บทที่ 699 ฉันไม่เถียงกับคุณ
“อะไร? สายเรียกเข้าจากแฟนเหรอ? งั้นคุณไปก่อนได้เลย พวก เราไปกันเองก็ได้”
เจต เปิดปากพูด โดยตรงเลย
ธาวิณีรีบพูดอธิบายขึ้นว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่เป็นสายโทรเข้าของพี่ ชายฉัน ฉันยังไม่มีแฟนค่ะ”
ระหว่างที่พูด เธอก็มองไปที่เจตต์อย่างเขินอายที่หนึ่ง
พูดตามจริงแล้ว ถ้าเมื่อก่อนมีผู้หญิงแอบส่งสัญญาณรักให้เขา แบบนี้ละก็ เจตต์จะต้องตอบสนองบ้างแน่ แต่ว่าตอนนี้มองดูธา วิณีแล้ว เขารู้สึกแต่เพียงว่าขนลุกไปหมดทั้งตัวแล้ว
“คุณรีบคุย โทรศัพท์เถอะ”
เจตต์รีบหมุนตัวกลับไป พอเห็นนิตาที่จ้องมองเขาด้วยใบหน้า ที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่านิตาหน้าตาสะอาด หมดจดมากกว่าอีก
อยู่ ๆ เขาก็มีความรู้สึกอยากจะหยิกแก้มป่อง ๆ ของนิตาขึ้น มาสักที
พอคิดไปแบบนี้แล้ว มือของเจตต์ก็ขยับตามขึ้นมาเลย
“อ๋ยโยว นี่คุณจะทำอะไรน่ะ?”
นิตารู้สึกว่าคนอย่างเจตต์นี่มันประสาทจริง ๆ อยู่ ๆ ก็มาหยิกแก้มของเธอ มันเจ็บมากเลยนะรู้ไหม
เจตต์กลับหัวเราะร่าขึ้นมา
“คุณรู้ไหมว่า ท่าทางของคุณตอนนี้คล้ายกับกานต์มาก ๆ
เลย”
“กานต์คือใครกัน?”
คำพูดของนิตาก็ทำให้หูของธาวิณีตั้งขึ้นมาด้วยเหมือนกัน
แล้วเจตต์ถึงจะพบว่าตัวเองหลุดปากพูดออกไปแล้ว แต่ว่า กลับยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นเจ้าเด็กตัวเหม็นคนหนึ่ง น่ารักมากเลย
พอได้ยินว่าเป็นเด็กผู้ชาย ธาวิณีก็วางใจลงได้สักที นิตากลับรู้สึกสนุกขึ้นมาบ้างแล้ว
“ลูกชายของคุณเหรอ?”
“ถ้าผมมีลูกชายอย่างนี้คนหนึ่งได้ ผมคงจะต้องร้องไห้ทุกวัน แน่ มาเดี๋ยวจะให้คุณดูเจ้าเด็กตัวเหม็นนี่หน่อย
เจตต์พูดไปแล้วก็ส่งคำขอโทรวิดีโอคอลออกไปเลย ทางด้านโน้นรับสายขึ้นอย่างรวดเร็ว
“คุณอาเจตต์ คุณมีอะไรให้ผมช่วยเหรอ? ผมจะเก็บเงินด้วย นะรู้ไหม”
กานต์เกือบจะบ้าตายแล้ว
หม่ามีไม่อยู่ คุณบุริศร์ก็ไม่อยู่ ยังดีที่มึกมลและกิจจาอยู่ แต่ว่า พวกเขาก็เป็นเหมือนอย่างกับแฝดสยาม กมลก็ไม่ค่อยชอบมา ยุ่งกับเขาแล้ว มักจะไปแกะติดให้กิจจาเล่านิทานให้ฟัง
กิจจาเอ็นดูกมล ทุกครั้งที่เธอร้องขออะไรก็มักจะพยายาม ทำให้ได้ จนทำให้พี่ชายแท้ ๆ อย่างเขาไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เขาเบื่อจนแฮกค์เว็บไซต์อินเทอร์เน็ตไปหลายเว็บแล้ว และ มองดูพวกเขาแก้ไขเว็บไม่ได้จนต้องเป็นอัมพาตไปเป็นอาทิตย์ รู้สึกว่าเบื่อจนจะตายอยู่แล้วจริง ๆ แต่ว่าตัวเองกลับยังไม่ได้ถอด เผือก ยังจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปอีก
แล้วปัญญ์และคมทิพย์ก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว จะมีใครมา เล่นเป็นเพื่อนเขาได้บ้างนะ!
แล้วในเวลานี้ เจตต์ก็โทรวิดีโอคอลเข้ามาพอดีเลย กานต์
ดีใจจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
พอเจตต์เห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้มี เรื่องอะไรต้องการให้นายช่วยเหลือหรอก ก็แค่อยากจะแนะนำ เพื่อนให้นายรู้จักคนคนหนึ่ง
“แฟนของคุณเหรอ?”
คำพูดของกานต์ทำให้นิตาทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที
เจตต์กลับคว้านิตาเข้ามากอดไว้ที่หนึ่ง แล้วยิ้มและพูดว่า “เป็นพี่น้อง นี่นิตา! เป็นยังไงบ้าง?
“สวัสดีครับพี่นิตา ผมชื่อกานต์ครับ!”
กานต์โบกมือให้นิตาอย่างมีมารยาทมาก ๆ
พอตอนที่ธาวิณีได้ยินเสียงกานต์ว่าเป็นเด็กคนหนึ่งนั้น ก็
วางใจลงได้สักที แล้วก็เดินไปรับโทรศัพท์อีกข้างหนึ่งแล้ว “พี่ เดี๋ยวเจตต์จะพานตาไปเซ็นสัญญากับพี่ พี่อย่าเพิ่งเซ็นนะ”
“เธอจะทำอะไรอีกแล้ว?”
ชนกรู้สึกเบื่อหน่าย น้องสาวคนนี้มีแต่เรื่องทุก ๆ วัน จนแทบ อยากจะตัดสัมพันธ์พี่น้องกับเธอแล้ว
ธาวิณีกลับพูดขึ้นอย่างออดอ้อนว่า “อ้ายหยา พี่อย่าเพิ่งเห็นก็ พอแล้ว พี่บอกพวกเขาไปนะ ว่าต้องการให้ประธานนรมนของ พวกเขามาเซ็นสัญญาด้วยตัวเองถึงจะได้ ขอร้องแล้วนะพี่
ชนกอึ้งไปครู่หนึ่ง
“ทำไมจะต้องให้ประธานนรมนของพวกเขามาเองด้วยล่ะ?”
“อ้ายหยา ก็หนูถูกใจเจตต์เข้าแล้ว หรือว่าพี่ไม่อยากได้น้อง เขยที่มีพละกำลังคนหนึ่งหรือไง? ของเจตต์รวยมากจริง ๆ นะ” หนูตรวจสอบมาแล้วนะ บ้าน
คำพูดของธาวิณีทำให้ชนกเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบ ตกลง
แน่นอนว่าทางด้านเจตต์และนิตานั้นไม่รู้เลยว่าพวกเขาคุย อะไรกัน
พอนิตาเห็นกานต์เข้าก็รู้สึกชอบเลย
“ใช่กานต์ใช่ไหมจ๊ะ? หนูหล่อมากเลย”
“คนอื่นก็มักจะพูดแบบนี้ นี่ผมก็เกือบจะหลงตัวเองแล้วนะ” กานต์ไม่ถ่อมตัวเลยสักนิด
เจตต์รู้สึกว่ากานต์เหมือนกับบุริศร์มากเลย หน้าด้านมาก ๆ “นายนี่มันสมแล้วที่เป็นลูกของบุริศร์จริง ๆ”
“ใช่ที่ไหน ไม่ว่ายังไงแด๊ดดี้ของผมก็แข็งแกร่งกว่าผมอยู่แล้ว ไม่งั้นหม่ามีของผมจะเลือกแด๊ดดี้ผมแล้วไม่เลือกคุณเหรอ”
กานต์เข้าใจจริง ๆ ว่าจะเอามีดมาปักบนหัวใจของเจตต์ได้ยัง ไง
“กานต์ พูดคุยเป็นไหมเนี่ย? อะไรเรียกว่าหม่ามีของนายไม่ เลือกฉัน? ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตอนนั้นตอนที่ฉันหาหม่ามีของ นายเจอนั้น หม่ามีของนายได้แต่งงานไปแล้ว ไม่งั้นละก็…….
“เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่าหม่ามี้และแด๊ดดี้ของผมเป็นพรหม ลิขิตกันไง แต่คุณกับหม่ามีผมนั้นมีดวงต่อกันแต่ไร้พรหมลิขิต
คําพูดของกานต์ทําให้เจตต์อัดอั้นจนแทบจะอวกเป็นเลือด แล้ว
“นายมันเจ้าเด็กตัวเห็นจะไปรู้เรื่องอะไรกัน
“อ้ายโยว โกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟแล้วใช่ไหม ดูซิ พี่นิตา พี่อยู่ ห่าง ๆ เขาหน่อยนะ ระวังเขากัดคนล่ะ”
คำพูดของกานต์ทำให้เจตต์พูดขึ้นโดยตรงว่า “คนที่จะกัดคนคือพี่นิดาของนายต่างหาก ไม่ใช่ฉัน
“คุณรู้ได้ยังไงกัน?”
“ไร้สาระ ก็ฉันโดนเธอกัดแล้วไง”
พอคำพูดนี้พูดจบ เจตต์ก็พบว่าชายเสื้อของตัวเองโดนนิตาดึง อย่างแรง
“คุณจะดึงผมทำไม?”
“อ๋อ……!”
กานต์ลากคำคำนี้ไปยาวมาก ชั่วขณะหนึ่งทำให้นิตารู้สึก อึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
ทั้ง ๆ ที่เรื่องไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่ทำไมพอมาอยู่ที่เจตต์กับ กานต์นี่แล้ว ถึงได้รู้สึกถึงความคลุมเครือขึ้นมาแล้ว?
แล้วเจตต์ก็เพิ่งจะตั้งสติกลับมาได้
“นายนี่มัน นายเชื่อไหมเดี๋ยวฉันบอกหม่ามีนายว่านายไม่รักดี นะ?”
“หม่าผมไม่เชื่อคุณหรอก เธอจะเชื่อผมที่เป็นลูกแท้ ๆ คนนี้ ต่างหาก ในเมื่อผมเป็นเด็กดีขนาดนี้
“เหอ เหอ นายเนี่ยนะเด็กดี? ถุย! กานต์ นายทำไมถึงได้พูด คำพูดพวกนี้ออกมาได้อย่างหน้าไม่อายขนาดนี้ได้นะ?”
“เพราะว่าผมเป็นลูกชายของบุริศร์ไง!”
กานต์ยังคงภาคภูมิใจในตัวเอง
เจตต์โมโหจนพูดไปเลยว่า “นายเป็นลูกชายของบริศแล้วยัง ไง? ตอนนี้บุริศร์ก็ยังคงเป็นแค่คนมีชีวิตที่เหมือนตายไปแล้วได้ แต่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอยู่อย่างงั้น? ทุกวันยังต้องให้หม่าม ของนายดูแลอยู่? ถ้าเป็นฉันละก็ ฉันทนให้หม่ามีนายต้องลำบาก แบบนี้ไม่ได้หรอก”
“คุณพูดอะไรนะ? แด๊ดดี้ผมเป็นอะไรนะ?”
น้ำเสียงของกานต์ร้อนรนขึ้นมาทันที แล้วเจตต์ก็เพิ่งจะตั้งสติกลับมาได้ว่าตัวเองพูดอะไรไปบ้าง
แย่แล้ว!
ถ้านรมนรู้เข้าว่าตัวเองเอาเรื่องของบุริศร์บอกกับกานต์ไปแล้ว กลัวว่าคงจะไม่ใช่แค่ไม่สนใจเขาง่าย ๆ แน่
เจตต์รีบพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไร ฉันล้อเล่นกับนายเท่านั้น ฉันหวัง เป็นอย่างยิ่งอยากให้แด๊ดดี้ของนายกลายเป็นคนมีชีวิตที่เหมือน ตายไปแล้วเอาแต่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยเท่านั้น”
“คุณอาเจตต์ คุณต้องการให้ผมโทรหาหม่ามี้ผมเหรอ?”
คำพูดประโยคนี้ของกานต์นั้นมีแรงข่มขู่อยู่มาก ทำให้เจตต์ ตกใจจนอึ้งไปทันทีเลย
“อย่า อย่าเด็ดขาดนะ! บรรพบุรุษ ฉันผิดไปแล้วยังไม่ได้เห รอ?”
“ตกลงแด๊ดดี้ของผมเป็นอะไรกันแน่?”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของกานต์ได้ยื่นขึ้นมาหมดแล้ว
นิตาดูออกแล้ว นรมนอาจจะปิดบังกานต์เรื่องอาการป่วยของ บุริศร์ไว้ แต่เมื่อกี้เจตต์เพิ่งหลุดพูดออกไป แล้วตอนนี้ไม่ว่ายังไง เด็กก็ต้องการรู้คำตอบ แต่เจตต์กลับรู้สึกว่าทำอย่างนี้ก็จะ สามารถหลอกกานต์ให้ผ่านไปได้
เธอถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “กานต์ แด๊ดดี้ของหนูไม่ ได้เป็นอะไร ก็แค่เกิดอุบัติเหตุเล็ก ๆ ขึ้น โดนรถชนนิดหน่อย ตอนนี้ตัวอยู่ที่โรงพยาบาล มีหม่ามีของหนูอยู่เป็นเพื่อน หนู วางใจเถอะ ที่หม่ามีของหนูไม่บอกหนู เพราะกลัวว่าหนูจะเป็น ห่วง รออีกไม่กี่วันแด๊ดดี้กับหม่ามีของหนูก็กลับไปพร้อมกัน พวก เขาก็จะบอกกับหนูเองนะ”
อาการของแด๊ดดี้ผมหนักมากใช่ไหม? พนิดา พี่อย่าหลอก ผมนะ”
ดวงตาทั้งคู่ของกานต์จ้องนิตาเขม็ง
อยู่ ๆ นิตาก็รู้สึกว่ามีแรกกดดันเยอะมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ทำไมถึงทำให้เธอมีแรงกดดันมาก ขนาดนี้ได้?
“เอาล่ะ เอาล่ะ นี่นิดาของนายก็บอกนายไปแล้ว นายยังไม่เชื่อ อีกเหรอ? ฉันวางแล้วนะ พวกเรายังจะต้องไปเซ็นสัญญาอีก เถ้าแก่ใหญ่อย่างฉัน ยังจะต้องมาทำงานให้แม่นายอีก”
เจตต์พูดแล้วก็เหมือนกับว่าจะวางสายไป
แล้วกานต์ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ถ้าหากว่าคุณไม่อยากให้ผม แฮก ระบบโทรศัพท์ของคุณ ทางที่ดีที่สุดก็พูดความจริงกับผม มา”
“กานต์ ไม่จําเป็นจะต้องถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง! อย่านึกว่านาย เก่งคอมพิวเตอร์ก็จะมาข่มขู่คนอื่นไปเรื่อยได้นะ ฉันจะบอกนาย นะ.……….
“แค่ไม่กี่วินาทีผมก็สามารถเข้าสู่ระบบโทรศัพท์ของคุณได้ แล้ว อย่างลืมนะ ผมเคยทิ้งร่องรอยไว้ในโทรศัพท์ของคุณแล้ว ผมแต่หาร่องรอยให้เจอก็ได้แล้ว พอถึงตอนนั้น…….
คำพูดของกานต์ยังพูดไม่จบ เจตต์ก็ยอมจำนนแล้ว
“ฉันพูด ฉันพูดยังไม่พออีกเหรอ? แด๊ดดี้ของนายเกิดอุบัติเหตุ ขึ้น แล้วหมดสติไปชั่วคราว ก็แค่ถลอกไปบ้าง มีหม่ามีของนาย อยู่เป็นเพื่อนอยู่ แล้วอีกย่าง ที่แอ๊ดและหม่ามีของนายมานี่ก็ เพราะว่าต้องการมาท่องเที่ยวเติมความรักไม่ใช่เหรอ? นายอย่า ไปก่อกวนให้มากล่ะ ตอนนี้แดดดี้ของนายบาดเจ็บอยู่ ความ สัมพันธ์ของพวกเขาถึงจะได้ยิ่งดีมากขึ้น”
“คุณอาเจตต์ คำพูดพวกนี้ตัวคุณเองเชื่อไหม?”
คำพูดของกานต์ทำให้เจตต์อึ้งอยู่กับที่ตรงนั้นเลย
“ในเมื่อเรื่องมันก็เป็นแบบนี้ ถ้ามีปัญญานายก็ไปถามกับหม่า มี้นายเองละกัน”
หลังจากที่เจตต์พูดจบก็วางสายโทรศัพท์ไป อย่างกับกลัวว่า กานต์จะกระโดดออกมาจากโทรศัพท์ยังไงอย่างงั้น แล้วก็เอา โทรศัพท์โยนให้กับนิตาไปเลย
เขา มีอพาซวยจริง ๆ
อยู่ดี ๆ จะมาส่งค่าขอโทรวิดีโอคอลอะไรกัน?
อยู่ดี ๆ ทำไมต้องไปแหย่เจ้าปีศาจน้อยนั่นด้วยนะ? พอนิตาเห็นท่าทางเป็นกังวลอยู่ไม่สุขของเจตต์ ก็พูดขึ้นเสียง ว่า “แค่เด็กคนหนึ่ง จะต้องไม่เป็นอะไรหรอก”
“คุณไม่เข้าใจ เขาไม่ได้เป็นแค่เด็กธรรมดาทั่วไป คุณเคยเห็น เด็กสี่ขวบคนหนึ่งที่แฮกเข้าไปในระบบรักษาความปลอดภัย ของบริษัทไหม? คุณเคยเห็นเด็กสี่ขวบคนหนึ่งที่เล่นโดรนบังคับ จนสามารถทำให้ผู้ใหญ่ยอมจำนนไหม? เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ก็คือ คนที่สวรรค์ส่งลงมาทรมานผม
พอได้ยินเจตต์พูดแบบนี้แล้ว ปากของนิตาก็ตกใจอ้าจน สามารถยัดไข่เข้าไปได้ฟองหนึ่งแล้ว
“พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่คะ?”
ธาวิณีเดินเข้ามาในเวลานี้พอดี
เธอเห็นการตอบโต้กันระหว่างนิตาและเจตต์แล้ว ก็รู้สึกอิจฉามาก
ต้องถึงเมื่อไหร่เจตต์ถึงจะสามารถดีกับเธอแบบนี้บ้างนะ
เจตต์กำลังกลุ้มใจอยู่ พอเห็นธาวิณีก็พูดขึ้นเสียงเย็นว่า “พี่ ชายของคุณพูดว่าไงบ้าง?
“พี่ชายของฉันบอกว่าเขายังคงรอพวกคุณอยู่ที่วิลล่าฟีนิกซ์อยู่ แต่ว่าพอได้ยินว่าฉันทำงานอยู่ในบริษัทประธานเจตต์ พี่ชายฉัน ก็บอกว่างานนี้ยกให้พวกคุณแน่
ธาวิณีนึกว่าพอตัวเองพูดแบบนี้แล้ว เจตต์คงจะชื่นชมตัวเอง สักหน่อย แต่ใครจะรู้เจตต์กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบสนองออก มาเลย แล้วหันไปพูดกับนิตาขึ้นว่า “ผมไปขับรถมา คุณรอผมอยู่ ทีนี่นะ”
นิตาพยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากที่เจตต์จากไปแล้ว ธาวิณีก็พูดขึ้นเสียงเย็นว่า “นี่ เดี๋ยวรถมาแล้วเธอไปนั่งข้างหลังนะ อย่ามาแย่งที่นั่งข้างคนขับ กับฉัน รู้ไหม?”
นิตาทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเธอเลย
ธาวิณีโมโหแทบตาย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ถ้าหากว่าเธอจะ ต่อกรกับฉันให้ได้แล้วละก็ ฉันก็จะให้พี่ชายฉันอย่าร่วมงานกับ บริษัทของพวกเธอ เธอจะต้องรู้ไว้นะว่าอยู่ที่นี่ ขอแค่พี่ชายฉัน บอกว่าไม่ได้ ต่อให้พวกเธอมีแรกเยอะเท่าฟ้าก็ไม่มีทางบินเข้า มาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมาหาเงินจากที่นี่
พอนึกถึงที่ตัวเองรับปากอย่างมั่นใจต่อหน้านรมนไว้ แล้วก็ นึกถึงท่าทางที่อยากจะขยายธุรกิจของนรมน นิตากริมฝีปากล่าง ไปเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่แย่งกับคุณ”
“แบบนี้ก็ถูกแล้ว” ธาวิณีดูได้ใจมาก
แล้วก็ในเวลานี้พอดี รถของเจตต์ก็มาถึงแล้ว
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ