แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 614 อย่าให้เป็นท่านดีที่สุด



บทที่ 614 อย่าให้เป็นท่านดีที่สุด

นรมนรู้สึกจี๊ดที่ขมับ

เธอหันมามองคุณนายตระกูลโตเล็กแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า ทางที่ดีอย่าให้เป็นท่านดีที่สุด”

“ฉันทําเอง!”

คําพูดที่ตรงไปตรงมาของคุณนายตระกูลโตเล็ก ทำให้นรมน โกรธจนถึงขีดสุด

“ฉันอยากจะตบท่านจริงๆ! อยากตบจริงๆ! นี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจของนรมน คุณนายตระกูลโตเล็กยิ้มอย่างได้ใจ

“เธอกล้าเหรอ ถึงแม้บริศร์จะไม่ใช่ลูกแท้ๆของฉัน แต่ว่าที่

ผ่านมาฉันปฏิบัติต่อเขาอย่างไร เขาคงไม่ทนเห็นเธอมารังแกฉัน

หรอก ต่อให้ฉันสั่งรามิลไปปล้นจี้เธอก็ตาม เขาโกรธปางตาย

สุดท้ายก็ไม่เห็นว่าเขาจะทำอะไรฉัน แค่ระบายความโกรธด้วย

การลงที่แม่บ้านคนสนิทของฉันเท่านั้น เธอคิดว่าบุริศร์จะยอมให้

เธอแตะต้องตัวฉันอย่างนั้นเหรอ ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของเธอ

ติดค้างหนี้หนึ่งชีวิตกับตระกูลโตเล็ก เธอคิดว่าเขาจะไม่

คลางแคลงใจเลยเหรอ”

มือของนรมนได้ หมัดแน่น
เธอไม่อยากจะฟังคุณนายตระกูลโตเล็กพูดคำเหล่านี้อีก แต่ ว่าเธอก็ยังอยากรู้ว่าท่าไม

“ทำไมท่านต้องทำแบบนี้กับบริศร์ ท่านรู้ไหมว่าเขาทุกข์ ทรมานมากแค่ไหน ท่านรู้ไหมว่าจิตใจของเขาเจ็บปวดรวดร้าว ขนาดไหน คนที่เข้มแข็งและมีความอดทนขนาดนั้นต้องเจ็บปวด จนแทบจะเป็นลมหมดสติ แบบนี้เหรอที่ท่านเรียกว่ารักเขา

คุณนายตระกูลโตเล็กกลับพูดอย่างเย็นชา “นั่นก็เพราะเขาหา เรื่องใส่ตัวเอง ถ้าหากเขาไม่ต่อต้าน และยอมให้ถูกสะกดจิตแต่ โดยดี ในใจของเขาก็คงจะคิดว่าเธอนั้นทําผิดต่อเขา และคงจะ ไม่รักเธอมากมายเฉกเช่นตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเธอ ฉันก็ คงจะไม่ต้องทำแบบนี้ เธอเป็นคนทําลายบุรีศร์ของฉัน!

“เป็นฉันหรือท่านที่ทำลายเขา เขาเป็นคน มีร่างกายเป็น มนุษย์ เขาไม่ใช่เครื่องมือของท่านหรือของใคร ท่านรักเขาจริงๆ หรือแค่เพียงหลอกใช้เขาเพื่อหาเงินให้กับตระกูลโตเล็ก ปกป้อง เกียรติยศที่เป็นอยู่ในตอนนี้ของตระกูลโตเล็ก เพราะสาเหตุที่ ท่านไม่ชอบฉัน ท่านก็เลยอยากทําให้เขาโกรธเกลียดฉันไปด้วย ท่านรู้ทั้งรู้ว่าธรรคเป็นคนฆ่าตนท์ แต่ท่านกลับเก็บซ่อนไว้ไม่ ยอมบอก แล้วยังมาทำดีกับฉันอีก ทำให้ฉันคิดว่าท่านนั้นชอบ ฉันและต้องการอยากปกป้องฉันจริงๆ แท้ที่จริงแล้วท่านกำลังรอ วันนี้อยู่ใช่ไหม ท่านรอให้บริศร์รู้ว่าธรรคเป็นคนฆ่าตรินท์ แล้วรอ ให้บริศ ผิดใจกับฉัน แต่น่าเสียดายที่แผนการของท่านล้มเหลว ดังนั้นท่านอับอายจนโกรธมาก อุตส่าห์วางแผนเสียบดีมาตั้ง หลายปี ต้องอดทนอดกลั้นมาตั้งหลายปี แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นเรื่องที่น่าตลกขบขันและแตกต้นสำหรับท่านไปเสียแล้ว เพราะ ฉะนั้นท่านจึงทนไปไม่ได้อีก ยอมฉีกใบหน้าที่แสร้งเป็นคนดี ต้องการเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงต่อหน้าฉัน แต่ว่าท่านจะทำอะไร ได้ ต่อให้ฉันจะไม่มีอะไรดี ต่อให้ฉันตอนนี้อะไรก็ไม่ใช่ แต่ว่าใน ใจของบุริศร์ฉันก็ยังคงเป็นภรรยาของเขาเป็นคนที่เขาอยาก ปกป้องด้วยชีวิต แล้วท่านกล้าที่จะบอกเรื่องราวทั้งหมดนี้ให้กับ บริศ อย่างเปิดเผยไหม ท่านกล้าหรือไม่

คำพูดของนรมนทำให้คุณนายตระกูลโตเล็กหน้าถอดสีขึ้น ทันใด

“หุบปาก!”

“ท่านไม่กล้า! เพราะท่านกลัวว่าคนเดียวที่ท่านสามารถพึ่งพิง ได้ในชีวิตนี้จะตีตัวออกหากไปจากท่าน ท่านกลัวว่าบุริศร์จะไม่ ต้องการท่าน ไม่เลี้ยงดูท่าน เพราะฉะนั้นไม่ว่าท่านจะโกรธแค้น เขามากเพียงไหน ท่านก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรเขา ท่านไม่กล้า แม้แต่ที่จะให้เขาได้รับรู้ว่าความเจ็บปวดทั้งหมดของเขาล้วนเกิด จากฝีมือท่าน สิ่งที่ท่านทำได้ก็แค่มาระบายอารมณ์ที่ฉัน อีกทั้ง ยังต้องทำแบบลับๆด้วย อันที่จริงคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือท่าน อย่างน้อยฉันก็มีความรักที่จริงใจจากบริศร์ ส่วนท่านล่ะ ท่าน ต้องระแวดระวังตลอด ต้องวางแผนมาอย่างแยบยลเป็นขั้นเป็น ตอน เพราะกลัวว่าบุริศร์จะไม่เลี้ยงดูท่านเพราะคิดว่าไม่ใช่ลูก แท้ๆของท่าน ในเมื่อฉันอ่านเกมของท่านออก ท่านคิดว่าฉันจะ หลงกลอีกหรือ”

ในที่สุดนรมนก็ได้พูดระบายออกมา
เธอก็ไม่พูดอะไรอีก หันหลังแล้วเปิดประตูเดินออกไป จากนั้น พูดกับบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านนอกว่า “พาคุณนายกลับไปที่ห้อง ถ้า ไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน อย่าปล่อยให้เธอเข้าใกล้กิจจาแม้แต่ ก้าวเดียว นี่เป็นคำสั่งของฉัน!

“พวกแกกลา!”

บรมนแสยะยิ้มขึ้น พวกนายคิดดูให้ดี ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแม่ ของบุริศร์ แต่ว่าตอนนี้ฉันเป็นนายใหญ่ของบ้าน เธออยู่ในวัย กำลังจะเข้าโลง ส่วนฉันอายุยังน้อย ต่อไปอำนาจของตระกูลโต เล็กจะตกไปอยู่ที่ใคร อีกทั้งบริศรปฏิบัติต่อฉันอย่างไร พวกนาย ก็เห็นกับตา ถ้าไม่อยากทำงานที่ตระกูลโตเล็กแล้ว ก็ไม่จําเป็น ต้องเชื่อฟังฉันก็ได้ ฉันจะรอดูว่าใครอยากจะออกไปจากตระกูล โตเล็ก!”

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึงงัน

พวกเขาหันไปมองนรมน เห็นเธอที่สงบเยือกเย็น พาลคิดถึง คำพูดของเธอ ฉับพลันทุกคนก็ฉุกความคิดใหม่ขึ้น

“ครับ คุณนาย”

บอดี้การ์ดรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อพาคุณนายตระกูลโตเล็ก กลับไปที่ห้อง

คุณนายตระกูลโตเล็กตะโกนโหวกเหวกโวยวายด้วยความ โกรธ จนไม่อาจสามารถรักษาภาพพจน์ของความเป็นผู้ที่ไม่ได้
“นรมน เธอบังอาจนัก! เธอกล้าทำกับฉันแบบนี้ได้! เธอช่าง กล้ามาก!

“เรื่องที่ฉันกล้ายังรออยู่ด้านหลัง ท่านแม่ ทางที่ดีที่สุดต่อแต่นี้ ไปท่านอย่าดื้อและจงเชื่อฟังดีๆ ทําตามคำสั่งถ้ายังอยากมีลม หายใจ อย่ามาแดกดันประชดประชันฉันอีก และอย่ามาทำให้ฉัน โกรธ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำเรื่องอะไรเลวๆออกมากได้ สำหรับผู้หญิงแล้วไม่ใช่มีเพียงแต่ท่านที่สามารถแสดงละครได้ ฉันก็แสดงเป็น เพียงแต่ฉันไม่อยากท่าเท่านั้นเอง ถ้าหากท่านยัง ต้องการจะต่อกรกับฉันด้วยสมอง ความกล้าหาญและการแสดง ฉันก็น้อมรับให้ความร่วมมือ เพราะถึงอย่างไรฉันก็มีเวลามาก เหลือเฟือที่จะเล่นกับท่าน

ใบหน้าของนรมนก็ไม่เหลือความเคารพให้กับคุณนายตระกูล โตเล็กอีก

ทุ่มเททั้งกายใจนานขนาดนี้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการถูกหัก หลังและถูกทำร้าย ไม่ว่าเป็นใครก็คงไม่สามารถทนเป็นลูกแกะ น้อยให้ฆ่าแกงได้อย่างตามใจชอบ

คุณนายตระกูลโตเล็กยังคงร้องตะโกนโหวกเหวก แต่ก็ถูก บอดี้การ์ดนําตัวไปอยู่ดี

ในห้องกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

นรมนค่อยๆนวดขมับของตัวเอง และต้องการที่จะจากห้องไป แต่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาที่นี่ก็เพื่อจะมาดูกิจจา

ถ้าไม่ใช่เพราะคุณนายตระกูลโตเล็กมายั่วอารมณ์ ตอนนี้เธอคงจะดูกิจจาอยู่ในห้องแล้ว

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ บรมนได้กลับไปที่ห้องอีกครั้ง แต่กลับเห็น ว่ากิจจาได้นั่งอยู่บนเตียง แล้วจ้องมองมาที่เธอ ไม่รู้ว่าจะเห็น เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่มากน้อยเพียงใด และได้ยินมากเท่าไหร่

เด็กน้อยที่อายุเพียงสี่ขวบ ต้องมาเจอกับการสูญเสียทั้งพ่อแม่ และยังต้องมาได้ยินคำพูดที่ไม่น่าฟังเหล่านี้ ทำให้หัวใจของพร มนรู้สึกบีบรัดขึ้น

“กิจจา หนูฟื้นแล้วเหรอ อยากทานอะไรหรือเปล่า หม่าไป

ทําให้หนูดีไหม”

นรมน ใช้น้ำเสียงเรียบนุ่มในการคุยกับกิจจา

แต่ว่ากิจจาไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ มองนรมนแวบหนึ่งแล้ว ก็นอนลงไป จากนั้นก็ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว หลับตาลงอย่างเงียบๆ จนทำให้คนเห็นรู้สึกไม่สบายใจ

นรมนเดินขยับเข้าไปใกล้ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “กิจจา หม่ามี แค่คุยเล่นๆกับคุณย่าเท่านั้น หนูไม่ต้องกลัวนะ หม่ามีไม่ใช่คน เลว หม่ามี้ยังเป็นคนเดิมที่รักหนู บอกกับหม่ามีสิว่าหนูอยากทาน อะไร คนเราไม่ทานอาหารไม่ได้นะ

กิจจานอนขดตัวแล้วปิดตาลง ไม่พูดไม่จา ไม่ว่านรมนจะพูด อย่างไร พูดอะไร เขาก็ทำเหมือนกับไม่ได้ยิน

นมันพูดจนสิบนาทีผ่านไป ก็ยังไม่รับการตอบสองจากกิจจา เธอจึงรู้สึกไม่สบายใจ
สําหรับกิจจาแล้วนั้น เธอรักเขาจากใจจริงๆ

เมื่อเห็นกิจจาเป็นแบบนี้ นรมนรู้สึกร้อนรน แต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำ อย่างไรดี

จึงตึงผ้าห่มมาคลุมให้กิจจา จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องของ

นรมนได้โทรหาโพนี่ และเล่าสถานการณ์ของกิจจาอย่าง ละเอียด

เมื่อโพนี่ฟังจบแล้วก็ขมวดคิ้วพูดขึ้น “สถานการณ์แบบนี้ไม่ ค่อยจะดี ฉันเกรงว่าเขาจะขังตัวเองไว้ในที่ที่ตัวเอง แล้วกลาย เป็นโรคออทิสติก นรมน ทางที่ดีที่สุดเธอควรจะคิดหาวิธีให้เขา ร้องไห้หรือระบายออกมา จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ เขาเพิ่ง ขวบ ยังเด็กเกินไปที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ เฮ้อ เรื่องนี้ได้ ทําร้ายจิตใจของเด็กเป็นอย่างมาก

“ใช่ ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ แต่ปกติแล้วคนที่ กิจจาสนิทที่สุดก็คือกมลและกานต์ บุริศร์ได้ส่งคนไปรับกมลแล้ว ส่วนกานต์เด็กคนนี้คงต้องใช้เวลาสักพักในการกลับมา

นรมนรู้สึกปวดหัวมาก แขนก็เจ็บ

“ได้ข่าวว่าเธอก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเหรอ เป็นอย่างไรบ้าง ไม่ เป็นอะไรมากใช่ไหม”

โพนี่ได้ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

นรมนส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ฉันไม่เป็นไร แค่บาดแผลเล็กน้อย ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้ก็คือกิจจากับบุรีศร

เรื่องของบริศนได้ยินป้องบอกว่า เขาเองก็จนปัญญา แต่ ว่าเธอวางใจได้ ฉันจะไปถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ จะต้องมีทางออกอย่างแน่นอน ป้องได้จัดยาแก้ปวดให้แก่เขา ชั่วคราว หวังว่าคงจะได้ผล

เมื่อได้ยิน โพนี่พูดเช่นนี้ นรมนก็พูดด้วยเสียงต่ำ “อาจารย์อา ของเธอได้ให้นามบัตรของใครคนหนึ่งกับฉัน บอกว่าคนคนนี้ สามารถด้วยฉันได้ ฉันยังไม่ได้ไปหาเลย บุริศร์ก็ไปบริษัทแล้ว เรื่องมากมายได้ปะติดปะต่อกันจนพวกเราแทบไม่มีเวลาหายใจ

“นั่นนะสิ เกิดเรื่องมากมาย แล้วก็เกิดอย่างกะทันหัน เขายังคง กำลังติดตามเรื่องภาพออกแบบกับสัญญาอนุญาต ตอนนี้ถ้าให้ เขาหยุดกลางคันคงจะเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้กิจจากยังมาเป็นแบบ อีก ช่างล่าบากเธอจริงๆ

“ฉันไม่ล่ามากเลย ฉันแค่หวังว่าบ้านของฉันจะเป็นบ้านที่ สมบูรณ์ แต่ทำไมไม่รู้ ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามา แทรกอย่างไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้แทบจะไม่มีเวลาหายใจแล้ว

จิตใจของนรมนั้นหดหูมาก เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งตัว เองจะผิดหวังได้มากขนาดนี้

ถูกคําพูดของคุณนายตระกูลโตเล็กที่บอกว่าไม่มีอะไรดี เป็น ใครก็คงปวดใจเช่นกัน

ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีความสามารถ เพียงแต่ต้องเสียสละตัวเอง เพื่อความรัก เพื่อตระกูลโตเล็ก จึงต้องละทิ้งความสามารถของตัวเอง แต่ในสายตาคนอื่นตัวเองนั้นกลับกลายเป็นคนขยะซะ อย่างนั้น

บอกตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจสายตาของคนอื่น เดินบนเส้นทาง ของตัวเอง และปล่อยให้คนอื่นพูดสนุกปากไป แต่จะมีสักกี่คนที่ สามารถทำเช่นนี้ได้

การมีชีวิตของมนุษย์บนโลกนี้ ก็คือการมีชีวิตภายใต้สายตา ของคนอื่น ปกป้องรักษาความรักของตัวเอง และอยากดำรงให้ คงอยู่ต่อไป อยากให้ความรักงดงามสดใสเหมือนแรกเริ่ม บางที เธอต้องใช้ความพยายามแล้ว

โพนี่ฟังออกถึงน้ำเสียงที่หดหูของเธอ แล้วถามขึ้น “เธอกำลัง ประสบกับบางอย่างอยู่หรือเปล่า”

นรมนอยากจะเล่าเรื่องราวความเป็นจริงของคุณนายตระกูล โตเล็กให้กับเธอฟัง แต่ว่าความในไม่ควรนำออก เมื่อโพนี่ ป้อง ก็จะรู้ เมื่อป้องรู้ บุริศร์ก็จะรู้เช่นกัน

เรื่องราวทั้งหมดนี้ นรมนเธอคือผู้ถูกกระทำ แล้วบริศร์จะไม่ใช่ ได้อย่างไร

เธอสามารถโกรธเกลียดคุณนายตระกูลโตเล็กได้ ไม่แม้แต่จะ ถามสารทุกข์สุกดิบอีกก็ได้ แต่บุริศร์สามารถทำได้เหรอ นั่นคือ คนที่เขาเรียกว่าแม่มาตั้งยี่สิบกว่าปี วันนี้ถ้ารู้ว่าโดนแม่ของตัว เองหักหลังจนกลายมาเป็นแบบนี้ ชีวิตยี่สิบกว่าปีก็เป็นเพียง เครื่องมือและหมากตัวหนึ่งในมือของคุณนายตระกูลโตเล็ก เท่านั้น คนที่ได้รับความเจ็บปวดมากที่สุดก็คือเขา
บรมนสามารถทนให้ตัวเองเจ็บปวดได้ แต่ไม่อาจทนเห็นบุรีศร นั้นเจ็บปวดได้ มันเจ็บยิ่งกว่าถูกมีดแหลมคมเฉือนเข้าที่หัวใจ ของตัวเอง

เรื่องบางเรื่องบางทีต้องสะสางด้วยตัวเอง

เมื่อนามนคิดมาถึงตรงนี้ จึงพูดเสียงต่ำว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่ เหนื่อยมากเกินไป บวกกับเห็นกิจจาเป็นแบบนี้ ก็เลยทุกข์ใจ เท่านั้นเอง”

“ฉันเข้าใจจิตใจของคุณในตอนนี้นะ ไม่เป็นไรนะ กิจจาจะต้อง ดีขึ้นอย่างแน่นอน ขอแค่พวกเรามีความอดทนในการนำพาเขา เดินออกมา แขนของเธอก็ต้องระวังด้วย พักนี้อย่าทำการยึดแขน ไม่อย่างนั้นอาจเกิดผลข้างเคืองได้

“ค่ะ”

ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น ลูกน้องก็ได้พากมลกลับมาถึงบ้าน นรมนจึงได้วางสายสนทนาของโพนลง และต้องตกใจเมื่อเห็น กมล


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ