บทที่ 868 น่าโมโหจริงๆ
นรมนยืนตะลึง คนรับใช้เห็นนรมนไม่มีท่าทีอะไร แต่ละคนก็ เดินอ้อมเธอไปยกข้าวของออกไปข้างนอก
“ย้ายไม่ได้!”
นรมน โมโหขึ้นมาแล้ว
บุริศร์คิดจะทําอะไร
คนรับใช้เห็นนรมน โมโห แต่ละคนยืนที่เดิมไม่รู้จะทำยังไงดี
“พวกเธอย้ายของกลับไป ถ้าฉันไม่อนุญาต ใครก็ย้ายของ ออกไปไม่ได้! ฉันอยากจะถามเขาหน่อย เขาคิดจะทำอะไรกัน
นรมน โมโหหงุดหงิดเดินเข้าไปในบ้าน
ตอนที่พ่อบ้านเห็นนรมน ก็ตะลึงไปไม่น้อย
“คุณนาย ประธานบริศร์กินข้าวกับเด็กๆ ที่ห้องอาหารอยู่ ครับ”
นี่เป็นครั้งแรกที่บุริศร์ไม่รอบรมนกินข้าวพร้อมกัน นรมนรู้สึกเสียใจ แต่ยังคงก้าวเท้าเร็วไปยังห้องอาหาร
บุริศร์เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เด็กๆ กำลังกินข้าว เมื่อเห็นนรมนเข้า มา ก็ชะงักนิดหนึ่ง
“หม่าม กินข้าวครับ
กานต์รีบตักข้าวให้นรมน
นรมนพยายามสะกดอารมณ์โกรธ บอกเด็กๆ “เด็กๆ กลับห้อง ไปก่อน หม่ามีเรื่องจะคุยกับแด๊ดดี้หน่อย”
“มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ พวกเขาโตแล้ว”
บุริศร์ไม่ได้เงยหน้า แต่คำพูดที่ออกมาเย็นเป็นน้ำแข็ง เหมือน กับเมื่อห้าปีก่อน
นรมนเจ็บปวดรวดร้าว
เธอถึงกับรู้สึกว่าไม่รู้จักคนที่อยู่ตรงหน้า
“คุณจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกหรือคะ” นรมนระงับอารมณ์ถามขึ้น
“อืม ช่วงนี้มีเคสความร่วมมือที่ต้องทำ อยู่บ้านไม่ค่อยมีสมาธิ ผมจะออกไปอยู่ข้างนอกสองสามวัน
บุริศร์ยังคงไม่เงยหน้า
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์เหมือนคนแปลกหน้าสุดๆ
กานต์เห็นสองคนเป็นแบบนี้ นึกถึงที่คุยกับนรมนเมื่อคืน อด ไม่ได้ที่จะมองบุริศร์แล้วถาม “คุณบุริศร์ เมื่อคืนหม่าไม่ได้กลับ บ้าน คุณไม่ได้ส่งคนไปรับหรือครับ”
บุริศร์เงยหน้า ในที่สุด แต่สายตาที่มองกานต์ค่อนข้างดุ
“เรื่องของผู้ใหญ่ ให้เด็กพูดแทรกตอนไหน เป็นครั้งแรกที่บุริศร์ดุกานต์อย่างนี้
นรมนคิดว่าตัวเองตาฝาดไป
“บุริศร์ คุณพูดอะไรคะ กานต์ไม่ได้พูดอะไรผิดนี่คะ”
“เด็กถูกคุณตามใจจนเคยตัว! อย่างที่เขาพูดกันแม่เลี้ยงลูกไม่ เด็กไม่มีอนาคต ไม่ผิดสักนิด ตั้งแต่วันนี้ ให้พวกเขาไปฝึกที่ ค่ายทหารละกัน”
บุริศร์แทบจะทำให้ที่นี่กลายเป็นเผด็จการแล้ว กานต์กับกิจจาต่างตกตะลึง กมลก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอมองบุริศร์ “แด๊ดดี้คะ หนูไม่อยากไป
“ลูกไม่มีหน้าที่ตัดสินใจ! วันนี้เก็บของซะ! เมื่อก่อนคงจะ ตามใจพวกเธอมากเกินไปแล้ว จนลืมแล้วตัวเองแซ่อะไร”
บุริศร์วางตะเกียบลง เสียงดังมาก
บางทีอาจเป็นเพราะบุริศร์ไม่เคยระเบิดอารมณ์ เมื่อเขาเสียง ดังทำให้เด็กๆ ตกใจ แม้แต่กานต์ยังสะดุ้ง
นรมนเป็นคนที่ประหลาดใจมากที่สุด ต่อให้บริศร์ไม่พอใจเธอ ก็ไม่จำเป็นต้องโกรธเด็กๆ
กมลตกใจจนร้องไห้โฮ
“ห้ามร้อง!”
แววตาบุริศ เย็นชาจนน่าตกใจ จนทำให้เสียงสะอื้นของกมล เงียบลง
นรมนโกรธรีบเข้าไปกอดกมลในอ้อมกอด มองบุริศร์ที่อยู่ตรง หน้า รู้สึกทั้งโกรธและผิดหวังมากเหลือเกิน
“บุริศร์ คุณไม่สบายหรือไง คุณโมโหเด็กทำไม เด็กๆ ทำให้ คุณไม่พอใจหรือ ถ้าคุณอารมณ์เสีย ก็มาลงที่ฉัน! วันนี้ฉันไม่ให้ เด็กๆ ไป ดูสิใครกล้าพาเด็กๆ ไป!”
นรมนเหมือนแม่ไก่ปกป้องเด็กๆ สามคนอยู่ข้างหลัง
บุริศร์มองนรมนแววตาเย็นชา ไม่มีความรู้สึกใดๆ ทำให้รู้สึก หนาวเหน็บ
นรมนเจ็บปวดรวดร้าว
บุริศร์มองพวกเขา กานต์ก็มองบุริศร์ บรรยากาศในห้อง อาหารตึงเครียด คนรับใช้ด้านนอกยังไม่กล้าหายใจ
นี่คือสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านเก่าตระกูลโตเล็กมา ก่อน
ธิดาไม่อยู่ นาวินไม่อยู่ นภดลก็ไม่อยู่ ไม่มีใครช่วยไกล่เกลี่ย และไม่มีใครกล้าพูดอะไร นรมนพาเด็กๆ ทะเลาะกับบุริศร์
เวลาผ่านไปเท่าไหร่ ใจของนรมนยิ่งเย็นชา
ต่อให้คมทิพย์ทำผิด ต่อให้วางแผนทำร้ายเขา แต่เรื่องนี้ไม่ได้พูดชัดเจนแล้วหรือ
ไม่ใช่เรื่องจบแล้วหรือ ทำไมยังไม่ยอมให้อภัยอีก ตอนนี้ยังใส่ อารมณ์กับเด็กๆ อีก
น่าโมโหจริงๆ
นรมนอึดอัดและเสียใจ
บุริศร์มองพวกเขา สุดท้ายกระแทกเท้า ออกจากห้องอาหาร แม้แต่เสื้อคลุมก็ไม่ได้สวมออกจากบ้านเก่าตระกูลโตเล็กไป
หลังจากบริศร์ออกไป กมลก็ร้องไห้โฮออกมา
“หม่ามี้ แด๊ดดี้ไม่รักพวกเราแล้วหรือคะ แด๊ดดี้หนู! หนูกลัว
จังค่ะ!”
นรมนสงสารลูกสาวเหลือเกิน
เธอกอดกมล ในอ้อมกอด ปลอบใจ “ไม่มีอะไรจ้ะ แด๊ดดี้แค่ อารมณ์ไม่ค่อยดี อีกไม่กี่วันก็หาย พวกเราไม่ต้องรำคาญเขาดี
“จริงหรือคะ แด๊ดดี้อีกไม่กี่วันก็จะหายโกรธจริงหรือคะ”
กมลสะอึกสะอื้น
นรมนพยักหน้า แต่ในใจกลับไม่มั่นใจ
นี่เป็นการทะเลาะกันที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่พวกเขาแต่งงานกันมา
กระทั่งตัวเธอเองก็รู้สึกน้อยใจ
กานต์หรี่ตานิดหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร แต่เขายังคงตักข้าวให้นร มน พูดกับเธอ “หม่ามี้ กินอะไรก่อนเถอะครับ โกรธคนไร้เหตุผล ไม่มีประโยชน์หรอก”
กิจจาก็รู้สึกตัว รีบพูด “ใช่ๆๆ หม่า กินข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวจะ เย็นชืดหมด”
พูดตามจริง นรมนไม่รู้สึกหิวเลย แต่เห็นเด็กๆ มองเธอ เธอก็ เห็นว่าเด็กๆ เพิ่งจะเริ่มกินข้าว เพื่อพวกเขา นรมน จึงพยักหน้า แล้วนั่งลง
“มากินข้าวด้วยกันจ้ะ ไม่ต้องสนใจแด๊ดดี้หรอก ปล่อยให้เขา บ้าไป บ้าพอแล้วเดี๋ยวก็หาย
นรมนพยายามฝืนไม่ให้ตัวเองแสดงออกว่าเสียใจมากแค่ไหน เด็กๆ รู้ความเป็นเพื่อนนรมนนั่งกินข้าวเงียบๆ
นี่คือมื้ออาหารที่นรมนกินไม่ลงที่สุดในชีวิต
เด็กๆ กินอาหารอิ่มแล้ว กิจจาพากมลขึ้นไปชั้นบน กานต์ยังนั่ง ข้างๆ นรมน ถามเธอ “หม่ามี้ กับคุณบุริศร์เกิดอะไรขึ้น หมาบ้ากัดหรือไง” เขาถูก
คำพูดนี้ฟังแล้วไม่ไว้หน้ามากทีเดียว
แต่นรมนฟังแล้วอมยิ้ม
“ไม่มีอะไรจ้ะ ก็แค่มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย เธอลูบหัวกานต์ ไม่อยากจะพูดอะไรกับกานต์
“เข้าใจผิดอะไรทำให้เขาโมโหขนาดนี้ เมื่อก่อนเขาไม่เคย เป็นอย่างนี้
คำพูดของกานต์ทำให้นรมนอึ้ง
จริงสิ เมื่อก่อนบุริศร์ไม่เคยเป็นอย่างนี้ แต่ครั้งนี้เขาทำเกินไป
จริงๆ
นรมนไม่รู้จะพูดกับกานต์อย่างไรดี ได้แต่ปลอบใจเขา
“ลูกไม่ต้องสนหรอก อีกไม่กี่วันเดียวก็ดีขึ้น
นรมนตั้งใจไม่พูด แน่นอนว่ากานต์ก็ไม่ซักถามอีก เขาเข้าใจ หม่ามีตัวเองยิ่งกว่าใคร เมื่อนรมนตัดสินใจอะไรแล้ว ไม่มีใคร เปลี่ยนใจได้
“งั้นพวกเรา…
“พวกหนูควรจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องสนเขา”
นรมนแม้ว่าจะพูดอย่างนี้ แต่เธอเห็นคนข้างนอกยังคงย้าย ข้าวของของบุริศร์ เดิมทีคิดจะห้าม แต่ตอนนี้คิดดูแล้วปล่อยไปดี กว่า
ในเมื่อบริศร์มีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้ รออีกสองสามวัน ใจเย็นกว่านี้ค่อยคุยกัน
ไม่รู้เป็นเพราะเมื่อวานนี้มีเรื่องหนักหนามาก หรือเป็นเพราะ โกรธ นรมนรู้สึกปวดท้อง กางเกงถึงกับรู้สึกเหนอะหนะ
เธอรู้สึกค่อนข้างกลัว
“กานต์ ลูกขึ้นไปก่อน หม่ามีจะกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ครับ”
กานต์มองนรมนสายตาเป็นห่วง
นรมนรีบจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ได้สังเกตแววตาของกานต์ รับ ขึ้นไปชั้นบน
กานต์รอบรมนขึ้นไปแล้ว ถึงค่อยเดินออกไป
เขาเห็นบุริศร์กำลังสั่งให้คนขนของขึ้นรถ ดวงตาคู่นั้นหรี่ลง
“คุณบุริศร์!”
น้ำเสียงกานต์ไม่ดังมากนัก แต่แฝงด้วยความโกรธทอดกลั้น
บุริศร์ทำเหมือนไม่ได้ยิน ให้คนขนย้ายข้าวของต่อไป
กานต์กําหมัดแน่น
เขาไม่รู้ระหว่างบุริศร์กับนรมนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เวลานี้ เขาอยากจะอัดคนจริงๆ
เขาขยับตามที่ใจคิด
กานต์เตะก้อนหินออกไป เสียงเตะก้อนหินดังเข้าใส่น้องของบุ
ริศร์
บุริศร์หันขวับมา ก็เห็นกานต์มองเขาเย็นชา
“คุยกันหน่อยครับ”
“กลับเข้าบ้านไป ตอนนี้ฉันไม่มีเวลา
บุริศร์ขณะพูดก็จะไปขับรถ
กานต์รีบสาวเท้าเข้าไป เตะประตูรถเต็มแรง แรงจนเกือบหนีบ นิ้วของบุริศร
“เป็นบ้าไปแล้วหรือไง”
บุรีศร์ตกใจจนเหงื่อตก
กานต์พูดเสียงเย็น “คุยกันหน่อยได้มั้ยครับ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นกานต์เคร่งขรึมจริงจังขนาดนี้ อดที่จะ ชะงักไม่ได้
“ฉันต้องไปประชุม ใกล้จะสายแล้ว”
“ตระกูลโตเล็กมีเงินมากมายพอแล้ว ขาดแค่ประชุมครั้งเดียว จะเป็นอะไรไป คุณบุริศร์ คุณต้องการทำอะไรกันแน่ เมื่อทำ อย่างนั้นกับหม่ามี้ เธอเป็นภรรยาคุณ ท้องลูกของคุณ คุณกล้า ตะคอก ใส่เธอ คุณเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า”
กานต์ตัวเล็กๆ แต่คำพูดของเขาแต่ละคำเหมือนมีดกรีดลงบน
หัวใจของบุริศร์
เขามองกานต์ ถามเสียงเย็น “หม่ามีของเธอใช้ให้เธอมาพูด กับฉันอย่างนี้หรือ”
“คุณคิดว่าหม่ามี้จะพูดอย่างนี้กับคุณหรือ เป็นเพราะผมทน ไม่ไหว ผมบอกแล้ว ใครกล้ารังแกหม่ามี้ของผม ผมไม่ยอม คุณคิดว่าเป็นสามีเธอแล้วผมจะไม่กล้าทำอะไรคุณเหรอ ถ้าคุณ ตะคอกหม่ามีอีกได้เห็นกัน
ตอนนี้กานต์เหมือนสิงโตตัวน้อยที่ถูกยั่วโมโห เผยเขียว แหลมคมทุกซี่ อยากจะฉีกทิ้งบุริศร์ที่อยู่ตรงหน้า
บุริศร์สายตาเย็นชามากจนน่ากลัว
ถูกเด็กตำหนิ ความรู้สึกนี้เป็นครั้งแรก สีหน้าของเขาเคร่งขรึม
“ดูสิ อยู่กับหม่ามห้าปีสอนให้เธอเป็นอย่างนี้หรือ หรือว่าหม่า มีสอนให้เธอพูดอย่างนี้กับฉันหรือ ไม่เคยได้รับการอบรมสั่งสอน หรือไง”
“ผมถูกทิ้งอยู่ข้างนอกกับน้องสาวหม่ามี้เป็นความผิดของใคร ตอนนี้จะมาสั่งสอนพวกเรา ถ้าวันนี้คุณก้าวออกจากประตูนี้ไป แล้ว ก็อย่าคิดกลับมาอีก
กานต์พูดจบก็เดินจากไป
บุริศร์โกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว แต่หรี่ตา สุดท้ายก็ให้คนย้าย ของกลับเข้าไป
เห็นคนรับใช้ขนของกลับเข้าไป แววตาของกานต์ถึงค่อยอ่อนลง
นรมนไม่รู้เรื่องนี้ ตัวเองรีบวิ่งไปห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน ถอด กางเกงออกดู ใบหน้าถึงกับซีดเผือด
แย่แล้ว เลือดออก
ความรู้สึกปวดท้องทำให้เหงื่อเย็นผุดทั่วตัว รู้สึกตระหนก หวาดหวั่น
ลูกคนนี้จะเป็นอะไรมั้ย
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ