บทที่ 231 เธอทำแบบนี้เธอสนุกนักเหรอ
นรมนรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนไร้ยางอายไปเสียแล้ว ทำไมยอมให้บุริศร์ทำมิดีมิร้ายอยู่ได้ และผลกระทบจากครั้ง ก่อนก็ยังไม่หาย จะให้กมลเห็นไม่ได้
เมื่อคิดได้อย่างนี้ นรมนจึงรีบผลักบุริศร์ออก
“หยุดเถอะ เดี๋ยวกมลก็จะออกมาแล้ว”
เธอจึงพูดเสียงเบาๆ กลัวว่าเด็กสองคนที่อยู่ข้างในจะได้ยิน บุริศร์ก็พูดด้วยเสียงเบาๆขึ้น: “กลัวอะไร พวกเขายังคงอีก
สักพัก”
“ไม่ได้”
นรมนที่ไม่ยอมให้ตัวเองอับอาย
บริศร์ที่ไม่ยอมหยุด
ขณะที่สองคนกำลังเถียงกันอยู่นั้น กิจจาได้กระแอมขึ้น วางมาดผู้ใหญ่แล้วพูด “เหมือนครั้งก่อนคุณย่าเคยบอกว่า พวกท่านทำอะไรอย่าทำต่อหน้าพวกหนูถูกไหม”
ประโยคนี้ทำให้แก้มนรมนถึงกับแดงระเรื่อ
บุริศร์ขึงตาใส่เขาไปทีหนึ่ง กิจนาแทบไม่สนใจ
“เดี๋ยวกมลก็จะออกมาแล้วนะ”
เขายังคงข่มขู่บุริศร์อย่างใจเย็น
บุริศร์รู้สึกว่าตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งไม่ได้เรื่อง ที่โดนข่มขู่โดยเด็กน้อย และเจ้าเด็กน้อยคนนี้ยังเป็นเจ้าก้อนซาลาเปาที่เมื่อก่อน เคยกลัวเขาเป็นประจำ
นี่ช่างเป็นเรื่องที่แสนเศร้า
นรมนที่ไม่สนใจว่าบุริศร์จะคิดอย่างไร ตอนนี้เธอกลัวอย่าง เดียวคือกลัวกมลจะไม่พอใจเธอ ความอยากครอบครองบุรี ศร์ของเด็กคนนี้ช่างแรงกล้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเนื่องด้วยการ โหยหาความรักจากพ่อตอนเล็กๆหรือเปล่า จู่ๆเมื่อมีพ่อขึ้นมา จึงได้อยากครอบครองไว้เพียงคนเดียว แม้แต่หม่าม้ของเธอ คนนี้ยังต้องยืนรออยู่ด้านหลังเสียแล้ว
เมื่อเห็นนรมนถือสาขนาดนี้ บุริศร์ถึงได้ไม่ใจร้อนเหมือน อย่างเมื่อสักครู่
เธอช่วยนรมนจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนที่ไปจัดเตรียม อุปกรณ์ทานข้าวให้กับพวกกิจจา
นรมนถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย
เธอดูท่าทางบุริศร์ที่เหมือนไม่รู้สึกรู้สาใดๆ แต่ตัวเองกลับ ต้องมาเข่าอ่อน แก้มทั้งสองข้างแดงก่ำ เหมือนกับว่ามีเพียง เธอเท่านั้นที่รู้สึกคนเดียว ความรู้สึกเช่นช่างเป็นอะไรที่ยาก จะสาธยายออกมา
นรมนรู้สึกสับสนตัวเอง หรือด้วยบางทีหลังจากเข้าใจความ รู้สึกของบุริศร์แล้ว ตัวเองเลยกลายเป็นคนไม่มีเหตุผล กลาย เป็นคนโลภไปเสียแล้ว
เธอสะบัดหัวไปมา ตั้งใจจะสะบัดความคิดที่วุ่นวายให้หลุด จากหัวสมองไป ตอนที่เห็นกมลเดินออกมาจากด้านใน แวบ แรกของสายตาก็จ้องมองไปที่บุริศร์
เมื่อเห็นบุริศร์กำลังจัดวางตะเกียบให้เธอ จึงวิ่งเข้าหาบุริศร์ ด้วยความดีใจ
“แด๊ดดี้ มาเดี่ยวหนูทำเอง”
กมลวิ่งผ่านนรมน โดยไม่แม้แต่จะหันไปมองเธอด้วยซ้ำ
ช่องว่างในหัวใจของนรมนมันใหญ่อย่างนี้เลยเหรอ เจ้าเด็กน้อยคนนี้ตอนนี้มองข้ามเธอไปแล้วใช่ไหม บุริศร์อุ้มกมลขึ้นแล้ววางลงบนตักของตัวเองอย่าง ทะนุถนอม ยิ้มแล้วพูดขึ้น : อยากกินอะไรคะ แด๊ดดี้จะคีบให้”
“ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของแด๊ดดี้หมดเหรอคะ” กมลเงยหน้าขึ้นมองบุริศร์ด้วยใบหน้าที่ชื่นชม
“ใช่จะ”
บุริศร์ไม่เคยคิดว่าการทำอาหารเป็นจะเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ อะไรมากมาย แต่ตอนนี้เมื่อเห็นลูกสาวมองด้วยสายตาชื่นชม เขาถึงกับรู้สึกว่าการใช้เวลาที่น่าเบื่อมาเรียนการทำอาหาร นั้นไม่เลวเลยทีเดียว
“แด็ดดี้สุดยอดมากๆเลย!”
กมลชมอย่างไม่ลังเลใจ แล้วก็จูจุ๊บบุริศร์ไปที่หนึ่ง นรมนยิ่งคิดยิ่งเศร้าใจ
ห้าปีที่ตัวเองเฝ้าถนอมฟูมฟักเด็กน้อยมาแต่อ้อนแต่ออก ทำไมจู่ๆก็ไม่ต้องการตัวเองเสียแล้ว
กิจจามองดูกมลกับบุริศร์แล้วส่ายหัว จากนั้นก็กระโดดลง จากเก้าอี้เดินมาหานรมนแล้วพูดว่า “หม่าม ไม่เป็นไรนะ หนูจะกินเป็นเพื่อนหม่ามี้เอง ยั้งไงหนูก็เป็นสุภาพบุรุษพอ ไม่ เหมือนกับใครบางคน ได้ใหม่ลืมเก่า”
กิจจาพูดเน้นสี่คำสุดท้ายอย่างหนักแน่น
นรมนชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าหดหูเล็กน้อย
“กิจจา หนูต้องทำความเข้าใจกับสำนวนสุภาษิตที่ว่าได้ใหม่ ลืมเก่าแปลว่าอะไรนะ แล้วก็เขียนความหมายของสุภาษิตนี้ มาส่งให้หม่ามี้”
ใบหน้าเล็กๆของกิจจาขมวดคิ้วขึ้นทันใด
เขาใช้สำนวนสุภาษิตผิดอีกแล้วหรือ
หรือไม่ใช่ได้ใหม่แล้วลืมเก่า
กิจจากลับไปนั่งที่โต๊ะด้วยสีหน้าที่กลุ้ม
ส่วนใบหน้ากมลนั้นยิ้มแย้มมีความสุข อยู่ในอ้อมกอดของบุ ริศร์ที่ร้องอยากจะเอาโน่นจะเอานี่ บุริศร์ก็ตามใจสุดๆ
นรมนรู้สึกว่าตัวเองถูกมองข้ามอย่างแรง แต่เธอก็ไม่อาจที่ จะทะเลาะตบตีกับลูกสาวตัวเองได้
กิจจาได้คืบคุกกี้ชอร์ตเบรดวางไว้ที่ถ้วยของนรมนแล้วพูด ว่า : “หม่าม ลองชิมอันนี้สิอร่อยนะ”
“ขอบใจจะกิจจา”
นรมนถึงรู้สึกเหมือนได้รับการปลอบโยนขึ้น เธอลูบหัวของกิจจา จากนั้นก็เริ่มทานข้าว
บุริศร์เห็นนรมนอยู่ค่อนข้างไกลจากจานมันฝรั่งผัด จึงได้ ใช้ตะเกียบคีบให้นรมน แต่นึกไม่ถึงว่ากมลจะพูดขึ้นทันที :”แด็ดดี้ หนูก็อยากกิน”
“จ๊ะ เดี๋ยวคีบให้นะ”
ทันใดนั้นนรมนรู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นศัตรูของลูกตัว
เองเสียแล้ว
ไม่ใช่มั้ง
ก็แค่มันฝรั่งผัดตะเกียบเดียวเท่านั้น มันคุ้มที่จะทำให้เด็ก น้อยคนนี้โกรธแค้นตัวเองเชียวหรือ
นรมนรู้สึกกลุ่มใจ
กิจจาก็ไม่วายที่จะใช้ตะเกียบคีบอาหารให้กับนรมน กมลก็ เอาแต่ออเซาะอยู่แต่บุริศร์ เป็นบรรยากาศที่ไม่สามารถ อธิบายได้ว่ารู้สึกอย่างไร แต่ว่าทำให้นรมนนั้นรู้สึกอึดอัดใจ
เมื่อทานอาหารเสร็จ บุริศร์อยากลุกขึ้นเพื่อจะเก็บกวาด ทำความสะอาดโต๊ะ แต่กลับถูกกมลรั้งไว้
“แด็ดดี้ แด็ดดี้เล่านิทานให้หนูหน่อยได้ไหม หม่ามเล่าจน หนูฟังเบื่อแล้ว”
“ “เล่านิทานเหรอ อย่างนั้นรอให้แด๊ดดี้เก็บกวาดโต๊ะก่อนดี ไหม”
“ไม่เอา! ไม่เอา! หนูอยากให้แด็ดดี้เล่าตอนนี้”
กมลออดอ้อนอย่างเจ้าหญิงน้อย
นรมนดูออกว่าเด็กน้อยคนนี้ วันนี้ต้องเกาะตัวบุริศร์ไม่ ปล่อยแน่ๆ และเธอที่เป็นหม่ามี้ก็รู้สึกขัดหูขัดตาเสียแล้ว
“เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันเก็บเอง”
นรมนลุกขึ้นเริ่มเก็บกวาดจานชาม
บุริศร์หันไปมองเธอด้วยความรู้อยากสึกอยากขออภัย โดย ไม่ได้พูดจาใดๆ แต่เขารู้ว่านรมนนั้นย่อมเข้าใจอย่างแน่นอน สุขภาพร่างกายของกมลไม่ค่อยดี ถึงแม้ว่าสองสามวันมานี้ จะพักฟื้นมาโดยตลอด แต่ก็ดูออกว่าไม่ดีขึ้น จิตใจไม่สดใส เธออยากนอนตลอดเวลา พอตื่นมาก็เรียกหาอยากเจอบุริศร์ ทุกๆวัน แต่บุริศร์กลับงานยุ่งเหลือเกิน
นรมนย่อมไม่ถือสาการกระทำของลูกสาวตัวเอง ดังนั้นจึง ยิ้มให้กับบุริศร์ จากนั้นก็เริ่มเก็บกวาดทำความสะอาด
กิจจากระโดดลงจากเก้าอี้ แล้วพูดขึ้นว่า : “หม่ามี ให้หนู ช่วยนะ”
“จ๊ะ ขอบใจมากจ๊ะกิจจา”
นรมนยิ้มตอบรับกับสิ่งที่กิจจาต้องการ
ทั้งคู่ยกจานชามเดินเข้าไปในห้องครัว ในห้องมีเสียง หัวเราะของกมลและบุริศร์ดังขึ้น ช่างละมุนและอบอุ่นมาก
กิจจามองดูพวกเขา พูดอย่างใส่ใจว่า : “หม่าม จริงๆกมล นั้นรู้สึกกลัวมากเลยนะ เธอกลัวเมื่อขึ้นเตียงผ่าตัดแล้วไม่ สามารถจะลงมาได้อีก บางครั้งหนูแอบเห็นเธอร้องไห้ เพราะ ฉะนั้นหม่ามื้อย่าถือสาเธอที่เอาแต่ออเซาะแด๊ดดี้เลยนะ ห้าปี มานี้เธอยังไม่เคยเจอแด๊ดดี้ ตอนนี้ได้เจอแล้ว ก็ไม่รู้ว่าการ ผ่าตัดของตัวเองจะสำเร็จหรือเปล่า ดังนั้นเธอจึงอยากรักษา เวลาที่อยู่กับแด๊ดดี้ให้ดีที่สุด
เมื่อได้ยินกิจจาพูดเช่นนี้ ในใจของนรมนจึงกับจี๊ดขึ้นมา
กมลช่างเป็นเด็กที่รู้เรื่องรู้ราวมาก หลายปีมานี้ ไม่เคยหา เรื่องให้เธอต้องปวดหัวหรือลำบากใจ ถึงแม้ว่าสุขภาพ ร่างกายจะไม่ดี แต่ก็ไม่เคยทำให้เธอเป็นห่วง วันนี้เด็กน้อยคน นี้กลับต้องมาพะวงถึงผลของการผ่าตัด รวมถึงการถูกรเมศ ทำร้าย ทำให้เธอยิ่งอยากจะได้หัวใจของพ่อบังเกิดเกล้า อย่างบุริศร์ นรมนเข้าใจดีทุกอย่าง เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะ พะวงได้ขนาดนี้
“กิจจาจ๊ะ หม่ามี้ขอบใจหนูมากเลยนะที่คอยดูแลกมล”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าพี่ใหญ่อยู่ เขาต้องทำได้ดีกว่าผมแน่นอน หม่าม้ว่าตอนนี้พี่ใหญ่อยู่ที่ไหนครับ เขาจะคิดถึงพวกเราไหม” กิจจาไม่อยากจะเอ่ยถึงกานต์แต่อย่างใด แต่ว่าเขานั้น
ควบคุมตัวเองไม่ได้ นรมนก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ากานต์นั้นสบายดีไหม ตอนนี้
เมื่อรู้แล้วว่ากานต์นั้นปลอดภัยดี จึงเลยอยากจะจัดการเรื่อง ที่อยู่ในมือก่อน เธอบอกว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็จะต้องไปดู กานต์ให้ได้
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ กานต์สบายดี ไม่ช้าก็เร็วพวกหนูจะได้ พบกัน”
นรมนรับปากไปเช่นนี้ทำให้กิจจารู้สึกสบายใจขึ้น ขอเพียงพี่ใหญ่ปลอดภัยก็พอแล้ว
เขาคิดอยู่เช่นนี้และก็ช่วยนรมนทำความสะอาดจานชาม
นรมนไม่อยากให้เขาเข้ามาช่วย แต่เมื่อเห็นสิ่งที่กิจจาทำ กลับทำให้นรมนถึงกับประหลาดใจ
“หนูล้างจานเป็นด้วยเหรอ”
“เป็นครับ คุณย่าบอกว่าเวลาว่างๆที่ไม่มีอะไรทำให้เรียนรู้ ไว้ก็ดี ผมเป็นลูกผู้ชาย อีกทั้งยังฉลาด เรียนแป๊บเดียวก็เป็น แล้วครับ”
กิจจาพูดเปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ
นรมนรู้สึกทันทีว่าความโชคร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัว สำหรับเด็กๆแล้วถือว่าเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ในการ เจริญเติบโต เดิมทีเป็นคุณชายใหญ่ผู้บอบบางแห่งตระกูลโต เล็ก ตอนนี้กลับล้างถ้วยล้างจานเป็นเสียแล้ว
นรมนชมกิจจายกใหญ่ ทำให้กิจจาดีใจสุดๆ ทั้งคู่อยู่ด้าน นอกด้วยกันอีกสักพัก ถึงได้กลับเข้าไปในห้องผู้ป่วย
เพียงแต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตู นรมนก็ได้ยินเสียงกมลร้อง
ดังลั่น
“คุณเป็นใคร คุณอยู่ห่างแด๊ดดี้ของหนูไว้ หนูจะบอกให้นะ แด๊ดดี้ของหนูแต่งงานแล้ว! แด็ดดี้เป็นของหนู!”
ประโยคนี้ทำให้นรมนถึงกับตกใจ
เกิดอะไรขึ้น
กิจจาก็รู้สึกเป็นกังวล จึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องผู้ป่วยพร้อมกับ
นรมน
เมื่อนรมนมาถึงห้องผู้ป่วย ก็เห็นกมลเหมือนกับแม่ไก่ที่ใช้ ตัวบังบุริศร์ไว้ด้านหลัง ส่วนคนที่อยู่ด้านหน้าเธอก็คือตุล
ยา!
ตุลยา?
นรมนมีความประหลาดใจเล็กน้อย
“ตุลยา เธอไปหาMrs.Yanแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาอยู่ที่ นี่ได้ล่ะ” น้ำเสียงของนรมนดึงความสนใจของตุลยา จากสายตาที่
จ้องมองกมล เธอหันมาพูดกับนรมน : นรมน ถ้าหากเธอไม่ ชอบฉันก็บอกมาตรงๆ ไม่เห็นต้องลำบากมาแกล้งกันเลย” “หมายความว่าอย่างไร ฉันไปแกล้งเธอตั้งแต่เมื่อไร” นรมนถูกตุลยากล่าวหาจนงงงวยจับต้นชนปลายไม่ถูก
ตุลยาเปล่งเสียงฮีแล้วพูดว่า : “ฉันคิดว่าเธอจะใจดี แนะนำ ฉันให้กับMrs.Yanรู้จัก คิดไม่ถึงว่าเมื่อฉันไปตามที่อยู่ที่เธอ ให้ไว้ Mrs.Yanกลับบอกว่าไม่ได้รู้จักเธอ หนำซ้ำยังไม่ยอม รักษาให้ฉัน นรมนเธอทำแบบนี้เธอสนุกนักเหรอ”
“เป็นไปไม่ได้! ฉันอยู่กับMrs.Yanมาห้าปี เป็นไปไม่ได้ที่ เธอจะไม่รู้จักฉัน”
นรมนรู้สึกว่าตุลยาต้องไปผิดสถานที่แน่ๆ
“โอ๊ย มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะมาทำไขสืออีก ดูไม่ออกเลย จริงๆว่าเธอจะเป็นคนตอแหล”
คำพูดของตุลยาช่างไม่รื่นหู ทำให้นรมนทนฟังต่อไปไม่ได้
“ใบหน้าก็เป็นของเธอ เรื่องก็เป็นเรื่องของเธอ นรมนแนะนำ หมอให้เธอก็เพราะเธอเป็นคนจิตใจดี ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็น อย่างไร คุณก็ไม่ควรมาก่อกวนวุ่นวายที่นี่!”
เมื่อได้ยินบุริศร์ช่วยพูดแทนนรมน ตุลยาก็หันหน้าไปมอง บุริศร์แล้วพูดขึ้น : คุณยังจะปกป้องเธออีกเหรอ ผู้หญิงตอแหลแบบนี้ คุณชอบเธอตรงไหนกัน ชอบใบหน้านี้เหรอ ฉันจะบอกให้รู้นะ ถ้ารูปโฉมของฉันกลับคืนมา ฉันจะสวยกว่า เธอร้อยเท่าพันเท่า อีกอย่าง ฉันถูกใจผู้ชายแบบคุณเข้าเสีย แล้ว ฉันชื่อ ตุลยา นับจากตอนนี้ไปฉันจะตามจีบคุณ!”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ