บทที่ 1138 ทำไมติด ๆ กันอันแล้ววันเล่า
ตอนที่นรมนตื่นขึ้นมาถึงพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในบ้าน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา
ทำไมถึงได้หลับไปอีกแล้วนะ?
คุยกันไว้ดิบดีว่าจะออกไปเดินเล่นกัน ทำไมถึงได้หลับบนหลัง ของบุริศร์อีกแล้ว?
อืม ต้องโทษไหล่ของบุริศร์ที่มีความรู้สึกปลอดภัยมากเกินไป
แล้ว
นรมนเอาทุกอย่างผลักไปอยู่ที่ตัวบุริศร์อย่างตั้งใจ ตอนที่คิดมาถึงบริศร์นั้น นรมนถึงพบว่าบุริศร์ไม่ได้อยู่ในห้อง
นอน
เธอหาวขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วเอาผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง จาก นั้นก็หาเสื้อนอกตัวหนึ่งมาคลุมไว้ แล้วถึงได้ออกไปจากห้องไป
ป้าหวานกำลังเดินมาพอดี ในมือถือกาแฟไว้แก้วหนึ่ง
“ป้าหวาน จะเอาไปให้คุณผู้ชายเหรอ?”
“ใช่ค่ะ คุณนาย”
ป้าหวานรีบตอบ
“คุณผู้ชายอยู่ที่ไหน?”
“ในห้องหนังสือค่ะ”
“มา ฉันเอาไปเอง”
นรมนรับกาแฟมาจากมือของป้าหวาน แล้วก็ก้าวเท้าเดินไป ทางห้องหนังสือ
เธอเคาะประตูเล็กน้อย แล้วข้างในก็มีเสียงขรึมของบุริศร์
ลอยมา
“เข้ามา”
นรมนผลักประตูเปิดออก แล้วเห็นว่าบุริศร์กำลังนั่งมองอะไร อยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไป
“ถ้าที่บริษัทมีงานคุณไปบริษัทก็ได้ ไม่ต้องอยู่บ้านเป็นเพื่อน ฉันหรอกค่ะ”
นรมนเอากาแฟยื่นให้กับบริศร์
บุริศร์เห็นว่านรมนเป็นคนยกมา ก็รีบรับไป จากนั้นก็ลากนร มนมานั่งลงบนเก้าอี้ แล้วถึงพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่ได้มีงานที่ บริษัท แต่ว่าวันนี้ตอนที่ออกไปเดินช้อปปิ้งกัน คุณถามผมว่าเกิด เรื่องอะไรขึ้นไม่ใช่เหรอ?”
“อืม ตอนนั้นคุณบอกว่าไม่มีอะไรนี่คะ”
นรมนจ้องมองบุริศร์อย่างรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
บริศร์รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที แต่ว่าก็กระแอมไอเล็กน้อยแล้ว พูดขึ้นว่า “ตอนนั้นผมก็แค่เห็นคนถือกล้องไว้กำลังถ่ายรูปของเราอยู่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นนักข่าวหรือว่าเป็นใคร เพราะฉะนั้นก็เลยไม่มีวิธีที่จะบอกคุณในตอนนั้นได้
“คุณเนี่ยนะ ชอบเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยเลย ถ้าเรื่องยังไม่ชัดเจน จนที่สุดแล้วก็ไม่มีทางที่จะบอกฉันเลย งั้นในเมื่อตอนนี้บอกฉัน ได้แล้ว ก็แสดงว่าเกือบจะสืบหาสถานะของคนคนนั้นได้แล้วใช่ ไหมคะ?”
นรมนส่ายหน้าแล้วถามขึ้น
บุริศร์กลับพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “สถานะของคนคนนั้นสืบหาไม่ เจอ แต่ว่าผมพบเจออะไรบางอย่างในกล้องถ่ายรูปของเขา คุณ จะดูสักหน่อยไหม?”
“อะไรเหรอคะ?”
ภาพแรกที่ปรากฏขึ้นในใจนรมนก็คือรูปถ่ายที่ไม่น่าดูแน่
บุริศร์จูงมือของเธอไว้ ให้เธอมองไปทางคอมพิวเตอร์
“นี่คือของที่ผมคัดลอกออกมาจากกล้องถ่ายรูป คุณดูรูปถ่าย พวกนี้ แล้วพบเห็นอะไรบ้าง?
บุริศรชี้ไปที่พวกรูปถ่ายที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ รูปพวกนั้นล้วนเป็นรูปที่ถ่ายตอนที่นรมนอยู่ด้วยกันกับบริศร์ แต่ว่าข้างกายพวกเขามักจะมีคนผ่านทางคนหนึ่ง
รูปถ่ายที่ถ่ายติดคนผ่านทางนั้นเป็นรูปที่ปกติมาก ในเมื่อนี่คือ การแอบถ่าย แต่พอดูรูปถ่ายหลาย ๆ ใบแล้ว คนผ่านทาง ในรูปเป็นคนคนเดียวกันทั้งนั้น สถานการณ์แบบนี้ถือได้ว่าเกิดขึ้นได้ ยากนะ
หัวคิ้วของนรมนขมวดขึ้นมาทันที
“คนคนนี้คือใครคะ?”
เธอชี้ไปที่ตัวคนคนนั้น ในรูปถ่ายแล้วจ้องมองบุริศร์และถาม ขึ้นมา
บุริศร์ขยี้ผมนรมนแล้วพูดขึ้นว่า “คุณเองก็พบว่าคนคนนี้ใช้ สถานะคนผ่านทางมามีตัวตนอยู่ข้าง ๆ เราตลอดเลยใช่ไหม?”
“คุณค้นเจอสถานะของคนคนนี้หรือยังคะ?”
นรมนจ้องมองบุริศร์อย่างรู้สึกสงสัย
หัวคิ้วของบุริศร์ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ผมเดาว่าเขาน่าจะคือกล้าณรงค์
“กล้าณรงค์เหรอคะ?”
นรมนอดไม่ได้ที่จะมองมากขึ้นอีกหน่อย
กล้าณรงค์คนนี้ได้ยินแต่ชื่อมาตลอดแต่ไม่เคยได้เห็นตัว ทําตัวลับลมคมในมาก และถึงแม้ว่าประเทศจะออกประกาศจับ แล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครรู้ว่ากล้าณรงค์หน้าตาเป็นยังไง
พอมาวันนี้จ้องมองผู้ชายที่หน้าตาธรรมดามากคนนี้ ผู้ชาย แบบนี้ถึงแม้ว่าจะเดินผ่านตัวเธอไปเป็นร้อยรอบ เธอคิดว่าก็ คงจะไม่ได้สนใจอะไรเขาหรอก ในเมื่อผู้ชายแบบนี้ดูธรรมดามาก ธรรมดาจนไม่มีจุดเด่นอะไรเลย เป็นคนแบบที่ความมีตัวตน อยู่ต่ำมาก
แต่ว่าพอมาดูดี ๆ แล้ว ช่วงระหว่างคิ้วของผู้ชายคนนี้นั้น เหมือนกับแพรวาเป็นอย่างมาก นรมนลองสังเกตดูดี ๆ อีกครั้ง แล้วพบว่ากล้าณรงค์กับแพรวา
ไม่ใช่แค่เหมือนกันทั่วไปเท่านั้น แต่มันเหมือนแทบจะแปดสิบ
เปอร์เซ็นต์เลย
ว่ากันว่าหลานชายฝั่งพี่สาวน้องสาวจะหน้าเหมือนน้าชาย หลานชายฝั่งพี่ชายน้องชายจะหน้าตาเหมือนอาสาว ดูจากคำพูด นี้แล้วไม่ปลอมเลยสักนิด คนคนนี้กับแพรวามีความเหมือนกัน เกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่ารู้ว่าพวกเขาเป็น อาหลานกันมาก่อนหน้านี้ ไม่แน่ฉันคงจะนึกว่าพวกเขาเป็นแม่ลูก กันแน่ ๆ”
คำพูดของนรมนทำให้บริศร์อึ้งไปทันทีเลย
“รอก่อนนะ ถ้าหากว่าพวกเขาสองคนเป็นแม่ลูกกันจริง ๆ
ล่ะ?”
“อะไรนะ?”
นรมนเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย จ้องมองบุริศร์ที่ทั้งหน้าเต็มไป ด้วยแววครุ่นคิด
บุริศร์กลับยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้
“เมื่อก่อนผมคิดมาตลอดว่า ถึงแม้ว่ากล้าณรงค์จะเป็นหลานของแพรวา ก็ไม่น่าที่จะต้องเสียใจและบ้าคลั่งกับการตายของ แพรวา จนแทบอยากจะสับพวกเราเป็นหมื่น ๆ ชิ้นเลย แต่ว่าถ้า แพรวาไม่ใช่อาของเขา แต่เป็นแม่ของเขาล่ะ? แบบนี้ก็จะ สามารถเข้าใจความโกรธเกลียดของเขาได้แล้ว”
นรมนฟังบุริศร์พูดไปแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้ว หัวสมองก็หมุนวนอย่างรวดเร็วขึ้นมา
“กล้าณรงค์เป็นลูกชายของแพรวางั้นเหรอ? มันเป็นไปได้ยัง ไง? แพรวากับเชษฐ์มีลูกแค่ธิดาวีร์ไม่ใช่เหรอ? และที่สำคัญที่ตั้ง ท้องธิดาวีร์ขึ้นมาได้ก็เพราะว่าแพรวาวางแผนให้เชษฐ์มา ตกหลุมพราง ถ้าหากจะบอกว่ากล้าณรงค์เป็นลูกชายของแพรวา งั้นพ่อของกล้าณรงค์ก็ไม่ใช่เชษฐ์ แล้วจะเป็นใครล่ะ?”
คำถามของนรมนบุริศร์เองก็ตอบไม่ได้ แต่ว่ากลับพูดเสียงต่ำ ขึ้นว่า “มีอย่างหนึ่งสามารถมั่นใจได้ ถ้ากล้าณรงค์เป็นลูกแท้ ๆ ของแพรวา งั้นก็จะสามารถอธิบายได้แล้วว่าที่แพรวาทำทุกอย่าง เพื่ออะไร ที่เธอวางกับดักใส่เชษฐ์ จนให้ตั้งท้องธิดาขึ้นมา ที่จริง ก็เพื่อจะให้สิ่งแวดล้อมที่ดีอันหนึ่งกับกล้าณรงค์ สิ่งที่เธอวางแผน ทุกอย่างก็เพื่อกล้าณรงค์ รวมทั้งที่เธอลงมือกับพวกเรา ลงมือกับ ตระกูลโตเล็ก ที่บอกว่าทำเพื่อธิดา อยากจะเอาทุกอย่างที่เป็น ของธิดาคืน หรือจะพูดว่าแพรวา ใช้ธิดาเป็นข้ออ้าง แล้วกะว่า อยากจะเอาตระกูลโตเล็กไปทั้งหมดแล้วค่อยมอบให้กับกล้า ณรงค์ซะมากกว่า”
พอได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาทันทีเลย
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนี้ล่ะคะ? ธิดาก็เป็นลูกสาวของแพรวา เหมือนกันนี่คะ”
บุริศร์ส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ในตอนที่แพรวาวางกับดักใส่ เชษฐ์นั้น ก็รู้ว่าเชษฐ์เป็นคุณชายรองของตระกูลโตเล็กแล้ว และ อีกอย่างเชษฐ์ทำเรื่องราวมากมายเพื่ออชิระขนาดนั้น แพรวาที่ อยู่ข้างกายก็จะต้องเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว จากความฉลาดของ เธอ ก็จะต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าถึงแม้เธอจะตั้งท้องลูกของเชษฐ์ เชษฐ์ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อเธอแน่ หนำซ้ำอาจจะยิ่ง เกลียดเธอมากขึ้น แต่ว่าเธอก็ยังทำแบบนั้น เพราะอะไรล่ะ? ยังมี อีกอย่าง จากที่เธอเข้าใจในตัวเชษฐ์ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าธิดาเกิดมาแล้ว จะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง แต่เธอกลับไม่ได้ถอยหนี แต่เลือกที่จะ คลอดธิดาออกมาภายใต้สายตาของเชษฐ์ และที่สำคัญยังปล่อย ให้เชษฐ์เอาธิดาไปทิ้งโดยไม่ห้ามปรามอะไรเลย เพราะอะไร ล่ะ?”
นรมน โดนบุริศร์ถามว่าทำไมติด ๆ กันอันแล้ววันเล่าจนมึนงง ไปเลย
“ไม่ใช่ คุณรอเดี่ยว ทำไมอันแรกฉันจะยังไม่คิด มาพูดทำไม อันที่สองกัน อะไรทำให้คุณรู้สึกว่าแพรวาสามารถหนีรอดไปจาก เงื้อมมือของเชษฐ์ได้?”
บริศ รู้สึกว่าภรรยาตัวน้อยของตัวเองเข้าถึงทางตันแล้ว จึง อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา “คุณลืมไปแล้วเหรอ ตอนแรกแพรวาและ อชิระได้ออกมาจากบ้านเด็กกำพร้าพร้อมกับเชษฐ์ และแพรวาก็ เป็นเพื่อนสนิทของอชิระ ถ้าเธอไม่มีความปรารถนาอะไรต่อเชษฐ์ละก็ เชษฐ์ก็จะต้องเทิดทูนเธอให้ราวกับเป็นแขกพิเศษคนหนึ่ง ในเมื่ออชิระไม่ได้มีเพื่อนเยอะ มีเธออยู่เป็นเพื่อน อชิระก็จะได้มี ความสุขมากขึ้นไม่ใช่เหรอ? เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าแพรวาจะวาง กับดักใส่เชษฐ์ ได้นอนกับเขาแล้ว แต่ว่าด้วยนิสัยของเชษฐ์แล้ว ไม่ก็ต้องจัดการเธอให้ตาย หรือไม่ก็ไล่เธอไปซะ แต่ว่าคุณไม่รู้ สึกแปลกเหรอ? จากคนอย่างเชษฐ์ เขากลับไม่ฆ่าแพรวาให้สิ้น ซาก แต่เพียงแค่กักขังเธอไว้ แล้วก็บอกกับทางอชิระว่าแพรวาได้ ออกไปจากเกาะแล้ว นี่มันเป็นเพราะอะไรล่ะ?”
พอโดนบุริศร์ถามกลับมาอย่างนี้ นรมนถึงรู้สึกได้ว่าข้างในนี้ มันมีจุดแปลก ๆ มากมายเลย
ความรู้สึกที่เชษฐ์มีต่ออชิระนั้นพวกเขาเห็นเองกับตา บุริศร์พูด ได้ถูกต้อง แพรวาวางกับดักใส่เชษฐ์ จากนิสัยของเขาไม่มีทางที่ จะปล่อยให้เธอมีชีวิตรอดแน่ ในเมื่อฆ่าแพรวาแล้วค่อยบอกกับ อชิระว่าเธอออกไปจากเกาะแล้วก็เหมือนกัน แต่ว่าเชษฐ์กลับ ปล่อยให้แพรวามีชีวิตอยู่ต่อ ไม่เพียงมีชีวิตเท่านั้น ยังปล่อยให้ เธอคลอดธิดาออกมาอีก แค่นี้ก็มากพอที่จะพูดได้แล้วว่า ในมือ ของแพรวาจะต้องกุมความลับอะไรของเชษฐ์ไว้แน่ จนทำให้ เชษฐ์ไม่รู้สึกเกรงกลัวเธอไม่ได้
งั้นตกลงเชษฐ์เกรงกลัวอะไรแพรวากันแน่?
ถ้าหากที่บุริศร์เดามาทั้งหมดถูกต้อง แพรวาคลอดธิดาออก มาก็แค่เอามาบังหน้า แล้วที่ทำทั้งหมดก็เพื่อลูกชายกล้าณรงค์ คนนี้เท่านั้นละก็ งั้นเรื่องราวต่อจากนั้นก็คุ้มที่จะไปขุดขุยดี ๆ สัก หน่อยแล้ว
น่าเสียดายที่ตอนนี้เชษฐ์ตายไปแล้ว อชิระก็ตายไปแล้ว เรื่อง ราวต่อจากนั้นมีอะไรบ้างนั้น ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถที่จะรู้ได้ แล้ว
นรมนรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่พอนึกถึงความเป็นไปได้ที่ถ้า หากว่ากล้าณรงค์เป็นลูกชายของแพรวาจริง ๆ เธอก็อยากจะลอง ไปพิสูจน์ดูสักหน่อย
“ตอนนี้อย่าสนเลยว่าเป็นยังไง ฉันแค่อยากรู้เรื่องที่ว่าต้องทำ ยังไงถึงจะสามารถตรวจสอบได้ว่ากล้าณรงค์เป็นลูกชายแท้ ๆ ของแพรวา จะให้ธิดากับเขาตรวจดีเอ็นเอด้วยกันเหรอ?”
“ไม่ต้องหรอก ระหว่างธิดาและกล้าณรงค์ถึงแม้จะเป็นลูกพี่ลูก น้องกัน ในผลตรวจดีเอ็นเอก็จะแสดงออกมาอยู่ดี ทางที่ตรงที่สุด ก็คือเอาตัวอย่างดีเอ็นเอของแพรวาและกล้าณรงค์ไปตรวจ”
คำพูดของบุริศ ทำให้นรมนรู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย
“คุณล้อเล่นอะไรน่ะ แพรวาตายไปตั้งนานแล้ว หรือว่าคุณจะ เอาเถ้ากระดูกของเธอมาทำการตรวจดีเอ็นเอเหรอ?”
บริศ ฟังคำประชดของนรมนไปแต่กลับไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่ กลับหัวเราะแหะ ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “มีคนมีตัวอย่างดีเอ็นเอของ แพรวา”
“ใครคะ?”
“ราเชน”
บริศ พูดขึ้นเสียงเรียบ
“เพราะการตายของซินดี้จึงทำให้ราเชนเกลียดแพรวามาก ก็ เลยเอาเธอไปเฉือนสด ๆ และแน่นอนว่าจะต้องเลือกที่ที่ลับมาก แห่งหนึ่งมาทำเรื่องอย่างนี้แน่ แพรวานั้นโดนเชือดเฉือน ในขณะ ที่เธอโดนเฉือนเนื้อทุกชิ้นออกไปนั้นจะต้องมีเลือดสาดกระเซ็น แน่ ถ้าหากหาดี ๆ ก็น่าจะสามารถหาตัวอย่างดีเอ็นเอที่พวกเรา ต้องการมาได้ เพียงแต่ว่ามีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง พวกเราจะพูด เรื่องนี้กับราเชนยังไง?
“ก็พูดไปตามความจริงนะซิ”
นรมนกลับไม่ได้คิดมากอย่างบุริศร์
เธอพูดขึ้นตรง ๆ ว่า “เอารูปถ่ายของกล้าณรงค์ส่งไปให้ราเชน ถ้าหากพวกเรายังไม่เคยได้เห็นกล้าณรงค์ละก็ คาดว่าราเชนก็ คงจะไม่เคยได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา องค์ชายสามคนนั้น เชื่อใจกล้าณรงค์ซะขนาดนั้น ก็จะต้องปกป้องเขาเป็นอย่างดี แน่นอน พอราเชนได้รูปถ่ายของกล้าณรงค์ไป แบบนี้ถึงจะ สามารถเอาตัวอย่างดีเอ็นเอของกล้าณรงค์มาได้อย่างถูกต้อง พอถึงตอนนั้นเรื่องที่พวกเราอยากจะรู้ก็จะได้รู้สักที”
บุริศร์ได้ยินนรมนแยกแยะเช่นนี้ กลับไม่ได้ดีใจมากเกินไป
“เป็นอะไรคะ? ที่ฉันพูดไม่ถูกเหรอคะ?”
นโมนเห็นว่าเขาไม่ได้เห็นด้วยกับตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะถาม ขึ้นมาประโยคหนึ่ง
บุริศร์ถามเสียงต่ำขึ้นว่า “ที่คุณพูดมาถูกทุกอย่าง แต่ว่าตอนนี้ มีปัญหาที่เป็นจริงมากอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือตกลงราเชนอยากจะช่วยเราหรือเปล่า?
หมายความว่าไงคะ?”
นรมนรู้สึกว่ามึนงงขึ้นมาทันทีเลย
เป็นเพราะว่าช่วงที่เธอโดนหนอนพิษ ได้พลาดข่าวสารอะไรไป เหรอ?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ