แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 712 ชีวิตที่มีความสุขถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด



บทที่ 712 ชีวิตที่มีความสุขถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

นรมนยืนอยู่นอกประตู เธอกำลังจะเปิดประตู ก็เห็นเจตต์เดินออก มา

เผชิญหน้ากับนรมนอีกครั้ง ทันใดนั้นเองเจตต์ไม่รู้ว่าควรจะทำ อย่างไรถึงจะดี

นรมนก็ชะงักงันเล็กน้อย เพียงแต่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม : “ตื่น แล้วเหรอ? นิตายังไม่ตื่นเหรอ? ”

“ยัง คุณมาหาเธอเหรอ?

เจตต์ถามเสร็จถึงจะรู้สึกว่าตนเองถามคำถามปัญญาอ่อน นรมนไม่มาหานิตา แล้วจะให้มาหาเขาหรือไง? “คุณเข้าไปเถอะ ผมจะออกไปล้างหน้าล้างตา เจตต์พูดจบก็เบี่ยงตัวเดินผ่านด้านข้างนรมนไป นรมนกลับเรียกเขาเอาไว้

“เจตต์”

เขาหยุดฝีเท้าลง แต่ไม่ได้หันไป

นรมนมองเขา นึกถึงเรื่องราวในวันวาน เธอตบไหล่เจตต์เบา ๆ กล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ฉันหวังว่าคุณจะมีความสุข นิ ตาเป็นผู้หญิงที่ดี แต่ถ้าคุณต้องแต่งงานกับเธอแบบนี้ ไม่ว่าจะสําหรับคุณหรือสําหรับเธอ ฉันก็รู้สึกเสียใจมาก รอหลังจากเรื่อง ของบุริศร์จบลง ฉันจะไปช่วยมิลิน ตราบใดที่มิลินลงมือเอง ฉัน เชื่อว่าจะต้องรักษาร่างกายของนิตาได้แน่นอน”

เจตต์อึ้งไปเล็กน้อย หันมามองนรมนด้วยความคิดที่ยุ่งเหยิง

เขาควรจะพูดอย่างไรดี?

ยืนในมุมว่าที่คู่หมั้นของนิตา นรมนที่เป็นแบบนี้เขาควรจะพูด ขอบคุณ แต่ยืนในมุมของเจตต์ เขารู้สึกทุกข์ใจอย่างกะทันหัน

แท้จริงแล้วนรมนหวังให้ตนเองกับเธอไม่มีความรู้สึกพัวพันใด ๆ มันถึงจะดีใช่ไหม?

ที่แท้ตนเองคือภาระของนรมนมาตลอด

เขานิ่งไปสักพัก จึงกล่าวว่า “ผมขอขอบคุณคุณแทนนิตา เพียงแต่คุณไปจัดการเรื่องของบุริศร์ก่อนดีกว่า แต่ก่อนผมหวัง ว่าเขาจะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีก แต่ตอนนี้ผมกลับหวังให้เขาหายดี ในเมื่อผมเคยอยากจะให้ความสุขแก่คุณ แต่ตอนนี้ให้ไม่ได้แล้ว ในเมื่อพวกคุณรักกันขนาดนี้ งั้นผมขออวยพรให้พวกคุณมีความ สุข”

“การปล่อยมือก็คือความรักรูปแบบหนึ่ง การปล่อยมือนี้ฉันจะ จดจำไว้ในใจไปตลอด เจตต์ คุณคือพี่น้องของฉันกับบุริศร์ ตลอดไป ตราบใดที่คุณมีปัญหา ฉันกับบริศร์จะไม่สนใจทุกสิ่ง อย่าให้มิตรภาพของพวกเราห่างเหินเพราะเรื่องนี้เลยนะ คุณเอง ก็รู้ดี ฉันกับบริศร์ปฏิบัติต่อคุณเหมือนกัน”
“ผมเข้าใจดี”

เจตต์รู้สึกเป็นทุกข์และอึดอัดใจ

“ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ คุณช่วยผมเฝ้านิตาสักพัก พูดจบ เจตต์ก็จากไปราวกับว่าหลบหนี

นรมนมองแผ่นหลังของเขา เธอรู้ว่าตนเองอาจจะทำร้ายเจตต์ อีกครั้ง เธอหวังเพียงนิตาจะสามารถรักษาเจตต์ให้หายได้ และ สามารถมองเห็นรอยยิ้มที่จริงใจของเขา

เธอทอดถอนใจ และเข้าไปในห้องผู้ป่วย

นิตายังคงหลับอยู่

นรมนมองดูผู้หญิงโง่คนนี้ รู้สึกว่าสวรรค์ไม่ได้ดูแคลนตนเอง เลย

เธอเพียงแค่เห็นนิตาทำงานได้ดี ผลงานของบริษัทท่องเที่ยวก็ ไม่เลว ดังนั้นจึงคิดใช้คนท้องถิ่นมาบริหารคนท้องถิ่น และแต่ง ตั้งนิตา คิดไม่ถึงว่านิตาคนนี้จะซื่อสัตย์เช่นนี้ และตรงไปตรงมา นรมนรู้ ในชีวิตนี้ผู้หญิงคนนี้คือเพื่อนที่เธอต้องผูกมิตรด้วย

เธอลูบผมที่ปกคลุมของนิตาเบา ๆ

นิตาลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อเห็นนรมนก็แปลกใจเล็ก

น้อย

“ประธานนรมน คุณมาได้อย่างไรคะ? ”
“อย่าขยับ รีบนอนลงไปดี ๆ ตอนนี้เธอคือคนป่วย ยังคิดว่า ตนเองแข็งแรงมีชีวิตชีวาอีก”

นรมนรีบขวางเธอเอาไว้ กล่าวด้วยภาษามือ

นิตาเก่าศีรษะอย่างเกรงใจและกล่าวว่า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ นี่ มันไม่ดีเหรอ? พวกเราเด็กบ้านนอกร่างกายแข็งแรง พักไม่กี่วัน ก็หายแล้วค่ะ”

“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว ไม่เจ็บซะที่ไหน ทั้งหมดที่เธอทำเพื่อ เจตต์ฉันเห็นมันกับตา ขอบคุณเธอนะ นิตา”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

นิตารู้สึกไม่เคยชินขึ้นมากะทันหัน

เธอลูบศีรษะของตนเอง ทำอะไรไม่ถูก

นรมนมองนิตา กล่าวเสียงเบาว่า “อันที่จริงเจตต์เป็นคนที่ น่าสงสารมาก อย่ามองแค่เพียงเปลือกนอกที่ยโสโอหังของเขา ความจริงแล้วในใจเขาอ้างว้างมาก และค่อนข้างให้ความสำคัญ กับความรู้สึก ถ้าใครทำดีกับเขา เขาจะให้อีกฝ่ายกลับไปเป็น ร้อยเท่า เพียงแต่ตาคนนี้ไม่รู้ว่าตนเองควรจะแสดงความรู้สึก ออกมาอย่างไร ดังนั้นเธอต้องให้อภัยเยอะ ๆ ”

“เปล่านะคะ ๆ ฉันไม่คิดจะให้เขาตอบแทนอะไร ฉันแค่ไม่ อยากให้เขาถูกธาวิณีจับไปตามสัญชาตญาณ แล้วทางฝั่งธาวิณี กับชนกเป็นอย่างไรบ้างคะ? ”

นิตารีบเอ่ยถาม
นรมนตอบด้วยรอยยิ้ม : “ไม่เป็นไรแล้ว พวกเขาถูกทาง ตำรวจจับกุมไป เดาว่าคงออกมาไม่ได้ตลอดชีวิต เธอไม่ได้บอกนิตาว่าเจตต์ปฏิบัติต่อธาวิณีอย่างไร นิตา

เหมือนเด็กที่ร่าเริง คงจะดีกว่าถ้าไม่ให้เธอรู้จักความทุกข์

มากมาย

“งั้นก็ดี แต่โครงการของพวกเราอาจจะล่าช้าได้

“ไม่เป็นไร ฉันไม่รีบร้อน เธอเองก็ค่อยเป็นค่อยไปนะ การ บุกเบิกตลาดใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอไม่ต้องใจร้อน โดยเฉพาะ อย่างยิ่งยังมีเจตต์อยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ?

นรมนกล่าวด้วยภาษามือ

นิตากัดริมฝีปากล่าง : “ให้ฉันทำโครงการนี้ให้สำเร็จเพียง คนเดียวไหมคะ? ”

“ทำไมล่ะ ? เจตต์ทำอะไรเธอเหรอ? ”

“เปล่าค่ะ เพียงแค่รู้สึกว่าตอนนี้เขาดีกับฉันมากเกินไป ฉันไม่ ค่อยชินค่ะ”

ได้ยินนิตาตอบเช่นนี้ นรมนหัวเราะขึ้นทันที

“เธอนี่นะ คิดมากเกินไปแล้ว”

ทั้งสองคนคุยกันไปได้สักพัก เจตต์ยังคงไม่กลับมา นรมนรู้ว่า เขาตั้งใจหลบหน้าตนเอง

ดูเหมือนว่าแม้จะถึงตอนที่เธอกล่าวอำลาเขาก็จะยังไม่กลับมา
ก็จริง ตอนนี้สิ่งทุกข์ใจที่สุดคือการจากกัน

นรมนสงบจิต ใจ และกล่าวกับนิตาด้วยภาษามือว่า “ฉัน ต้องไปแล้วล่ะ ต้องกลับไปกับวันภพ บุริศร์รอฉันอยู่ที่นั่น ฉันไม่ สามารถพักอยู่ที่นี่ได้นาน อาการบาดเจ็บของเธอเป็นอาการบาด เจ็บระหว่างการทํางาน ฉันจะจ่ายให้ทั้งหมดเอง เธอรักษาตัวให้ สบายใจ สําหรับโครงการใหม่ ไม่ต้องรีบร้อน รอเธอคล่องแคล่ว เมื่อไหร่ ฉันจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับอีกครั้ง”

“ขอบคุณค่ะ ประธานนรมน อีกไม่กี่วันฉันก็หายแล้วค่ะ”

“พักผ่อนไปสักพักหนึ่งเลยดีกว่า งานของเธอทางนั้นฉันจะหา คนมาทําแทน ไม่ต้องเป็นห่วง

นรมนคุยกับนิตาอีกสักประโยคสองประโยค ถึงจะลุกขึ้นและ

ออกไป

จนออกมาจากโรงพยาบาล เธอก็ยังไม่เห็นเจตต์

สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ เธอเพิ่งจะก้าวเท้าออกไป เจตต์ก็เดินเข้ามา เขายืนตรงหน้าต่างทรงสูงมองดูนรมนเดินออกไปจากสายตา ของตนเอง คล้ายกับก้าวเดินออกไปจากหัวใจของเขา หัวใจของ เขามีเลือดหยดลงมา แต่กลับไร้เรี่ยวแรงเอากลับคืน

เมื่อนรมนออกมา โพนี่กับวันภพต่างรอเธออยู่บนรถ

เห็นนรมนขึ้นมาบนรถ โพนี่หันไปมองยังห้อง ๆ หนึ่งของโรง พยาบาลโดยไม่รู้ตัว เธอมองเห็นเงาหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ก็อดถอน หายใจออกมาไม่ได้
“ไปเถอะ”

โพนี่ให้วันภพขับรถ ส่วนตนเองกับแรมนนั่งด้านหลัง

นรมนหลับตาลง

ไม่ใช่เธอจะไม่รู้ว่าเจตต์ยังคงมองเธออยู่ สายตาคู่นั้นเธอไม่ อาจละเลยได้ แต่เธอไม่สามารถหันกลับไป และไม่อยากหันกลับ

ไป

รถขับมาสักพักหนึ่ง ในที่สุดก็มาถึงโรงพยาบาลของบุริศร์

นรมนรู้สึกว่าตนเองจากไปได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น แต่สำหรับ

เธอกลับช่างยาวนาน

เธอมองเห็นบริศร์ยังคงหลับใหล จึงอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้

“คุณหมอวันภพ คุณช่วยดูให้หน่อยสิคะ เมื่อไหร่ถึงจะผ่าตัด

ได้? ”

นรมนถามอย่างร้อนรน

วันภพตอบเสียงเบา “ผมยังต้องทำการค้นคว้ากับคุณหมอ ท่านอื่นอีกสักหน่อย

“ค่ะ”

ในใจของนรมนเต็มไปด้วยความหวัง

โพนี่เห็นเธอตึงเครียดเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะดึงเธอและพูดว่า “อย่าเครียดไปเลย ฉันกับรุ่นพี่น่าจะมีวิธี
“อืม”

นโมนพยักหน้า

บริศร์ถูกวันภพและคนอื่นเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด

นรมนรู้สึกตื่นเต้น และกังวลใจ

เธอเฝ้ามองไฟในห้องผ่าตัดที่เปิดเอาไว้ตลอด รู้สึก กระวนกระวายใจอย่างยิ่ง

โพนี่จับมือของเธอไว้แน่น กล่าวเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไรนะ วางใจเถอะ อย่างมากที่สุดก็คือสถานการณ์ในตอนนี้

นโมนพยักหน้า

เวลาผ่านไปนาทีต่อวินาที ในห้องผ่าตัดไม่มีการเคลื่อนไหวสัก

นิดเดียว

และในขณะนั้นเอง มือถือของนรมนดังขึ้น

เธอมองสายที่โทรเข้ามา พบว่าเป็นธรรศ

สําหรับคุณอาสามคนนี้ นรมนไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรถึงจะดี และไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าอย่างไร

ตอนแรกที่ออกมาจากเมืองชลธี เธอไม่คิดจะขอความช่วย เหลือจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดา วันนี้ธรรศหาเบอร์มือถือของ ตนเองเจอ เธอกลับไม่สามารถตอบกลับได้

นโมนตัดสาย จากนั้นจึงส่งข้อความหาธรรศ
“มีธุระอะไรคะ? ตอนนี้ฉันไม่สะดวกคุยด้วย”

ประโยคสั้น ๆ ทําให้ธรรศรู้สึกอึดอัดใจมาก

“เธออยู่ที่ไหน? ”

“ข้างนอกค่ะ เที่ยวอยู่กับบุริศร์”

คําตอบของนรมนทําให้ธรรศถอนหายใจอย่างโล่งอก

“พฤกษ์บอกว่ามือถือของบุริศร์โทรไม่ติดมาตลอด กลัวว่าจะ เกิดอะไรขึ้น ดังนั้นฉันจึงโทรมาถามดู

“ไม่มีอะไรค่ะ มือถือถูกขโมยไป แต่ยังไม่มีเวลาไปซื้อใหม่ เดี๋ยวฉันจะบอกกับพฤกษ์เอง”

นรมนตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

เธอรู้ดีว่าการปกปิดเรื่องของบุริศร์ไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่ตอนนี้ทำได้ เพียงฝากความหวังไว้ที่วันภพ

ขอเพียงแค่วันภพสามารถรักษาบุริศร์หาย จากนั้นพวกเขาจะ กลับไปด้วยกัน มิฉะนั้น แม้แต่ด่านของเด็ก ๆ เธอก็ผ่านไปไม่ได้

นรมนอดคิดถึงกมลไม่ได้

ตั้งแต่ตนเองเกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ได้เจอลูกสาวของ ตนเอง และไม่รู้ว่ากลับไปจะสื่อสารกับลูกอย่างไร

ค่ำคืนนับไม่ถ้วน เธออยากวิดีโอคอลไปหากมล แต่กลับไม่กล้า
เธอไม่สามารถตอบคำถามใด ๆ กับกมลได้เลย ความยาก เย็นเข็ญใจแบบนี้ไม่รู้เมื่อไหร่จะหายไป

นโมนพบว่าตนเองจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงรีบเรียกสติ กลับมาและถามว่า “พวกคุณสบายดีไหมคะ? ”

“ขอบคุณที่เธอยังจำพวกเราของเธอได้ ฉันคิดว่าเธอไม่คิดว่า พวกเราเป็นคนในครอบครัวแล้ว”

“จะเป็นไปได้อย่างไรคะ? ฉันแค่เพียงไม่รู้จะอยู่ร่วมกับพวก คุณอย่างไร ในเมื่อคุณย่าเป็นเพราะฉันถึงได้…”

“ไม่ต้องพูดแล้ว คุณย่าของเธอทำเพื่อความสุขของเธอ ไม่ว่า เธอจะอยู่ที่ตระกูลโตเล็ก หรือจะแยกกับบุริศร์ ตราบใดที่เธอรู้สึก มีความสุข พวกเรากับคุณย่าของเธอต้องการแบบเดียวกัน คือ อวยพรให้เธอมีความสุข นรมน อยู่ข้างนอกมานานแล้ว ท้าย ที่สุดก็ไม่ดีไปกว่าบ้าน มีเวลาก็กลับมารวมตัวกัน คุณอาสามยังมี หลายอย่างที่ยังไม่ได้พูดกับเธอ”

คำพูดของธรรคทำให้นรมนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ

“ค่ะ เอาไว้ฉันจะกลับไปพร้อมบริศร์ ขอโทษนะคะคุณอาสาม ฉันคิดว่าตนเองจะสามารถแยกจากบุริศร์ แยกจากตระกูลโตเล็ก ได้ แต่ตอนนี้ฉันเพิ่งจะพบว่าบริศร์มีความสำคัญกับฉันมากจริง ๆ ฉันตัดใจไม่ลง ขอโทษด้วยค่ะ”

“ไม่ต้องขอโทษพวกฉันหรอก ฉันเคยบอกแล้ว ตราบใดที่เธอ มีความสุข พวกเราจะเป็นอย่างไรก็ได้ คุณย่าของเธอสามารถ ตายตาหลับได้ อย่าคิดมากเกินไป ชีวิตคนเราช่างสั้นนัก ชีวิตที่มีความสุขสำคัญที่สุด สามารถแก่เฒ่าไปกับคนที่ตนเองรักได้ ก็ คือความสุขอย่างหนึ่ง

ธรรคเพิ่งจะพูดจบ แสงไฟในห้องผ่าตัดก็ดับลงทันที

หัวใจของนรมนเต้นรัวโดยฉับพลัน

ในช่วงเวลาที่ตื่นเต้น บุริศร์จะเป็นอย่างไรบ้างนะ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ