บทที่ 1181 นี่มันไม่ถูกต้องตามหลัก
“อาเล็ก อากำลังมีเรื่องปิดบังหนูอยู่!!
คำพูดของนรมนเป็นคำพูดได้อย่างมั่นใจมาก ไม่มีความ สงสัยอะไรเลยสักนิด สีหน้าเธอขรึมเล็กน้อย ในแววตามีแวว บาดเจ็บพาดผ่านไป
แล้วธรณีถึงเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าบุริศร์และนรมนนั้นมีการเตรียม ตัวก่อนมาแล้ว หนำซ้ำอาจจะรู้เรื่องอะไรมาก่อนแล้วด้วย
เขาถอนใจทีหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “นรมน มีเรื่องบางอย่างอา เล็กไม่อยากจะให้เธอรู้จริง ๆ
“แต่ว่าตอนนี้ตัวหนูได้เข้ามาอยู่ในนี้แล้วนี่คะ”
“งั้นก็ถอนตัวออกไปซะ ถึงแม้ว่าจะต้องทุ่มทั้งหมดของตระกูล ทวีทรัพย์ธาดาของฉันไป ก็จะต้องดึงตัวเธอออกไปให้ได้ ชาตินี้ เธอก็มีชีวิตอย่างมีความสุขกับคนที่รักไปก็พอ เรื่องซับซ้อน วุ่นวายพวกนั้นเก็บไว้ให้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาและตระกูลพร โสภณมาจัดการก็พอ เป็นเด็กดีนะ ถือซะว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทั้งนั้น ใช้ชีวิตกับบุริศร์และลูกไปดี ๆ ก็พอแล้ว”
คำพูดของธรณีทำให้บริศร์รู้สึกทอดถอนใจขึ้นเล็กน้อย
“อาเล็ก มีบางครั้ง ความคิดของคนเรานั้นสวยงาม แต่ว่าอา คิดว่านรมนจะสามารถถอนตัวออกไปได้จริง ๆ เหรอ? ตั้งแต่ที่น มนแต่งงานกับผม มีเรื่องไหนบ้างที่เธออยากจะเข้ามามีส่วน ร่วม? มีเรื่องไหนบ้างที่เธอก่อขึ้นมาเอง? การหลบหนีไม่ใช่ ทางออกหรอกนะครับ อาเล็ก เธอมีสิทธิ์ที่จะรับรู้ อย่างน้อยถ้ารู้ แล้วเราจะได้มีการระมัดระวังตัว ยังไงก็ยังดีกว่าตอนนี้ที่ไม่รู้เรื่อง อะไรแต่โดนคนอื่นเอาไปหลอกใช้ อาว่าใช่ไหมล่ะครับ?”
คำพูดของบุริศร์ฟังดูมีหลักการมาก แต่ว่าครั้งนี้ธรณีกลับไม่ ได้หวั่นไหว
เขาจ้องมองบุริศร์และนรมน แล้วหลับตาลงครู่หนึ่ง เห็นได้ชัด ว่าเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว
“พวกเธออย่าพูดอีกเลย ฉันเหนื่อยแล้ว ถ้าอยากจะอยู่ต่อ ก็
ให้พ่อบ้านเตรียมห้องให้พวกเธอ แต่ถ้าอยากจะกลับไป ก็รีบ
กลับไปแต่เนิ่น ๆ เถอะ”
“อาเล็ก!”
ไม่ว่ายังไงนรมนก็คิดไม่ถึงว่าธรณีจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ บริศร์ห้ามเธอไว้ซะก่อน
เขาจ้องมองธรณี จากแววตาที่เหนื่อยล้าของเขาสามารถมอง เห็นความหนักแน่นและความดื้อดึงได้
ธรณีนั้นไม่คิดจะบอกพวกเขาแล้วจริง ๆ
“คืนนี้พวกเราจะค้างที่นี่ครับ
ธรณีพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็สั่งให้พ่อบ้านไปตระเตรียมห้อง จากนั้นก็พูดอย่างเหน็ดเหนื่อยขึ้นว่า “ฉันเหนื่อยแล้ว ขอตัวไป พักผ่อนก่อน พวกเธอก็ทำตัวตามสบายเลย
“อาเล็ก”
นรมนยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ว่าธรณีกลับยกมือขึ้นมา แล้ว ก็เข็นรถเข้าไปในห้องตัวเอง
ดวงตาบุริศร์มีแววครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งพาดผ่านไป ตกลงเป็นเรื่องอะไรนะที่ทำให้ธรณียืนกรานที่จะไม่พูดได้ ขนาดนี้?
นรมนรู้สึกร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย
“บุริศร์ จะต้องทนดูอาเล็กไม่สนใจเราไปแบบนี้เหรอคะ?”
“ถ้าเขาไม่อยากพูด ถึงคุณจะเอาเพชรมาง้างปากใช่ว่าจะง้างปากเขาออกได้ คุณจะต้องรู้ไว้นะ ตัวเขาเองก็เคย เป็นทหารมาก่อน เคยได้รับการฝึกฝนแบบพิเศษมา ปากของเขา จึงแข็งอย่างกับอะไรดี
คำพูดของบริศ ทำให้นรมนรู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย
“ตกลงนงลักษณ์มาหาอาเล็กทำไม? แล้วพูดอะไรด้วย? ทำไม อาเล็กถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
มีค่าถามมากมายล่องลอยอยู่ในหัวสมองของนรมน
“ไม่รู้ แต่ว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาแน่ ไม่งั้น อาเล็กจะต้องไม่เป็นอย่างนี้แน่ หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับคุณ อา เล็กเขาเป็นห่วงคุณมากจริง ๆ ผมดูออก
สําหรับส่วนนี้ ทําไมนรมนจะดูไม่ออกล่ะ?
ก็เป็นเพราะว่าดูออกไง เธอถึงได้เป็นทุกข์ ถึงได้ร้อนใจ
เธออยากจะช่วยตระกูลทวีทรัพย์ธาดาแบ่งเบาสักหน่อย แต่ว่า ตอนนี้กลับเหมือนเป็นคนไร้ทิศทาง ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำยังไง เลย
บริศ มองความกังวลของเธอออก แล้วก็ค่อย ๆ รวบตัวเธอ มากอดไว้ในอ้อมกอด แล้วพูดเสียงเบาขึ้นว่า “อย่าร้อนใจไป เลย ขอแค่เราอยากรู้ ก็จะต้องได้รู้แน่”
“แต่ว่าฉันเป็นห่วงอาเล็ก”
“อาเล็กของคุณก็เป็นห่วงคุณ พวกเราไปที่ห้องก่อนดีกว่า บุริศร์รู้ถึงแม้ว่าจะอยู่ที่ห้องรับแขกต่อไปก็ช่วยอะไรไม่ได้
นรมนถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วก็โทรศัพท์หาคุณท่านตนวร บอก เขาว่าวันนี้ตัวเองจะค้างที่บ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ให้คุณท่าน ตนวรและพวกเด็ก ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง
พอเข้ามาในห้องนอนแล้ว นรมนก็เห็นการตกแต่งในห้องนอน เหมือนกับเมื่อก่อนยังไงอย่างงั้น หนำซ้ำในห้องนอนก็ไม่มีฝุ่น เลยแม้แต่นิดเดียว ก็รู้เลยว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดาได้ดูแล ทําความสะอาดห้องเธอมาตลอด
ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเป็นครอบครัวทางฝั่งบิดา และเธอก็มี ความรู้สึกเหมือนว่าได้กลับมาบ้านตลอด เพียงแต่พอเข้ามาพัก ในวันนี้กลับมีความทุกข์ใจเกิดขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
“บุริศร์ คุณว่าคุณป้าใหญ่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลทวีทรัพย์ ธาดากัน?”
“ไม่รู้ ”
บุริศ ไม่รู้จริง ๆ
ถ้านงลักษณ์และตระกูลทวีทรัพย์ธาดามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อ กันละก็ ทำไมตอนนี้ถึงได้เพิ่งมาขอให้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ช่วย?
แล้วเธอมาขอให้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาช่วยเรื่องอะไร?
และอีกอย่างนงลักษณ์มาหาตระกูลทวีทรัพย์ธาดาด้วยสถานะ อะไรล่ะ?
เป็นนงลักษณ์หรือว่าคิม?
อยู่ ๆ บริศร์ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“นรมน นงลักษณ์กับแม่ของคุณมีหน้าตาเหมือนกันเงียบ คุณ ว่าที่เธอมาหาอาเล็กจะมาด้วยสถานะอะไรกัน?
นรมนนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนกับว่าเพิ่งจะคิดปัญหานี้ออก
“ความหมายของคุณคือ เธอแอบอ้างสถานะเป็นแม่มาหาอา เล็กเหรอ? แต่ว่าไม่ถูก แม่ตายไปแล้ว เรื่องนี้อาเล็กก็รู้ ถ้าเธอ ใช้สถานะแม่มาปรากฏตัวต่อหน้าอาเล็ก แล้วอธิบายเรื่องที่แม่ ยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง? ในเมื่อตอนนั้นทั้งคุณแม่และคุณพ่อต่างก็ได้โดนระเบิดตายไปพร้อมกันแล้วไม่ใช่เหรอ?” คำพูดของนรมนทำให้หัวคิ้วของบุริศร์ขมวดกันแน่น
และอีกอย่างถ้าคุณป้าใหญ่ใช้สถานะคุณแม่มา แล้วใช้คำ แก้ตัวที่สวยงามหลอกอาเล็กได้ งั้นอาเล็กจะมีเหตุผลอะไรที่ไม่ ต้องการให้ฉันรู้ด้วยล่ะ? นี่มันไม่ถูกต้องตามหลัก
การคาดเดาของนรมนทำให้บริศร์เคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง
ใช่ ไม่ผิด
ถ้าหากนงลักษณ์มาด้วยสถานะของคิมจริง ๆ หรือว่าหลอก อะไรธรณีได้ ก็คงจะไม่ได้ไม่อยากให้นรมนรู้หรอกมั้ง
งั้นนงลักษณ์มาด้วยสถานะของนงลักษณ์เหรอ?
ถ้าหากใช่ ธรณีจะไม่แปลกใจเลยเหรอ? จะไม่อยากถามนร มนว่าเมื่อหลายปีก่อนคุณท่านตนวรได้สูญเสียลูกสาวไปคนหนึ่ง จริง ๆ เหรอ
นงลักษณ์และคิมนั้นอยู่ด้วยกันแค่ตอนเด็ก แล้วคนที่คิมชอบก็ คือชินทร ซึ่งก็คือตอนที่นงลักษณ์โดนลักพาตัวไปนั้น ไม่ว่าจะ เป็นซินทรหรือธรณีต่างก็ไม่รู้เรื่อง คนที่รู้เรื่องนี้ ก็น่าจะมีแค่คุณท่านตระกูล ทวีทรัพย์ธาดาและคุณท่านตนวรในตอนนั้นเท่านั้น
ทั้งสองคนเป็นเพื่อนร่วมรบกันมา รู้เรื่องแล้วก็พูดอะไรไม่ได้ แต่ว่าเรื่องนี้คุณท่านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะต้องไม่มีทางพูดกับ รุ่นลูก ๆ แน่นอน
เพราะฉะนั้นถ้านงลักษณ์บอกธรณีว่าตัวเองเป็นน้องสาวฝา แฝดของคิม ธรณีก็น่าจะไปตรวจสิบ แต่ไม่ใช่มาปิดบังนรมนไว้ และอีกอย่างฟังจากความหมายของธรณีแล้ว เขาไม่อยากให้น มนไปประเทศ เพราะฉะนั้นธรณีก็รู้สถานการณ์ของประเทศที่ดี เหมือนกัน
แล้วตกลงมันเรื่องอะไรกันล่ะ?
บุริศร์ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน
ทางนรมนก็ครุ่นคิดแล้วไม่ได้คำตอบเช่นกัน ตกลงมีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถให้เธอรู้ได้นะ? ธรณีพูดว่าจะดึงตัวเธอออกไปเหรอ? ทำไมจะต้องดึงตัวเธอออกไปด้วยล่ะ? ตกลงในนี้มีเรื่องอะไรกันแน่? แล้วพอเอากล้าณรงค์ที่คอยขัดแย้งกับตัวเองไม่หยุดไม่หย่อน ไม่ตายไม่ยอมรามือมาเชื่อมต่อกัน หรือจะ เกี่ยวข้องกับนงลักษณ์เหรอ? เกี่ยวข้องกับการที่นงลักษณ์มาหา ธรณีครั้งนี้เหรอ?
นรมนคิดไม่ตก รู้สึกว่าหัวสมองพันกันเป็นปมไปหมดแล้ว พอบุรีศร์เห็นภรรยามีท่าทางแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะปวดใจขึ้น
มา
“เอาล่ะ หยุดคิดกันเถอะ ถ้ารถไปถึงหน้าภูเขาก็จะต้องมี หนทางเอง ถ้าอยากจะรู้จริง ๆ ช้าเร็วยังไงก็จะต้องรู้เอง แต่ตอน นี้คุณเป็นแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกปวดใจจริง ๆ”
บุริศร์ลากตัวนรมนมานั่งลงบนตักตัวเอง
ช่วงนี้เหมือนกับว่าภรรยาจะมีน้ำมีนวลขึ้นมาหน่อยแล้ว รู้สึกถึงน้ำหนักบนตัก บุริศร์ก็คิดขึ้นแบบนี้
นรมนรู้สึกร่างกายที่อยู่ข้างล่างตัวเองแข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อย ก็ รู้เลยว่าบุริศร์มีความต้องการขึ้นมาแล้ว ในจมูกมีแต่กลิ่นอายของบุริศร์ นรมนเองก็รู้สึกมึนเมาขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ข้างนอกยังมีหิมะล่องลอยอยู่ ถึงแม้ในห้องจะเปิดเครื่องปรับ อากาศอยู่ แต่นรมน ซุกตัวเข้าไปอยู่ในอกของบุรีศร์อย่างกลัว หนาว
“บุริศร์ ฉันหนาวค่ะ
เธอไม่รู้ว่าร่างกายหนาวหรือว่าจิตใจหนาว รู้แต่เพียงว่ามือ เท้าเย็นมาก ความเหน็บหนาวที่บอกไม่ถูกได้ปกคลุมตัวเธออยู่
บุริศรเอาตัวเธอมากอดไว้ในอกจนแน่น
“ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณยังมีผม ยังมีลูก ๆ ยังมีคุณตา ยังมีพวกเจตต์ด้วยถูกไหม?”
บุริศร์รู้ว่าในใจเธอเป็นทุกข์ พูดไปแบบนี้แล้ว แต่ว่าอารมณ์ ของนรมนก็เหมือนกับว่าไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
พอเห็นภรรยายังคงทุกข์ใจแบบนี้ บุริศร์ก็เลยทับตัวนรมนลง
บนเตียงเลย ระหว่างที่จูบอย่างบ้าคลั่งราวกับฝนที่ตกกระหน่ำลง
มา
นรมน โดนจูบจนไม่รู้จะทำตัวยังไง อยากจะผลักออกสุดแรง แต่กลับโดนบริศ เอามือทั้งสองข้างจับศีรษะไว้จนขยับไม่ได้ จึง ได้แต่ยอมปล่อยให้เขาทำตามที่ต้องการไป
แล้วอย่างรวดเร็ว นรมนก็จมลงไปสู่วังวน
บริศร์ก็เลยกลายเป็นลมพายุฝนกระหน่ำซะเลย แล้วนรมน ไม่มีใจไปคิดเรื่องอื่นอีกเลย ได้แต่ขึ้นลงตามคลื่นทะเลสวาทที่บริ ศรเป็นผู้นำพาไป
หลังจากที่เสร็จเรื่องแล้ว นรมนก็เหนื่อยจนนอนหลับไปเลย
บริศร์รู้สึกอยากจะสูบบุหรี่ แต่ก็รู้ว่านรมนดมกลิ่นควันบุหรี่ไม่ ได้ ก็เลยลุกขึ้นไปอาบน้ำรอบหนึ่ง จากนั้นก็ห่มผ้าห่มให้นรมน เรียบร้อย แล้วก็ลงจากชั้นบนไป
ในห้องรับแขกไฟยังสว่างอยู่ แต่ธรณีกลับไม่อยู่
พวกคนรับใช้และพ่อบ้านต่างก็ไปนอนกันแล้ว
บุริศร์จุดบุหรี่ขึ้นมาม้วนหนึ่ง พ่นควันบุหรี่ออกมาทีหนึ่ง แล้วก็ เห็นห้องทางด้านโน้นของห้องรับแขกไฟยังสว่างอยู่
ทางด้านโน้นน่าจะเป็นห้องวาดรูปของอินทร เมื่อก่อนบริศ เคยได้ยินนรมนพูดขึ้นมาก่อน เขาครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกเท้าแล้วเดินไป
ประตูห้องวาดภาพไม่ได้ปิด บุริศร์มองเข้าไปข้างในที่หนึ่ง ก็ เห็นธรณีนั่งดูรูปของชนทรอยู่บนรถเข็น
ทีละรูปทีละรูป จากรูปที่แขวนอยู่บนผนังดูจนหมดแล้วก็ไปดู รูปแบบร่างที่อยู่ในมือต่อ
เมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลัง ธรณีก็ไม่ได้หันหน้าไป แต่กลับ พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “นรมนนอนหลับแล้วเหรอ?”
“อืม หลับแล้วครับ”
บริศร์สวมเสื้อคลุมนอนไว้ตัวหนึ่งอย่างสบาย ๆ กล้ามเนื้อ หน้าอกที่แข็งแกร่งนั้นโดนชุดคลุมนอนบดบังไว้อย่างง่าย ๆ แต่ ก็ถึงเปิดเผยถึงปกปิด เป็นความรู้สึกที่มีเสน่ห์และเย้ายวนอย่าง บอกไม่ถูก
ธรณีเพียงแค่กวาดตามองเขาจาง ๆ ที่หนึ่ง หัวคิ้วขมวดกันไว้ แต่กลับไม่พูดอะไร เพียงแต่แค่จ้องมองรูปวาดของพี่ใหญ่ไป “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนั้นอยู่ ๆ บิดาก็ตายไปในสนามรบ มารดาก็คงจะไม่ดึงตัวพี่ใหญ่กลับมาเป็นทหาร ถ้าหากพี่ใหญ่ไม่ ต้องไปเป็นทหาร ตอนนี้คงจะมีชีวิตที่มีความสุขเป็นอย่างมากกับ พี่สะใภ้อยู่ ในเมื่อเขาเป็นผู้ชายที่ชอบวาดรูปซะขนาดนั้นราวกับ ผู้ชายในบทกวี การฆ่าฟันและความโหดร้ายของสงครามในที่สุดแล้วก็ได้ทำลายนัก วาดรูปผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งไป
บริศร์จ้องมองรูปวาดพวกนั้นของชินทร พูดความจริง รูปวาด ได้ไม่เลวจริง ๆ และเป็นจริงอย่างที่ธรณีพูด ถ้าขืนทรไม่ไปเป็น ทหาร เขาอาจจะได้เป็นนักวาดรูปที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งได้จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เรื่องมากมายต่างก็ไม่มีคำว่าถ้าหาก และการ ตัดสินใจของคนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวไปได้ มากมาย
เขาสงบสติอารมณ์นิดหนึ่ง แล้วจ้องมองธรณี แล้วหัวสมองก็ หมุนวนไปอย่างรวดเร็ว
ธรณีไม่ได้ยินคำพูดของบุริศร์ แล้วกลับได้กลิ่นบุหรี่ แล้วพูด ขึ้นเสียงเรียบว่า “ให้ฉันม้วนหนึ่ง”
บุริศร์อึ้งไปครู่หนึ่ง
เรื่องที่ธรณีสูบบุหรี่นั้นเขารู้ดี แต่ว่าไม่ได้ติดมากขนาดนั้น โดยเฉพาะตอนอยู่บ้าน และอยู่ในห้องวาดรูปของชินทร เขายิ่ง ไม่มีทางสูบบุหรี่แน่ แต่ว่าตอนนี้กลับมีพฤติกรรมแบบนี้ ดูท่า อารมณ์จะต้องไม่ดีเอามาก ๆ แน่
บุริศร์เองก็ไม่ได้ถามอะไร แล้วก็จุดขึ้นมาม้วนหนึ่งแล้วยื่นให้ กับธรณี
ควันบุหรี่ล่องลอยอยู่ในรูจมูกของเขา
ควันบุหรี่ที่หมองมัวบดบังแววตาที่โศกเศร้าของธรณีไว้ไม่อยู่ เขาจ้องมองภาพของชินทรที่อยู่ตรงหน้า แล้วอยู่ ๆ ก็พูดขึ้น ว่า “นายรู้เรื่องพี่รองของฉันไหม?”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ