บทที่ 1115 กินเก่งถือว่ามีสุข
“เป็นอะไรไป?
บริศ มองเห็นนรมนไม่ขยับเขยื้อน จึงเอ่ยถามทันที
นรมนมองใบหน้าเซ็งๆ ของกานต์ด้านหลังที่ตามลงมาจากรถ เธอหัวเราะแหะๆ “ลืมไปส่งกานต์ที่ตระกูลพรรณโรจน์
มุมปากของกานต์กระตุก
ลืมเหรอ?
ถึงแม้จะเป็นความจริง แต่ตอนนี้หม่ามี้เริ่มจะไม่สนใจความ รู้สึกของเขาขึ้นเรื่อยๆ
เฮ้อ เศร้าใจ
เจอเข้ากับสายตาเหยียดหยามของกานต์ รอยยิ้มของนรมน ยิ่งกระอักกระอ่วน
บุริศร์กลับพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ลืมก็ลืม อย่างมากก็แค่โทรให้ ป้องและคนอื่นมาเที่ยวพักผ่อนไปด้วยกันเลย ที่นี่มีห้องเพรสซิ เดนเชียลสวีท สามารถทำการให้คำปรึกษาทางสุขภาพจิตได้ เหมือนกัน”
“คุณช่างหล่อและมีเหตุผล”
กานต์ส่งเสียงออกทางจมูกอย่างเย็นชา พูดคำนี้ออกมาเบาๆ จากนั้นพิงด้านข้างมองกลุ่มคนที่เข้าออกอย่างเบื่อหน่าย
นรมนรู้สึกว่าลูกชายเย็นชาเกินไป
นิสัยของเขาสืบทอดมาจากกรรมพันธุ์ของบุริศร์
นรมนแอบหยิกบุรีศร์ เขาเจ็บจนขมวดคิ้ว
“ทําอะไรเนี่ย? ”
“ทั้งหมดนี้ต้องโทษคุณ คุณไม่เตือนฉันสักหน่อย
นรมนทำปากมุ่ย แก้มชมพูนั้นดูเย้ายวนอย่างยิ่งภายใต้แสง อาทิตย์อัสดง
บุริศร์กลืนน้ำลาย แววตาพลุ่งพล่าน
กานต์ไอขึ้นมาอย่างอดไม่ได้และกล่าวว่า “รีบเข้าไปเถอะ หนาว ดูสิแขนของผมขนลุกหมดแล้ว”
นรมนเกือบสําลักน้ำลายอีกครั้ง
หลังจากกมลลงมาก็กล่าวอย่างงุนงง “หนาวเหรอ? ทำไมหนู ถึงไม่รู้สึกเลย”
เพิ่งจะพูดจบ เธอก็ถูกกิจจาเอามือปิดปาก หัวเราะเอิ๊กอ๊าก “แด๊ดดี้ หม่ามี้พวกเราเข้าไปก่อนนะครับ”
พูดจบกิจจาก็หันไปสบตากานต์
กานต์เหลือบมองบุริศร์อย่างเย็นชา สบเข้ากับสายตากล่าว เตือนของบุริศร์
กานต์เดินจากไปอย่างดูถูกสุดๆ
บริศ แทบจะบ้า
ไอ้เด็กหน้าเหม็นคนนี้ สักวันจะส่งเขาไปที่ฝึกฝนที่มหาสมุทร แปซิฟิก
นรมนรู้สึกเก้อเขินที่ถูกลูกชายหยอกล้อ
“ต่อจากนี้อยู่ต่อหน้าลูกห้าม…………
นรมนพูดยังไม่ทันจบก็ถูกบุริศร์ใช้ปากปิดเอาไว้
ห้าม ห้าม ห้ามไปหมด
ทําไมต้องสนใจลูกด้วย
ภรรยาเป็นของเขา ลูกโตไปก็เป็นของคนอื่น เขาจะไม่ยอมให้ ภรรยาหรือสามีของคนอื่นมาทำให้ตนเองลำบาก
บริศร์พูดโจมตีในใจ ทวีความรุนแรงขึ้นทันที
นรมนอ่อนปวกเปียกตกอยู่อ้อมแขนของบุริศร์ทันที ตนเอง เข้าไปในโรงแรมอย่างไร ขึ้นลิฟต์ไปอย่างไร และเข้ามาในห้อง เพรสซิเดนเซียลสวีทได้อย่างไร เธอไม่รู้เลย
รอเธอได้สติกลับมา พบว่าตนเองอยู่บนเตียงในห้องเพรสซิ เดนเชียลสวีทแล้ว
แค่คิดถึงว่าระหว่างทางมีมองพวกเขาแค่ไหน ใบหน้าของนร มนแดงขึ้นทันที
“ครับ! ”
บริศ ขานรับเหมือนอยู่ในกองทัพ เพียงแต่มุมปากกลับอมยิ้ม อยากไม่รู้ตัว
“ห้ามยิ้ม!
นรมนรู้สึกว่าตนเองติดกับดักบุริศร์ รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่าง
มาก
“ครับ ไม่ยิ้ม”
บริศร์หยุดยิ้มอย่างจริงจัง แต่เมื่อไม่เห็นรอยยิ้มแล้วยังทำให้ นรมนรู้สึกขวางหูขวางตาเป็นพิเศษ
“คุณยังไม่โทรหาป้องอีกเหรอ ? เรื่องการรักษาสุขภาพจิต
ของกานต์ไม่สามารถรอได้นะ”
คำพูดของนรมนทำให้บุรีศรีบพยักหน้า
“ได้ ๆ ๆ ผมจะไปโทร”
ในระหว่างที่พูด บุริศร์หยิบมือถือเดินออกไป
มือถือของนรมนดังขึ้น รมิดาส่งข้อความมาหา
“อยู่ไหนเนี่ย? ใกล้จะปีใหม่แล้ว หาเวลาเจอกันหน่อยสิ ไป ช้อปปิ้งกันไหม? ”
ตอน รมิดามีเวลาส่งข้อความหานรมน ทำอะไรไม่ได้ เธอเบื่อเกินไป นอกจากผ่าตัดก็มีเพื่อนแค่ไม่กี่คน อรรณพที่แสนขี้หึง ต้องการใช้เวลาทั้งหมดกับเธอ รำคาญแทบแย่
นรมนยังคงหน้าแดง แต่ก็ส่งตำแหน่งไปให้
“มาเที่ยวกันเถอะ”
“ขี่ม้า? ”
รมิดาสนใจทันที
“ใช่แล้ว พาเด็กๆ มาเที่ยวเล่น
“โอเค”
หลังจากรมิดาวางสายก็ไปเก็บของ ท่าทางว่องไวของเธอ ทำให้ลูกทั้งสองคนเห็นแล้วนงง
“หม่ามี้ หม่าจะไปไหน? ”
“ออกไปเที่ยว ไปไหม? ถ้าไปก็รีบเก็บของแล้วตามหน้าที่ไป
พูดแล้วรมิดาก็ไปเก็บของ
นรมนเห็นรมิดากับโพนี่มา จึงถือโอกาสส่งข้อความหางาม สุดาด้วยเลย
“พี่สะใภ้ พวกเรามาที่สนามแข่งม้า อยากมาเที่ยวด้วยกัน ไหม? พวกเราอยู่กันครบทั้งสามคน
ทางฝั่งงามสุดาเมื่อได้รับข้อความก็นิ่งไปสักพัก เธอเหลือบ มองคริชณะที่กำลังอ่านรายงานทางทหารด้วยสีหน้าฉุนเฉียว จึงหยุดไปชั่วคราวและกล่าวว่า “หัวหน้าคริชณะ ฉันจะขอลาออกไป ข้างนอก
“ไปไหน?
เมื่อคริชณะเงยหน้าขึ้น ร่างกายยังคงมีไอพิฆาตอยู่ แต่แววตา ที่มองงามสุดามีความอ่อนโยนมาก
“ไปสนามแข่งม้า นรมนกับโพนี่พวกเขาอยู่ที่นั่น ฉันอยากไป สนุกด้วย”
งามสุดาพูดอย่างนุ่มนวล
หัวคิ้วของคริชณะขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาลุกขึ้นทันที หยิบเสื้อโค้ต “งั้นไปด้วยกันเถอะ”
“คุณไม่ได้ยุ่งอยู่เหรอ? ”
งามสุดาประหลาดใจ
คริชณะกลับกล่าวอย่างเรียบเฉย “งานไม่มีทางทําเสร็จหรอก ใกล้จะปีใหม่แล้ว ผมไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับคุณเลย คุณก็รู้ ผมเป็น ทหาร ยิ่งใกล้งบปลายปีก็ยิ่งยุ่ง อาศัยช่วงเวลานี้อยู่กับคุณและ ลูกๆ ดีกว่า”
งามสุดอบอุ่นหัวใจทันที
“ค่ะ”
งามสุดาไปจัดการ
นรมนไม่รู้ว่าการโทรเพียงครั้งเดียวจะสามารถให้คุณชายทั้งสี่แห่งเมืองชลรวมตัวอีกครั้ง
บุริศร์คุยได้ เรื่อง
อืม เรียก สะใภ้ รมโพนี่ก็ด้วย พวกเรา สามารถไพ่นกกระจอกแล้ว
บุริศร์อึ้งเล็กน้อย แต่กลับพูดอย่างเอาใจ ดี แพ้ชนะไม่ สําคัญ เล่น
ฉันว่าคุณรวย
นรมนยิ้มอย่างสบายใจ
บริศ ออกไปมอบหมายให้เตรียมเมืองชลธี
ในช้า ป้อง
นรมนได้เจอปวีรานานแล้ว
เด็กคนนี้แต่ช่วยกานต์ก็ถูกป้องรับเลี้ยงเป็นลูก จนถึงตอนผ่านไปเกินครึ่งแล้ว
เมื่อได้กับราครั้ง
สุภาพเรียบร้อย ถึงชื่นชม
สามารถเห็นได้ว่า ป้องสองสามีภรรยาเลี้ยงดูปวีราเหมือน ลูกสาวแท้ๆ ของตนเอง
“คุณป้านรมนสวัสดีค่ะ”
ปวีราท่าภาษามือ
นรมนรู้สึกเสียดายและทอดถอนใจไม่น้อย
เด็กสาวที่ดีแบบนี้ต้องพูดไม่ได้ตลอดชีวิต น่าเสียดาย
“ปวีรานับวันยิ่งสวยขึ้นนะ
นรมนลูบศีรษะของเธอ
ปวีรายิ้มอย่างเขินอาย จากนั้นจึงถามด้วยภาษามือ “กานต์อยู่ ไหนคะ?
“อยู่ในห้องจ้ะ ฉันจะพาเธอไปหาเขา
นรมนชอบปวีรามาก
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้านรมน หนูไปเองได้ ป้าคุยกับหม่ามีเถอะ
ค่ะ”
ปวีราพูดจบก็เดินจากไป
นรมนมองแผ่นหลังของปวีรา และถอนหายใจออกมา “ถ้าเด็ก คนนี้พูดได้คงจะดี
โพนี่ก็ทอดถอนใจ
“ฉันกับป้องก็เคยคิดปัญหาเรื่องนี้นะ แต่ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นมาภายหลังแบบนี้ มันทำอะไรไม่ได้จริงๆ บางครั้งพวกเราเป็น หมอ กลับทำอะไรไม่ได้ ความรู้สึกไร้พลังแบบนี้ค่อนข้างน่ากังวล แต่ปวีราเก่งมาก เธอก้าวข้ามมันไปได้ ตอนนี้มีชีวิตที่สดใส มั่นใจในตัวเอง ไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจข้อบกพร่องของตนเอง เลย นี่เป็นเรื่องที่ฉันกับป้องชื่นใจที่สุด
โพนท้องได้หกเดือนกว่าแล้ว
นรมนมองท้องของเธอ และรีบดึงมือเธอตรงเข้าไปในห้อง
“เข้ามานั่งก่อน ดูแล้วท้องของเธอใหญ่มาก
“อย่าพูดเลย ลูกคนนี้มันร้าย กินเก่งเกินไป เธอไม่เห็นว่าฉัน อ้วนขึ้นหรือไง”
โพนี่กลุ้มใจ
นรมนนึกถึงลูกที่ไร้วาสนาคนนั้นของตนเอง อดรู้สึกทุกข์ใจไม่
“กินเก่งถือว่ามีสุข”
โพนี่ไม่ได้สังเกตเห็นความเจ็บปวดในแววตาของนรมน “เธอ มีลูกชายสองคนลูกสาวหนึ่งคนแล้ว ไม่จำเป็นต้องท้องอีกแล้ว พี่ รองก็ทําเพื่อเธอ”
“ฉันเข้าใจ”
นโมนหัวเราะเบาๆ
รมิดาพาลูกทั้งสองคนมา เมื่อนรมนกับโพนี่เห็นเธอก็หัวเราะ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมหน้ากับคอถึงได้แดงก่ำแบบนี้? ”
นรมนพูดติดตลก
รมิดาพูดอย่างระทมทุกข์ “ยังจะมีอะไรอีกล่ะ ถูกหมากัดมา
“บอกว่าผมเป็นหมา แล้วคุณเป็นอะไร? ”
อรรณพอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด
“ไปไกลๆ เลยนะ”
รมิดาถลึงตาใส่เขา ดึงนรมนกับโพนเข้าไปในห้อง
เมื่อผู้หญิงสามคนมาอยู่ด้วยกัน พวกเขาหัวเราะคิกคัก รองาม สุดามา
บริศ พาป้องไปหากานต์ เปิดห้องเดี่ยวให้กานต์ห้องหนึ่ง ส่วนปวีราคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ
“ออกไปเถอะ สาวน้อยของฉันอยู่ด้วยนายยังไม่อะไรต้องเป็น
ห่วงอีก?
ป้องผลักบุริศร์ออกไปทันที
อรรณพจุดบุหรี่ มองเห็นบุริศร์ออกมา จึงยิ้มถาม “ได้ยินมาว่า นายกำลังจะเขียนรายงานการเปลี่ยนงานเหรอ? ”
บริศ เหลือบมองเขา และตอบอย่างเย็นชา “เห็นนายมีท่าทาง มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นแบบนี้ อยากจะแข่งไหม
“เอาไหมล่ะ?”
อรรณพตั้งใจแบบนี้จริงๆ
ทั้งสองคนไปที่ยิม เริ่มการต่อสู้ระยะประชิด
เมื่อคริชณะกับงามสุดามาถึง งามสุดาก็ตรงไปที่ห้องของนา มนทันที คริชณะได้ยินว่าป้องกำลังให้คำปรึกษาทางสุขภาพจิต กับกานต์อยู่ เขาจึงไม่กล้ารบกวน คิดอยู่สักพัก จึงเคาะประตู ห้องของนรมน
นรมนและคนอื่นแปลกใจเล็กน้อย
งามสุดาพูดด้วยรอยยิ้ม “สามีของฉันคนนั้น เดาว่าคงจะมา ขอโทษเธอ”
“หา? ขอโทษ? ”
บรมนงุนงง
รมิดากับโพนี่ก็แปลกใจ รมิดาจึงเดินไปเปิดประตูทันที
คริชณะถามอย่างมง่าม “ผมเข้าไปจะสะดวกไหม? ”
“ถ้าหัวหน้าคริชณะคิดว่าสะดวกพวกเราก็ไม่มีใครว่าอะไรได้ คะ”
รมิดายิ้มบางๆ แต่เห็นได้ชัดว่ามีความยั่วยุเล็กน้อย คริชณะกระแอมไอ เพื่อปิดบังความกระอักกระอ่วนและความอึดอัด
เขาเดินเข้าไป เหลือบมองงามสุดา จากนั้นจึงหันไปมองนรมน โค้งคํานับให้เธออย่างเคร่งขรึม ทําให้นรมนตกใจ
“พี่ใหญ่ นี่คุณทำอะไรคะ?
นรมนค่อยๆ ลุกขึ้น กลับถูกงามสุดาดึงเอาไว้
“นั่งลงเถอะ นี่คือค่าขอโทษ เธอควรจะได้รับมัน”
ถึงแม้งามสุดาจะตัวเล็กน่ารัก แต่มีแรงไม่น้อย นรมนถูกเธอ ดึงเอาไว้ไม่สามารถขยับได้สักนิดเดียว
เธออดตก ใจไม่ได้
ดูเหมือนงามสุดาจะไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ทั่วไป
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ