่อ เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ในเขตทหารชั่วคราว แล้ว”
“ค่ะ”
นรมนก็ตั้งใจจะทำแบบนี้เหมือนกัน ส่วนในอนาคตนั้นเขาจะ กลับไปหรือไม่ก็ต้องดูสถานการณ์การฟื้นตัวของกานต์ก่อนแล้ว ค่อยว่ากันต่อไป
บุริศรับกานต์มาจากในมือของนรมน และใช้เสื้อคลุมของตัว เองต่อกานต์เอาไว้ แล้วพูดกับธรรศว่า “อาสามครับ เราต้องไป บ้านพักตากอากาศของคุณตาในวันปีใหม่ และอีกสองสามวันก็ เป็นงานแต่งงานของเจตต์กับขวัญตาแล้ว ถ้าอามีเวลาจะมาร่วม งานกับเราไหมครับ?”
“ได้”
ธรรศไม่ได้ปฏิเสธ
ตอนนี้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดามีอะไรกันแน่?
นอกจากเขาแล้วก็มีธรรศ อยู่ในบ้านกันสองคนช่างเงียบเหงา เป็นอย่างมาก ไม่สู้ไปร่วมพบปะสังสรรค์กับคุณท่านตนวรทางนั้นดีกว่า
“ไปเถอะ ฉันจะส่งพวกเธอกลับไป เพื่อการแสดงที่สมจริง ฉัน นั่งแท็กซี่มา ตอนนี้ก็ถือว่าได้นั่งรถกลับไปฟรีๆ ก็แล้วกัน”
ธรรมละเอียดรอบคอบ
หลังจากที่คนทั้งสามสี่คนขึ้นรถไปแล้ว ธรรศก็ขับรถไปส่งพวก เขาที่บ้านตระกูลโตเล็ก
เดิมทีนรมนกับบริศร์ก็นอนไม่ค่อยหลับในตอนกลางคืนอยู่ แล้ว
กิจจาก็นอนไม่หลับเช่นกัน ส่วนกานต์ก็สลบไสลไม่ได้สติอยู่ ในตอนนี้ มีเพียงกมลเท่านั้นที่อารมณ์ค่อนข้างดี
ธรรคให้พวกเขาทุกคนไปพักผ่อนแล้ว พอกมลเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จ ก็เดินตามธรรคไป
นรมนและคนอื่นๆ หลับยาวไปจนถึงสี่โมงเย็นกว่าๆ จึงตื่นขึ้น
มา
ทุกคนตื่นขึ้นมาหมดแล้ว เหลือเพียงกานต์เท่านั้นที่ยังไม่ตื่น นรมนเดินมาอยู่ข้างๆ บุริศร์ แล้วถามว่า “กานต์ตื่นแล้วหรือคะ?”
“ยังไม่ตื่นเลย กิจจาบอกว่าไม่เป็นอะไรหรอก แต่เป็นเพราะว่า สิ้นเปลืองพลังมากเกินไปเท่านั้น ดังนั้นก็เลยได้อ่อนเพลียแบบนี้
ได้ยินบุริศร์พูดเช่นนี้ นรมนจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“หวังว่าครั้งนี้กานต์จะดีขึ้นได้นะ”
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ
บุริศร์ก็ไม่มั่นใจเช่นกัน
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน กานต์ก็ลุกขึ้นมานั่งในทันที
“กมล!”
น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย แล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป อย่างบ้าคลั่ง
“กานต์ ลูกเป็นอะไรไป?”
นรมนรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
กานต์ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแต่อย่างใด เลือดจํานวนมากได้แพร่กระจายออกมาในหัวสมอง
“หม่ามี้ คุณบุริศร์ กมลล่ะ? ผมฝันว่า กมลเธอ…….ของกานต์อีกครั้ง
บริศ เดินไปอย่างรวดเร็ว แล้วกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขน และ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “กานต์ กมลไม่เป็นไร”
“ไม่ เธอถูกจับตัวไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นยิงเธอแล้ว ผมเห็นเลือด
เยอะมากเลย ผม.…….
ร่างกายของกานต์สั่นเทาเล็กน้อย
นรมนเห็นลูกชายเป็นอย่างนี้ ภายในใจก็รู้สึกเป็นทุกข์จนทน ไม่ไหวแล้ว
“กานต์”
เธอเดินมาอยู่ตรงหน้าของกานต์ ลูบศีรษะของเขาเบาๆ แล้ว พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ในโลกใบนี้มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง มากมาย และก็มีเจตนาร้ายมากมายเช่นเดียวกัน แม้แต่ใน เทพนิยายก็มีแม่มดที่น่าเกลียดน่าชังเหมือนกันใช่ไหมล่ะ? เรา ไม่ใช่ทูตแห่งความยุติธรรม แต่เราสามารถปกป้องตนเองได้ ลูก ยิงผู้ก่อการร้ายคนนั้นเพื่อช่วยแม่กับพ่อของลูก และลูกต่อสู้กับ ชายสวมหน้ากากเพื่อช่วยกมล ลูกยังจำเลือดที่อยู่บนร่างกาย ของกมลได้ไหม? เป็นสีแดงสดจนแสบตาเหมือนกับของผู้ก่อการ ร้ายคนนั้นหรือเปล่า?”
ร่างกายของกานต์สั่นเทาขึ้นมาอีกครั้ง
นรมนรู้ดีว่า ตอนนี้ตัวเองโหดร้ายมาก
เธอทำให้ภาพที่โหดร้ายนั้นกลับเข้ามาในความทรงจําของ กานต์ไม่หยุด แต่ถ้าป่วยก็ต้องรักษา ขอเพียงแค่เพ่งมองเข้าไป ในภาพนั้น กานต์จึงจะสามารถเพ่งมองเขาไปในจิตใจของตัว เองได้
นรมนกุมมือของเขาเอาไว้เบาๆ
มือของเขาเย็นและสั่นเล็กน้อย
นรมนกลับพูดเสียงต่ำๆ คำต่อคำว่า “สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง พวกเขาสองคนคืออะไร? คนหนึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายที่กำลัง คุกคามชีวิตพ่อแม่ของลูก อีกคนเป็นพี่สาวและเป็นญาติของลูก ดังนั้นการปกป้องตัวเองเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ ลูกไม่ผิด หรอกที่จะปกป้องครอบครัวของตัวเอง หม่ามีรู้ว่าในใจของลูก ยากที่จะยอมรับผลจากการยิงปืนนั้น แต่ว่ากานต์ หม่ามีเชื่อว่า ลูกสามารถทำได้ใช่ไหม?”
กานต์มองไปที่นรมน ในขณะที่มองไปมองมาอยู่นั้นเขาก็พุ่ง เข้าไปในอ้อมแขนของเธอและร้องไห้โฮขึ้นมาในทันที
เขาไม่เคยร้องไห้อย่างเศร้าโศกและหมดหนทางแบบนี้มา ก่อนเลย ในเวลานี้ เขาเป็นแค่เด็กอายุสี่ห้าขวบคนหนึ่งที่กำลัง ร้องไห้แทบขาดใจหลังจากที่ได้รับความตื่นตระหนกตกใจมา
บุริศร์ได้เห็นท่าทางที่ไม่มีความรู้สึกปลอดภัยอย่างนั้นก็รู้สึก เศร้าใจจนน้ำตาจะไหลเล็กน้อย
นรมนกอดลูกชายเอาไว้แน่นๆ เธอกำลังกอดเขาไว้แน่นๆ
ลูกชายของเธอเพิ่งจะสี่ขวบเองค่ะ
เขาควรจะมีความสุขในวัยเด็ก ทำไมจะต้องเป็นผู้ที่มี พรสวรรค์แบบนี้ด้วย?
เธอไม่ต้องการลูกชายที่เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ เธอแค่ต้องการ
ลูกชายที่มีความสุขคนหนึ่งก็พอแล้ว
กานต์ร้องไห้ ดวงตาของนรมนก็เปียกชื้นขึ้นมาแล้วเช่นกัน
เขาร้องไห้มาตลอดครึ่งชั่วโมงกว่าแล้วจึงหยุดร้อง หลังจากที่ได้ร้องไห้ออกไปแล้ว ในใจของกานต์ก็รู้สึกดีขึ้น มาก แต่กลับมีความรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
เขาเอาศีรษะของตัวเองซุกเข้าไปในอ้อมกอดของนรมน แล้ว พูดด้วยเสียงต่ำๆ ว่า “หม่ามี้ หม่ามีอุ้มผมกลับห้องได้ไหมครับ?”
“ได้สิจ๊ะ”
ในเวลานี้ ถึงแม้ว่ากานต์จะอยากได้ดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า นรมนก็จะคิดหาวิธีคว้ามันลงมาให้เขาให้ได้
บุริศ เห็นลูกชายอายจนหน้าแดงเล็กน้อย ก็เลยไม่ไปกระตุ้น ความรู้สึกเขาแล้ว เขาพยักหน้าไปมา ในขณะที่เขากำลังมองดู นรมนกำลังอุ้มกานต์ไปที่ห้อง
กานต์ยังมีความรู้สึกกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย
ช่างน่าขายหน้าเกินไปแล้วจริงๆ นรมนวางเขาลงบนเตียง โดยไม่พูดอะไรเลย
ลูกชายของเธอได้ร้องไห้ออกมาแล้ว ความเสียใจและความ กดดันที่อยู่ภายในจิตใจก็ได้ระบายออกมาหมดแล้ว หวังว่าจาก นี้ไปจะดีขึ้นได้นะ
“แม่จะไปเก็บของกับพ่อของลูกสักหน่อย อาเจตต์ของลูก กำลังจะแต่งงานแล้ว ปู่ทวดของลูกหวังว่าทุกคนจะได้ไปร่วมสนุก กันอย่างพร้อมหน้า ลูกก็เก็บของสักหน่อย แล้วกลับไปด้วยกัน นะ”
“ครับ”
กานต์พยักหน้าไปมา
จมูกของเขาแดงก่ำ ซึ่งมันทำให้คนรู้สึกสงสารมากอย่าง อธิบายไม่ถูก
นรมนได้ให้พื้นที่ที่แน่นอนให้กับกานต์แล้ว
รอให้นรมนออกไปจากห้อง กานต์จึงเปิดคอมพิวเตอร์ที่อยู่บน ข้อมือ ซึ่งเชื่อมต่อโดยตรงกับกมลขึ้นมา
“เธอวางแผนทําร้ายฉัน!!
กานต์ฉลาดถึงระดับไหนกัน?
พอคิดให้รอบคอบดูแล้วก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ในเวลานี้ธรรคได้พากมลไปรับประทานอาหารที่ร้าน KFC เมื่อเห็นท่าทางในวิดีโอที่โมโหเล็กน้อยของกานต์ เธอก็รับ ประทานไปด้วยพูดไปด้วยว่า “ก็ไม่ถือว่าเป็นการวางแผนทำร้าย หนิ ฉันเพียงแต่กำลังช่วยชีวิตอยู่นะ พี่ชาย
“เธอรู้ได้ยังไง?”
กานต์ยังคงใส่ใจกับเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่น เล็กน้อย
กมลยัดนักเก็ตไก่เข้าไปในปาก แล้วพูดว่า “ขอร้องล่ะ พี่ชาย พวกเราเป็นฝาแฝดกันไม่ใช่เหรอ?มีกระแสจิตสื่อถึงกันได้นะ สองวันมานีอารมณ์ของนายไม่ปกติ แม้ว่าฉันจะไม่เคยถาม แต่ฉันก็สามารถรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ของนาย ดังนั้นฉันเลยลองถามแด๊ดดี้ดูสักหน่อย ก็เลยรู้ว่าเกิด อะไรขึ้นบ้าง พี่ชาย ฉันมีพี่ชายอย่างนายคนเดียวก็พอแล้ว ฉันไม่ อยากมีพี่ชายที่หน้าตาเหมือนกันแต่มีบุคลิกที่ต่างออกมาอีกคน
หัวใจของกานต์กระตุกอย่างกะทันหัน
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักถึงความอบอุ่นของครอบครัวขึ้นมา และแววตาที่เฉียบคมของดวงตาคู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลาย ลงมาเล็กน้อย
“ไม่อีกแล้ว เขาจะไม่ปรากฏตัวออกมาอีกแล้ว เชื่อฉัน”
“ฉันเชื่อที่อยู่แล้ว ตั้งแต่เล็กๆ พี่ก็เป็นความภาคภูมิใจของฉัน และมันก็เป็นอย่างนั้นมาโดยตลอดเลยล่ะ”
กมลพูดจบก็วางสายไป
มุมปากของกานต์ก็ยกขึ้นมาเล็กน้อย
และในขณะนั้นเอง คอมพิวเตอร์ของเขาก็มีเสียงดัง “ติ้ง”ขึ้น มา แล้วก็มีบางอย่างสลับเข้ามา
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ