บทที่ 1046 ผมแนะนําว่าอย่าอวดดีเกินไป
บริศ คิดว่าการแสดงออกของนรมนนั้นตลกมาก
เขายิ้มและพูดว่า “มันยากที่จะรู้คำสั่งเสียของเขาเหรอ? ไม่ว่า อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นพ่อของผม สภาพของธิดาตอนนี้คงไม่ ปรากฏตัวอย่างแน่นอน ตอนนั้นที่ผมอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ คนที่เขาบอกคำสั่งเสียมีแต่ลูกสะใภ้อย่างคุณคนเดียว แม้ว่าผมจะไม่ยอมรับว่าเขาเป็นพ่อของผม แต่เขาไม่เคยอ้างตัว ว่าเป็นพ่อของผมจนกระทั่งเขาตาย เขาทำผิดมามากมายในชีวิต แต่กฎหมายได้ลงโทษเขาแล้ว ทุกอย่างได้กลายเป็นผุยผงไป หมดแล้ว เรื่องการไปเก็บกระดูกก็ควรเป็นหน้าที่ลูกชายอย่างผม ผมถึงไม่ได้บอกคุณ ผมแค่พาพวกเขาไปฝัง ก่อนหน้านี้ผมรู้ว่า เขาซื้อสุสานไว้แล้ว เขาปฏิเสธที่จะอยู่หลุมฝังศพของบรรพบุรุษ เขาขอแค่ให้อชิระอยู่กับเขาต่อไปจนถึงชาติหน้า
นรมนรับรู้ถึงความเศร้าในใจของบุริศร์ เธอโอบศีรษะของเขา และพูดเบาๆ ว่า “คุณยังมีฉัน และลูกๆ นะคะ”
“ผมรู้ จริงๆ แล้วผมค่อนข้างน่าสงสาร พ่อแม่ของผมให้ กำเนิดผมและครินท์เพื่อประโยชน์ ตอนนี้พวกเขาจากไปแล้ว เหลือผมคนเดียวในโลกนี้ ถ้าไม่มีคุณ ไม่มีลูก ผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะ อยู่บนโลกนี้เพื่ออะไร นรมน ขอบคุณที่ไม่ทิ้งผมและขอบคุณที่อยู่ กับผม”
เมื่อฟังคำพูดของบุริศร์แล้ว นรมนก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“ค่ะๆ ดูกันต่อไปนะ ทานข้าวกันค่ะ หลังจากทานเสร็จเราไป Anona ไม่ใช่ว่าพอถึงตอนนั้นทุกคนไปที่นั่นแล้ว แต่เราไม่ได้ ไป มันไม่ค่อย
นรมนเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
บุริศร์ยิ้มขึ้น พร้อมสายตาที่อ่อนโยน
กมลเปลี่ยนเป็นชุดเจ้าหญิงที่สวยงาม หลังอาหารเช้าเสร็จ บุรี ศร์ขับรถพาพวกเขาไปที่Anonaด้วยตัวเอง
Anonaเป็นธุรกิจของป้อง เปิดมาหลายปีแล้ว ที่นี่ล้วนมีแค่ สมาชิกวีไอพี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องด้วยการให้กำเนิดลูก ของพี่คริชณะ เครื่องเล่นสำหรับเด็กบางส่วนได้รับการเพิ่มเข้ามา โดยธรรมชาติ
กมลรู้สึกชอบทันทีที่เธอมา
“ว้าว มีสไลเดอร์ตรงนี้ด้วย แด๊ดดี้หม่ามี้หนูขอไปงานเล่นได้
ไหมคะ?”
ท่าทางของกมลทำให้นรมนยิ้มขึ้น
“ได้ แต่ต้องไปพบคุณอาและคุณลุงก่อนนะ”
“โอเคค่ะ”
กมลเห็นด้วยอย่างไม่เต็มใจนัก
บริศ พาพวกเขาไปที่ห้องโถงที่พวกเขามักจะนัดรวมตัวกัน
คริชณะพางามสุดาและลูกชายลูกสาวตนัยและเวชนี ป้องมา พร้อมกับโพนี่ที่กำลังตั้งครรภ์ เมื่อเขาเห็นบุรี และคนอื่นๆ มา แล้ว ทันใดนั้นก็เดินออกมา
“มาแล้วเหรอ”
“อืม นี่ภรรยาของผมนรมน และลูกสาวของผมกมล”
บริศ แนะนํา
นี่เป็นครั้งแรกที่นรมนได้เจอคริชณะ
ชายผู้นี้ดูเหมือนทหารมวลที่เขาแผ่ออกมาจากร่างกายนั้น เป็นสิ่งที่ยากจะลืมเลือน
“หัวหน้าคริขณะสวัสดีครับ”
“เรียกผมว่าพี่เถอะ ที่นี่ไม่มีหัวหน้าคริชณะ”
คริชณะยิ้มเบาๆ
กมลเห็นดนัย ก็วิ่งไปหาพร้อมกับรอยยิ้ม
“พี่ดนัย พี่ก็อยู่มาด้วยเหรอ?”
“อืม ให้เธอ”
ดนัยหยิบช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งออกจากกระเป๋าของเขาแล้วยื่น
ให้กมล
“ขอบคุณค่ะ ดนัย”
กมลรับมันอย่างอ่อนหวาน และขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้ม
เวธนีมองไปที่ดนัยและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หนูยังสงสัยว่า ทำไมถึงไม่กินช็อกโกแลตชิ้นนี้ ที่แท้ก็เก็บไว้ให้กมลนี่เอง”
ดนัยตอบอย่างแผ่วเบา จากนั้นจับมือกมลและพูดว่า “กมล พี่ จะพาไปตรงนั้น ดูว่ามีอะไรอร่อย”
” โอเคค่ะ!”
นักกินอย่างกมล คงจะไม่ปฏิเสธคำเชิญแบบนี้อยู่แล้ว
นรมน โล่งใจที่เห็นว่าลูกและดนัยเข้ากันได้ดีมาก
“ณพยังไม่มาเหรอ?”
บริศร์แขวนเสื้อคลุมของนรมน และถามออกมา
“อยู่ระหว่างทางแล้วครับ น่าจะมาถึงเร็วๆ นี้ ขณะที่พูด อรรณพก็เดินเข้ามา
“มาถึงก้นหมดเหรอ?”
“ณ ทําไมคุณมาคนเดียว แล้วภรรยาและลูกๆ ของคุณล่ะ?”
ป้องเหลือบมองข้างหลังอรรณพ
อรรณพพูดอย่างแผ่วเบา “อีกครู่หนึ่งก็มา รมิดาไปรับพวกเขา แล้ว ผมมาที่นี่ก่อน
“ทำไมมาที่นี่คนเดียวล่ะ? ปล่อยให้ผู้หญิงมากับลูกสองคน คุณไม่เป็นห่วงเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าครขณะไม่พอใจเล็กน้อย
อรรณพพูดอย่างอุ่นเคือง “เฮีย ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องการช่วย
แบ่งเบาภาระนะ แตรมิตายืนกรานที่จะให้ผมมาก่อน ผมจะทำ
อย่างไรได้ล่ะ? คำสั่งของภรรยาผมก็ต้องเชื่อฟังถูกไหม?” “เอาเถอะๆ เราไม่ได้เล่นไพ่นกกระจอกนานแล้ว มาเถอะ โต๊ะ
ว่างพอดี”
คำพูดของบริศ ทำให้สายตาของคริชณะผ่อนคลายลงเล็ก น้อย
งามสุดารีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ผู้หญิงอย่างพวกเรามานั่งตรงนี้ กันค่ะ?”
“ค่ะ”
นรมนเดินตามงามสุดาไปที่โซฟาข้างๆ
ท้องของโพนี่ใหญ่มากแล้ว นรมนก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย “อีกไม่กี่เดือนคงจะคลอดแล้วใช่ไหมคะ? ปวีราล่ะคะ? ไม่ได้ พามาเหรอ?”
“ปวีราไปเรียนน่ะค่ะ กลับมาไม่ได้ เด็กคนนี้มีความสามารถ ในการเรียนรู้มาก และเราไม่อยากขวางพรสวรรค์ของเธอ ป้อง บอกว่าถ้าเธอตั้งใจ ก็ปล่อยให้เธอสืบทอดมรดกของเราต่อไป”
เมื่อโพนี่พูดถึงปวีรา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความภาค ภูมิใจ
เด็กคนนี้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากสโมสร เมื่อมาอยู่ในตระกูล พรรณโรจน์ก็เห็นคุณค่าในสภาพปัจจุบันและชีวิตมากขึ้น พยายามที่จะเดินให้พร้อมกันเพื่อนรุ่นเดียวกัน เรื่องนี้ทำให้ป้อง และโพนี่พอใจมาก
นรมนยิ้มและพูดว่า “ปวีราเป็นเด็กดี ฉันยังจำได้ว่าเธอดูเป็น อย่างไรตอนที่ช่วยชีวิตกานต์ เดี๋ยวนะคะ กานต์ไม่ได้เจอปวีรามา ระยะหนึ่งแล้วใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ ปวีราก็ยุ่งมากเหมือนกัน”
งามสุดายิ้มและพูดว่า “กานต์เป็นม้ามืดในเขตทหาร ฉันได้ ยินคริชณะพูดว่าเขาตั้งใจที่จะฝึกฝนกานต์ ฉันเกรงว่าเขาจะมี เวลากลับมาได้น้อยกว่าเดินในอนาคต”
เมื่อได้ยินดังนั้น นรมนก็ถอนหายใจและพูดว่า “คุณคิดดูสิคะ
ฉันเลี้ยงลูกชายมา แต่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันน่าเศร้าใจ
ขนาดไหน”
“อย่าว่าแต่คุณเลยค่ะ ดนัยของฉันก็ถูกพ่อของเขาส่งไปยัง เขตทหารตั้งแต่เขายังเด็ก? ลูกของครอบครัวพวกเรานี่ พูดตาม ตรงนะคะ พวกเขาได้เปรียบกว่าเด็กทั่วไปมาก แต่พวกเขาก็ต้อง เสียสละบางอย่าง อย่างเช่นวัยเด็ก บางครั้งก็ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ดี สําหรับลูก”
งามสุดาเป็นคนอ่อนโยนและนุ่มนวล ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกใกล้ ชิดกันมากขึ้น
นรมนก็คิดถึงลูกชายของเธอเช่นกัน
เมื่อเห็นพวกเธอเป็นเช่นนี้ โพนี่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “อย่าเป็น แบบนี้กันสิคะ ถ้าฉันมีลูกชาย ป้องก็คงส่งตัวไปยังเขตทหาร เหมือนกัน พวกคุณทำให้ฉัน ใจไม่ได้นะคะ
งามสุดาและนรมนหัวเราะทันทีเมื่อได้ยิน
เมื่อเห็นนรมนพูดคุยอย่างสนุกสนาน บุริศร์ถึงถอนสายตา
กลับมา
“เป็นอะไรไป? คุณยังกลัวว่าภรรยาของผมจะรังแกภรรยาคุณ เหรอ??”
คริชณะถามขึ้น
บุริศร์ยิ้มและพูดว่า “ผลกลัวว่าเธอจะกลัวคนแปลกหน้า
ในขณะที่พูดเขาก็วางไม่ลงไป
ป้องยิ้มและพูดว่า “กลัวคนแปลกหน้า? คุณแน่ใจหรือ? ผมจำ ได้ว่าภรรยาของคุณไม่กลัวคนแปลกหน้าเลยในตอนที่เธอไปหา พี่สะใภ้เพื่อช่วยสกัดกั้นนักข่าว
เมื่อพูดอย่างนั้น ป้องกวางไพ่ไป
“ชน!”
บริศร์ชนทันที
ป้องผงะไปครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร เมื่อเขาวางอีกครั้ง บุริศร์ นอกจากจะชนแล้วยังเอาอีกด้วย ในที่สุดก็เอามาได้แล้วนำไฟไปรวม
ป้องมองไปที่ไพ่ของตัวเอง จากนั้นมองไปที่บุริศร์ และอดไม่ ได้ที่จะถามด้วยความกลุ้มใจ “คุณจงใจรึเปล่า?”
“อืม ผมตั้งใจขนไพ่ของนาย”
บริศ ยอมรับโดยตรง
“ไม่ คุณสามารถชนะได้หากไพ่ถูกเปิด? คุณแน่ใจหรือว่าไม่ได้ ออกไพ่ใบเก่า?”
ป้องเริ่มกลุ้มใจมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณเห็นมันเหรอ?”
บุริศ เลิกคิ้วและเหลือบมองเขาด้วยท่าทางหยิ่งยโส “อย่าพูด ไร้สาระหากไม่มีหลักฐาน
ป้องทําได้เพียงอดทน
เกมต่อไปเกือบจะเป็นสนามรบระหว่างบุริศร์และป้อง ตราบใดที่มันเป็นไพ่ของ ป้อง บุริศร์จะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อชนหรือเอามันมา
ในท้ายที่สุดป้องสูญเสียเงินไปหลายแสน ส่วนด้านหน้าบุริศร์ ก็เต็มไปด้วยชิปของกาสิโน
คริชณะและอรรณพกลั้นยิ้ม และทำหน้าที่เป็นคู่ซ้อมอย่าง เงียบๆ
ป้องผลักไพ่นกกระจอกเป็นครั้งสุดท้าย มองบุริศร์อย่างไม่ พอใจและพูดว่า “คุณจงใจทำมันใช่ไหม? สนุกมากเหรอ? ผมแค่พูดถึงภรรยาของคุณประโยคเดียว ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ ครับ?”
“มากกว่าหนึ่งประโยค”
บริศ พูดเบาๆ
“อะไรนะครับ?”
ป้องอึ้งไป
เขาพูดว่าอะไร?
บริศร์พูดต่อว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน คุณบอกว่าภรรยาของผม เป็นผู้หญิงที่โง่เขลา”
“ให้ตายเถอะ!”
ป้องฉุนเฉียวขึ้นมา
“ไม่ใช่ คุณไม่ได้รักษาอาการเจ้าคิดเจ้าแค้นนี้ใช่ไหม”
“รอจนกว่าคุณจะรักษาโรคประสาทของผมได้ค่อยพูดนะ”
“คุณยังคิดได้เหรอว่ายังต้องการผมอยู่? บุริศร์ ผมแนะนำว่า อย่าอวดดีเกินไป
บริศร์ทำเป็นไม่รับรู้ถึงที่เสียงโห่ร้องของป้อง
“ยังเล่นอีกไหมครับ?”
“ยังจะเล่นอีกเหรอครับ? เฮียก็ไม่ดูเลย”
คริขณะยักไหล่และพูดว่า “ตัวเองไม่สามารถควบคุมปากตัว เองได้จะไปดู ใครได้ แต่ป้อง คุณก็จริงๆ เลยนะ บุริศร์สามารถ ชนะคุณได้แม้ว่าจะเปิดไพ่แล้ว ฝีมือการเล่นของคุณแย่แบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
เกมนี้ไม่สามารถเล่นได้อีกต่อไป
ป้องลุกขึ้นทันที
“ไม่เล่นแล้ว กลั่นแกล้งคนอื่น”
“โถ่ ไม่อยากเล่นแล้วเหรอ? ถ้าชนะผมจะคืนเงินให้คุณ?”
คำพูดของบริศ ทำให้มุมปากของป้องกระตุก
“คุณชายตรินท์อย่างผมไม่ยอมแพ้ใครหรอก?”
“อืม ก็ดีครับ”
หลังจากที่บุริศ พูดจบ เขาก็ผลักกองชิปไปที่ป้องทันที
“แลกเป็นเงิน ผมต้องการเงินสด”
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ผมจะไปแลกเงินสดให้คุณมากขนาดนั้น ได้ที่ไหน?”
ป้องรู้สึกว่าวันนี้บริศร์มาที่นี่เพื่อทำลายบรรยากาศ
บุริศร์พูดอย่างเฉยเมย “ช่วยไม่ได้ ผมแค่อยากให้เงินสดที่ผม ได้รับในวันนี้กับภรรยาของผม ทำไมครับ? คุณมีปัญหาอะไร ไหม?”
ป้องรู้สึกว่าคงไม่ได้เล่นดีๆ แน่
เขาแค่พูดว่านรมนว่าเป็นสะใภ้โง่เขลาและไม่ได้กลัวคนแปลก หน้าไม่ใช่เหรอ?
ต้องทำถึงขนาดนี้เลย
“เร็วเข้า!”
บริศ เตะเขา
ป้องกัดฟันและขอให้ผู้จัดการเข้ามาจัดการให้ เขามองไปที่โพ นี่ด้วยความคับข้องใจและพูดว่า “ผอ.โพนี่ สามีของคุณถูกคน อื่นรังแกคุณสนใจหน่อยได้ไหม?”
โพนี่ผงะไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “คุณพูดเอง ไม่ใช่เหรอคะว่าผู้หญิงห้ามเข้าไปแทรกแซงเมื่อผู้ชายกำลัง จัดการเรื่องต่างๆ งั้นคุณก็จัดการเองนะคะ”
หลังจากพูดเสร็จเธอหันไปหานรมนและพูดว่า “คุณคะ ช่วงนี้ ร่างกายของคุณยังต้องรับการรักษาอยู่ เดี๋ยวคุณมาที่บ้านของ ฉัน ฉันจะให้ใบสั่งยาแก่คุณ แม้ว่ารมิดาจะเป็นคนต่างชาติ แต่ ด้านนรีเวชฉันพอได้ค่ะ”
“ค่ะ”
ป้องอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าภรรยา ของเขาไม่สนใจเขา และอดไม่ได้ที่จะไม่ชอบใจนรมนกว่าเดิม
“บุริศร์ ผมคิดว่าเราสองคนต้องพูดคุยกันแล้วครับ แบบส่วนตัว! ”
ป้องกัดฟันพูด
บุริศร์ยิ้มและพูดว่า “ได้ครับ ผมไม่ได้ใช้กำลังมานาน ไปกัน เถอะ ไปที่ห้องชกมวยชั้นบนสุด?”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ