แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 697 คุณเป็นผีเหรอ



บทที่ 697 คุณเป็นผีเหรอ

เจตต์นอนหลับไปอย่างรวดเร็วมาก แล้วในตอนที่นิตายังลังเลอยู่ นั้น เขาก็ได้เข้าสู่การนอนหลับลึกไปแล้ว

พอได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเจตต์ นิตาก็รู้สึกทอด ถอนใจอยู่บ้าง

เธอถอนหายใจทีหนึ่ง จากนั้นก็ประคองเจตขึ้นอย่างยอม จํานน แล้วก็ถอดเสื้อผ้าสกปรกบนตัวเขาออก

นิตาพยายามให้ตัวเองไม่ไปมองมาก แต่ว่าเธอก็ยังเห็นกล้าม เนื้อบนตัวทั้งตัวของเจตต์อยู่ดี

ผู้ชายคนนี้ดูไปแล้วดูอ่อนโยน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าบนตัวจะมี

ของดีมากขนาดนี้

พอนิตารู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าเปลี่ยนเป็น แดงเหมือนกุ้งสุกขึ้นมาทันที ยังดีที่เจตต์นอนหลับไปแล้ว ไม่งั้น เธอคนจะอึดอัดตายแน่

นิตาเอาเจตมาโยนลงบนเตียง แล้วเอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมา

เช็ดตัวของเขา ระหว่างนั้น ใบหน้าก็ร้อนผ่าวอยู่ตลอด
เธอไม่เคยทําเรื่องแบบนี้ให้ผู้ชายมาก่อนเลย

หลังจากที่ทําเรื่องพวกนี้หมดแล้ว ตัวทั้งตัวของนิตาก็หมดแรง ไปหมดแล้ว และรู้สึกว่าแผ่นหลังเปียกไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าตั้งแต่ เมื่อไหร่ ที่เหงื่อได้ซึมจนเสื้อของเธอเปียกไปตั้งนานแล้ว

นิตาเห็นเจตต์ที่นอนหลับสนิทอยู่ แล้วรู้สึกว่าเธอที่อยู่ภายใต้ แสงไฟนั้นหล่อมากเหมือนกัน

เธอส่ายหน้าอย่างสุดแรง

คิดอะไรอยู่นะ?

ในใจของผู้ชายคนนี้มีแต่ประธานนรมนเท่านั้น

นิตามีสติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เข้าไปในห้องน้ำแล้วก็ ซักเสื้อผ้าของเจตต์ให้เรียบร้อย

หลังจากที่ทำเรื่องพวกนี้เสร็จเรียบร้อย ก็เป็นเวลาที่สามแล้ว

นิตาเก็บกวาดห้องจนเรียบร้อยแล้วก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง

เหนื่อยจังเลย!

เธอทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วก็นอนหลับไปเลย

เช้าวันที่สองตอนที่เจตต์ตื่นขึ้นมานั้น จะหาเสื้อผ้าของตัวเอง แต่กลับหาไม่เจอแล้ว ก็เห็นเสื้อผ้าของตัวเองลอยตามลมอยู่ที่ระเบียง แล้วมุมปากของตัว เองก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย

ไม่ต้องถามก็รู้ว่าใครเป็นคนซัก

นิตาทำเพราะความหวังดีตั้งแต่แรก แต่ว่าเธอกลับใช้มือซัก

ชุดสูทของเจตต์ไป

เนื้อผ้าแบบนั้นจะมาใช้มือซักได้ยังไง? ถึงแม้ว่าจะสามารถใส่ได้ แต่สภาพในตอนนี้จะใส่ยังไงล่ะ?

เจต พยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หลายที แล้วบอกกับตัว เองว่านิตาไม่ได้ตั้งใจหรอก เธอหวังดีต่างหาก พอหันกลับมา เขาก็เห็นบนโต๊ะมียาแก้แฮงค์และแก้วน้ำรักษา

อุณหภูมิอุ่นวางไว้แก้วหนึ่ง น่าจะเป็นนิตาเตรียมไว้ให้

เจตต์รู้ว่าเวลาที่ตัวเองกลับมาเมื่อคืนนั้น เป็นเวลาเที่ยงคืน กว่าแล้ว ตัวเขาเองจําได้แม่นยำว่าตัวเองดื่มมากเกินไปหน่อย แต่ว่าพอเข้ามาถึงในห้องแล้วความจําก็ขาดตอนไปเลย

เขาวิ่งไปดูที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็วสักหน่อย พื้นที่ล้วนสะอาดทุก แห่ง บนร่างกายของตัวเองก็ไม่มีกลิ่นอย่างอื่น
น่าจะเป็นการกระทําของนิตาทั้งหมด

พอคิดมาถึงจุดนี้ เจตต์ก็โทรศัพท์ให้หน้าพร้อน ให้พวกเขา ช่วยไปซื้อเสื้อผ้าสักชุดสองชุดส่งขึ้นมา แล้วตัวเองก็เข้าห้องน้ำ ไป ไปอาบน้ำเลย

เขากับนิตาจะต้องไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน เขาไม่ได้เป็น คนโง่ เกิดหรือไม่เกิดนั้นร่างกายของเขารู้ดีที่สุด

เพียงแต่ว่าอยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเลขาเล็ก ๆ อย่างนิตานั้นไม่เลวจริง

ๆ อย่างน้อยตัวเองก็ไม่ต้องมีสภาพน่าอนาถมาก

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว เจตต์ก็มาเทน้ำอุ่นออกมาแล้วก็กิน ยาแก้แฮงค์เข้าไป แล้วก็รู้สึกกระเพาะอุ่นขึ้นมา

เขาไม่มีความรู้สึกแบบนี้มานานมาก ๆ แล้ว

ความอบอุ่นแบบนี้เหมือนกับว่าจะมีแต่ตอนเด็ก ๆ ที่เคยได้รับ ៗ มาจากแม่

พอคิดมาถึงตอนนี้ เจตต์ก็รีบโทรศัพท์หาสถานพักฟื้น

“ช่วงนี้แม่ผมเป็นยังไงบ้าง?

“คุณนายรัตติกรวรกูลยังเป็นเหมือนเดิม แต่ว่าช่วงนี้ค่อนข้างที่จะนอนนาน ทานอาหารน้อย พวกเราเฝ้า สังเกตการณ์อยู่ตลอด วางใจได้คุณชายเจตต์”

คำพูดของเจ้าหน้าที่พยาบาลทำให้เจตต์วางใจลงได้ แล้วก็ ฝากฝังไปอีกไม่กี่ประโยค ถึงได้วางสายลง

แล้วในเวลานี้พอดี เสียงกริ่งประตูของเจตต์ก็ดังขึ้ งขนมา เจตต์ใส่ชุดนอนแล้วก็เดินไปเปิดประตู

นิตาได้ซื้ออาหารเช้ามาแล้ว พอเห็นว่าเจตต์ตื่นแล้ว ก็ยิ้มแล้ว พูดขึ้นว่า “ฉันตั้งใจซื้อโจ๊กข้าวฟ่างมาให้คุณด้วย ดีต่อกระเพาะ คุณเพิ่งดื่มเหล้ามาเยอะ ตื่นเช้ามาทางที่ดีที่สุดต้องกินอาหาร ธัญพืชสักหน่อย แบบนี้ถึงจะดีต่อกระเพาะ

เจตต์เห็นนิตาที่ดูเหน็ดเหนื่อย บนใบหน้าของเธอมีเหงื่อไหล ลงมาสายหนึ่ง บนใบหน้าที่ไม่ได้ถือว่าขาวมากเต็มไปด้วยรอย ยิ้มที่อบอุ่น ชั่วขณะหนึ่งทำให้คนรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก

เขาพิงอยู่ที่กำแพง แล้วก็พูดขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “คุณ ทำให้ผมนึกถึงแม่ของผม

มุมปากของนิตากระตุกขึ้นเล็กน้อย

“ฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แม่ผมไม่แก่ แล้วท่านก็หน้าตาสวยมากด้วย

อยู่ ๆ เจตต์ก็มีความรู้สึกอยากจะเล่าความในใจทั้งหมดออก มา

อาจจะเป็นเพราะว่านิตา ในตอนนี้อ่อนโยนมากเกินไป สดใส มากเกินไป และอาจจะเป็นเพราะว่าตัวเขาเองโดดเดี่ยวมากเกิน ไป เพียงแค่อยากจะหาใครสักคนมาพูดคุยด้วย

“มา เดี๋ยวผมลองให้คุณดูรูปแม่ของผม

เจตต์ดึงมือของนิตาทีหนึ่งเข้ามาในห้อง แล้วมานั่งลงบนเตียง

เขารูดหน้าจอโทรศัพท์ออก แล้วให้นิตาดูทีละรูปทีละรูป

“ดูซิ ผมไม่ได้โกหกคุณใช่ไหม? ถ้าผมไม่พูด คุณคงดูไม่ออก หรอกใช่ไหมว่าแม่ผมจะมีลูกชายที่ตัวโตขนาดนี้แล้ว?”

เจตต์พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจมาก

แต่นิตากลับพบจุดที่คล้ายกันของรูปถ่ายพวกนี้

เธอจ้องมองดูเจตต์ แล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “แม่ของ คุณไม่สบายเหรอคะ? ฉันดูแล้วรูปถ่ายทุกใบเหมือนกับว่าจะอยู่ ที่โรงพยาบาลหมดเลย”
สีหน้าของเจตต์ขรึมลงไปหลายส่วนทันที

พอลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็พูดขึ้นเสียงต่ำขึ้นว่า “แม่ผมอยู่ที่ สถานพักฟื้น อยู่มาจะยี่สิบปีแล้ว”

“ป่วยเป็นอะไรคะ?

“ประสาทไม่ดี”

เจตต์พูดไปแล้ว ก็อยากจะดื่มเหล้าอีกแล้ว

นิตาเห็นว่าเขาไม่อยากจะพูดมากแล้ว ก็รีบยกโจ๊กข้าวฟ่างมา ไว้ตรงหน้าเขา แล้วพูดว่า “รีบกินเถอะค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะปวด กระเพาะขึ้นมาอีก”

เจตต์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

ปกติแล้วผู้หญิงมักจะอยากจะรู้เรื่องของเจตต์ เพราะว่านี่เป็น ทางเดียวที่พวกเขาจะเข้าใกล้เจตต์ได้แล้ว แต่ว่านิตากลับไม่ได้ ทำแบบนี้ แต่กลับเปลี่ยนเรื่องคุยไปเลย

ความรู้สึกของเจตต์ผ่อนคลายลงส่วนหนึ่งมาทันที

“คุณเป็นคนไม่เลว ถึงว่าทำไมนรมนถึงได้เคารพคุณขนาดนี้ อนาคตก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้ชายคนไหนที่โชคดี ได้แต่งงานกับคุณ
“ไหนคุณบอกว่าคนอย่างฉันจะหาแฟนไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?” นิตามอบคำพูดที่เจตต์เคยพูดไว้กลับคืนให้เขาโดยตรงเลย เจตต์ถึงกับสําลักไปเลย

แต่นตาก็ไม่ได้บีบคั้นคนเกินไป แล้วก็ลุกขึ้นมาช่วยเจตต์จัด เก็บเตียงผ้าห่มให้เรียบร้อย

“อย่างทําเลย เรื่องพวกนี้ให้พนักงานมาเก็บกวาดก็พอแล้ว และอีกอย่างอาหารเข้าในโรงแรมที่มี

“อ๋อ”

นิตาตอบกลับไป แต่ก็ยังจัดเก็บเตียงจนเรียบร้อย พับจนเป็น สี่เหลี่ยมเรียบร้อย จนทำให้เจตนึกถึงชีวิตในกองทัพ

“คนที่ไม่รู้ยังจะนึกว่าคุณเคยเป็นทหารมาก่อนซะอีก”

นิตานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างเสียดายว่า “ฉันก็อยากจะ ไปอยู่นะ แต่ว่าระดับความสูงของฉันไม่พอ ชาตินี้กรมทหารคงจะ เดินเส้นขนาดกับฉันแล้ว ที่จริงฉันชอบทหารมากเลยนะ ฉันคิด ว่า ต่อไปฉันจะต้องหาคนที่เป็นทหารคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยดี กว่า”
“คนเป็นทหารมีอะไรดีกัน?”

“เป็นทหารดีจะตาย! ท่าทางอย่างคุณ อยากจะเป็นทหารก็ไม่มี ใครเอาคุณหรอก”

นิตานึกว่าเจตต์เป็นแบบคนที่ไม่ได้กินองุ่นแล้วพูดว่าองุ่น เปรี้ยวแบบนั้น แล้วก็อดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมา

เธอเพิ่งจะมีภาพประทับใจต่อเจตต์ขึ้นมานิดหน่อย ผู้ชายคนนี้ จะให้ความรู้สึกดี ๆ ของเธอคงอยู่สักหลายนาทีหน่อยไม่ได้เห รอ?

พอเจตต์ได้ยินคำพูดของนิตา ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีคนเอา ผมเหรอ? พูดล้อเล่นอะไร! ผมเป็นคนเรียกร้องขอเปลี่ยนงานเอง นะ ไม่งั้นตอนนี้ไม่ว่ายังไงก็คงจะเป็นผู้บัญชาการคนหนึ่งแล้ว”

“คุณโม้ไปเถอะ”

นิตาไม่เชื่อคำพูดของเจตต์เลยสักนิด

เจตต์เองก็ไม่ได้โต้เถียงกับเธอ จ้องมองดูนิตาที่เดินไปเดินมา เก็บกวาดห้อง แล้วอยู่ ๆ ก็มีความรู้สึกอบอุ่นอย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมา “เสื้อผ้าของคุณแห้งแล้ว ทำไมคุณยังไม่เก็บเข้ามาอีกล่ะ?”

นิตาพบว่าชุดสูทของเจตต์ยังคงตากอยู่ที่ระเบียง ก็รีบไปเก็บเข้ามา

หน้าผากของเจต ย่นเป็นเส้นดำขึ้นมาเล็กน้อย

“นิตา”

“ฮือ?”

“ต่อไปเรามาทำสัญญาไม่คืนคำกันดีไหม?”

คำพูดของเจตต์ทำให้นิตาอึ้งไปครู่หนึ่ง

“สัญญาอะไรนะ?”

“ต่อไปเสื้อผ้าของผมคุณไม่ต้องซักแล้วนะ”

“เพราะอะไร? ฉันซักไม่สะอาดเหรอ? ฉันไม่ได้ใช้เครื่องซักผ้า นะ ฉันซักมือเอง จริง ๆ นะ สะอาดมากเลย”

เหมือนกับว่านิตาอยากจะยืนยันว่าตัวเองซักสะอาดมาก ยัง ตั้งใจเอาเสื้อผ้ามาถึงตรงหน้าเจตต์เลย

ตอนแรกเจตต์อยากจะบอกกับนิตาว่า ชุดสูทนี้โดนเธอซักจน ไม่มีค่าสักนิดแล้ว แต่ว่าพอคำพูดมาถึงขอบปาก แล้วเห็นนิตาที่ ใบหน้าจริงจัง อยู่ ๆ เขาก็หยุดนิ่งไป

“ไม่มีอะไรแล้ว”

ตัวเจตต์เองยังรู้สึกแปลกเลย ทำไมเขาถึงได้ข่มคำพูดลงไปแบบนี้ล่ะ?

“ใช่ไหมล่ะ? ฉันรู้สึกว่าตัวเองซักได้สะอาดมากเลยนะ คุณ เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ฉันกลับห้องก่อนนะ”

นิตาพูดจบก็ออกจากห้องไปเลย เจตต์มองดูเสื้อสูทที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็เก็บไปเลย

พนักงานช่วยซื้อเสื้อผ้าที่เขาอยากได้มาแล้ว เจตต์เปลี่ยน เสร็จแล้วถึงได้ออกจากห้องไป

ที่หน้าประตูห้องมีธาวิณีมายืนอยู่แล้ว

ตอนที่เจตต์เห็นเธอนั้นก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาเล็กน้อย “คุณเป็นผีหรือไง? ทำไมถึงได้วิญญาณไม่สลายไปสักทีนะ

“ประธานเจตต์ ฉันคิดว่าเราควรจะทำความรู้จักกันใหม่สัก หน่อย ฉันชื่อว่าธาวิณี เป็นนักออกแบบจิวเวลรี่ ก่อนหน้านี้บริษัท คุณเคยมาติดต่อฉัน ไม่ทราบว่าประธานเจตต์พอจะจำได้บ้าง

ไหมคะ?”

ธาวิณียิ้มอย่างมีมารยาทแล้วแนะนำตัวเอง

ในที่สุดเจตต์ก็รู้แล้วว่าคนที่ชื่อธาวิณีที่อยู่ตรงหน้านี้ ทำไมถึง ได้ชื่อคุ้นขนาดนี้ที่แท้คือนักออกแบบจิวเวลรี่ที่เขาจะตามหานี่เอง

แต่ว่าเขากลับไม่ได้สนใจมากเป็นพิเศษ “อ๋อไปค่หนึ่งแล้วก็ เดินอ้อมธาวิณ์ไป

“ประธานเจตต์ ฉันตอบรับการว่าจ้างของบริษัทคุณ “ได้ไปรายงานตัว บริษัทของผมโดยตรงได้เลย

เจตต์พูดจบ ก็เดินไปทางห้องของนิตาเลย

“นิตา เสร็จหรือยัง?”

พอได้ยินเสียงเรียกของเจตต์ นิตาก็รีบเดินออกมา

“เสร็จแล้ว”

เธอยังคงใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนอยู่เช่นทุกครั้ง ดูไปแล้วเหมือน กับคนขายประกันคนหนึ่ง

“คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดูเป็นพิเศษหน่อยซิ

“ไม่สวยเหรอ?”

นิตาจ้องมองตัวเองอย่างรู้สึกเบื่อหน่ายนิดหน่อย

ก็ดีอยู่นี่

พอเจตต์เห็นท่าทางเธอแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าแล้วพูด

ขึ้นว่า “ช่างเถอะ ผมไปซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนคุณสักชุดดีกว่า”

“พอดีเลย ฉันก็จะไปซื้อเสื้อผ้าพอดี ไปด้วยกันเถอะ ฉันยัง สามารถช่วยคุณนิตาวิเคราะห์ดูสักนิดด้วย

ธาวิณีรีบเดินมาข้างหน้า แล้วก็พูดขึ้นอย่างยิ้มแฉ่ง

พอนิตาเห็นธาวิณีเป็นอย่างนี้ ก็จะปฏิเสธอย่างอัตโนมัติ แต่ ว่าเจตต์กลับพูดขึ้นว่า “ดีเหมือนกัน แล้วก็ให้หาเครื่องประดับให้ เธอด้วยชุดหนึ่ง สายตาของคุณเฉียบคม สามารถช่วยเธอแต่ง ตัวได้”

“ได้ค่ะ ประธานเจตต์ คุณวางใจได้เลย ฉันจะต้องช่วยคุณนิตา แต่งตัวให้เรียบร้อยแน่”

ธาวิณียิ้มแฉ่งมองนิตาที่มึนงงไปทั้งหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “คุณนิ ตา ก่อนหน้านี้ต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นเพื่อนของ ประธานเจตต์ ที่ล่วงเกินไปขอให้อย่าเอามาใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้ฉันเป็นนักออกแบบจิวเวลรี่ในบริษัทของประธานเจตต์ แล้ว เพราะฉะนั้นก็ถือซะว่าเป็นคนบ้านเดียวกันแล้ว ฉันดูแล้ว คุณนิตาคงจะมาคุยธุรกิจกับประธานเจตต์ใช่ไหมคะ? คุณแต่ง ตัวแบบนี้คงจะไม่เหมาะ ให้ฉันพาคุณออกไปชอปปิ้งสักหน่อยดี กว่า”

“ไม่ได้เหรอ?”
พอนิตาได้ยินว่าธาวิณีเป็นนักออกแบบในบริษัทของเจตต์

แล้วในชั่วขณะหนึ่งก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรแล้ว เธอก็เป็นคน

แบบนี้ ขอแค่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจที่จะขัดแย้งกับตัวเอง เธอก็จะ ไม่มีทางเป็นคนที่ไปหาเรื่องก่อนแน่นอน และที่สำคัญยิ่งเป็นนักออกแบบในบริษัทของเจตต์ด้วยแล้ว

เธอจะทำเกินไปก็คงจะไม่ดีมั้ง

พอธาวิณีเห็นว่านิตาไม่ได้ใส่ใจแล้ว ในแววตาที่มีความโกรธ

กะพริบผ่านไป

ยัยผู้หญิงบ้านนอกคนนี้ ยังจะต้องให้เธอมาประจบสอพลออีก คอยดูซิว่าเดี๋ยวเธอจะจัดการกับมันยังไง

ในใจของเธอคิดไปแบบนี้ แต่บนใบหน้ากลับมีรอยยิ้มดูไม่

ออกเลยสักนิดแฝงอยู่ แล้วก็จับมือของนิตาเอาไว้แล้วออกไป

จากโรงแรมพร้อมกับเจต เลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ