แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 588 ระหว่างผมกับคุณไม่มีความลับกัน



บทที่ 588 ระหว่างผมกับคุณไม่มีความลับกัน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

หัวคิ้วของบุรีศรขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ ที่คนอื่นมาทําลายความเงียบสงบของที่นี่

บอดี้การ์ดรีบออกไปดูทันที แต่กลับโดนคนผลักเข้ามา “พีนี หมายความว่ายังไง?

คนที่มาคือตรินท

บุริศร์มองเขาทีหนึ่ง และไม่ได้แสดงออกอะไร แล้วก็วางองุ่นที่ อยู่ในมือลง และพูดกับนรมนอย่างอ่อนโยนว่า “กินเสร็จหรือ ยัง?”

“กินเสร็จแล้วค่ะ”

นรมนไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะใช้สภาพจิตใจแบบไหนไปเผชิญ หน้ากับตรินท

ถึงแม้จะรู้ว่าตนท์ฉีกหน้ากับตัวเองมานานแล้ว แต่ว่าตอนนี้มี บุริศร์อยู่ด้วย แล้วพวกเขาก็เป็นพี่น้องฝาแฝดมีแม่คนเดียวกันมา เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงดีถึงจะไม่ทำให้บริศรเสียใจ
ในระหว่างที่เธอลังเลอยู่นั้น บุริศร์ ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางตรี

บท

“ใครใช้ให้นายมาที่นี่

“พี่ นี่ กะว่าจะเปิด กกับผมแล้วใช่ไหม?

สีหน้าของตนท์ดูไม่ดีเท่าไหร่

นรมนไม่รู้ว่าบริศ ทำอะไรไปบ้าง แต่ว่าดูจากสีหน้าของครินท์ ในตอนนี้แล้ว เหมือนกับว่าจะโกรธอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

เปิด ก? นายคิดว่านายมีคุณสมบัติพอที่จะเปิดศึกกับฉัน ด้วยเหรอ?”

บริศ มองอย่างเย็นชาไปที่ตนท์ แล้วอยู่ ๆ ตรินท์ก็อึ้งไปเลย

เขาพบว่าในแววตาของบริศร์นั้นไม่มีความอบอุ่นอยู่เลย แม้แต่น้อย และยังเฉียบคมราวกับเป็นมีดสั้นที่คมกริบเล่มหนึ่ง จนทําให้เขาแทบจะแบกรับไม่ไหว

“พี่ นี่พี่ดูถูกผมมากไปแล้วมั้ง?”

“ดูถูกหรือไม่ดูถูก ต่อไปค่อยว่ากัน วันนี้ฉันไม่มีเวลาจะมา เซ้าซี้กับนาย รีบไสหัวไปซะ! อย่ามาทำให้ฉันและพี่สะใภ้นาย หมดสนุกกัน
คําพูดของบุริศนั้นไม่ไว้หน้ากันเลย

นรมมรู้สึกอย่างละเอียดอ่อนว่าท่าทีที่บุริศร์ เปลี่ยนไปแล้ว มีต่อครินท์นั้นได้

เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่นั่งเก็บเมล็ดองุ่นอย่างสบายใจอยู่ ตรงนั้น

ริมฝีปากของครินท์กระตุกไปที่หนึ่ง ในตอนที่มองเห็นนมน นั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พี่สะใภ้ ร่างกายของคุณดีขึ้นบ้างหรือ ยัง?”

“ฉันบอกให้นายไสหัวไปไม่ได้ยินเหรอ?”

บุริศร์พูดเสียงสูงขึ้นมาทันที

บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นดินปีนขึ้นมาทันที เหมือนกับว่า แค่จุดไฟก็ติดแล้ว

ตรินท์มองดูแล้วรอบข้างล้วนเต็มไปด้วยคนของบุริศร์ แล้วก็ พูดขึ้นอย่างทอดถอนใจทีหนึ่งว่า “ผมไปก็ได้ แต่ว่าพี่ต้องให้คำ อธิบายหนึ่งมากับผม ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ถอดพนักงานของผมใน บริษัทฮวยกรุ๊ปจํากัดออกทั้งหมด? ในเมื่อตอนนี้ผมต่างหากที่ เป็นประธานของบริษัทยั่วยกรุ๊ปจำกัดอยู่ไม่ใช่เหรอ? หรือว่าพี่ เสียดายแล้วเหรอที่ยกตระกูลโตเล็กให้ผม? เพราะฉะนั้นถึงได้ คิดว่าจะมาใช้กำลังทางกลับไปใช่ไหม?”
พ่อ พูด พูดออกมา บรมนก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย บริศ ทวงบริษัท กรุ๊ปจำกัดกลับคืนมาแล้วเหรอ?

เพราะอะไร?

เธอรู้สึกมาตลอดว่าบริศร์นั้นมีความรู้สึกผิดต่อครินทมาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็จะยอมเขาตลอด เรื่องยาพิษเมื่อครั้งที่แล้ว ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับครินท์ แต่บุริศร์ก็พยายามอดกลั้น เอาไว้ไม่ไปเอาเรื่องอะไรกับตนท์ แล้วก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง อะไรลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งปล่อยให้มันผ่านไป

แล้วอยู่ ๆ ทำไมตอนนี้ถึงได้มาต่อต้านกันอย่างนี้แล้วล่ะ? นรมนรู้สึกว่ามีอะไรกำลังค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่เธอ กลับไม่รู้เรื่อง

บุริศร์มองดูตรินท์ แล้วยิ้มเย็นขึ้นและพูดว่า “ตอนนั้นตอนที่ บริษัท ยูกรุ๊ปจํากัดถูกส่งต่อมาถึงมือของฉัน มันก็เป็นแค่ เปลือกกลวง ๆ แล้วตอนนี้ฉันเป็นคนพัฒนามันจนเติบใหญ่ขึ้นมา ถ้าฉันอยากจะเอาคืนมา นายมีความคิดเห็นเหรอ?”
ครินทคิดไม่ถึงว่าบุรีศร์จะพูดอย่างนี้ออกมาได้ แล้วก็ยิ่งคิดไม่ ถึงว่าเขาจะทำกับตัวเองอย่างนี้ เขาเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติ แล้ว แต่ว่ากลับหาเหตุผลของความผิดปกติออกมาไม่ได้ว่ามัน อยู่ตรงไหน

เขามือ ให้เป็นหมัดไว้แน่น แต่กลับไม่มีความมั่นใจที่จะมา ต่อกรกับบุริศร์ สุดท้ายก็หมุนตัวจากไปอย่างโมโหเล็กน้อย

นรมนอยากจะดึงมือของบุริศร์มา แต่บุริศร์กลับหมุนตัวมา เหมือนอย่างกับว่าไม่มีเรื่องอะไร ยิ้มแล้วพูดกับเธอขึ้นว่า “ของ ขวัญแต่งงานชิ้นนี้ไว้อีกเดี๋ยวคุณก็มอบให้คมทิพย์เองละก็ ถือซะ ว่าเป็นของขวัญจากเราสองคน

“ได้ค่ะ”

“พวกเรากลับบ้านกันเถอะ ร่างกายของคุณยังต้องการพัก ผ่อน ออกมานานมากไม่ได้

บริศ ต้องการความคิดเห็นจากนรมน

แล้วนรมนก็พยักหน้า

ตอนที่เขาอุ้มนรมนขึ้นไปบนรถแล้ว พรมนก็ยังอดไม่ได้ที่จะ ถามออกไปประโยคหนึ่ง

“คุณยังโอเคอยู่ใช่ไหมคะ?”
“ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วงผม

แต่ว่า……

*กลับบ้านไหม? หรือว่ามีที่อื่นที่อยากจะไปไหม? ร่างกายของ คุณตอนนี้ ทีทีเอะอะโวยวายเกินไปนั้นไปไม่ได้หรอกนะ

บุรีศร์พูดเปลี่ยนเรื่องไป

นรมนก็หยุดถามเรื่องที่จะถามบุรีศร์ลงทันที

หรือว่าควรจะทำยังไงต่อไปนั้น บุริศร์ได้คิดไว้นานแล้ว “กลับบ้านเถอะ วุ่นวายมาพักหนึ่ง ฉันรู้สึกเหนื่อยหน่อยแล้ว

“ได้”

แล้วบุรีศร์ก็ขับรถส่งนรมนกลับไปที่บ้านใหญ่ตระกูลโตเล็ก

ร่างกายของคุณนายตระกูลโตเล็กไม่ค่อยแข็งแรง ก็เลยกลับ ห้องไปแล้ว พอนรมนกับบุริศร์เพิ่งกลับมาถึง โทรศัพท์ของบุริศร์ ก็ดังขึ้นมา

ช่วยผมเปิดล่าโพงหน่อย

บุริศร์อุ้มนรมนอยู่ ก็เลยมือไม่ว่าง

นรมนเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าของบริศร์ แล้วเห็นว่าเป็นชื่อของป้องโทรมา แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ป้องโทรมา

ค่ะ”

“อืม รับแล้วเปิดลำโพง ให้หน่อย

นรมหลังเลไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “คุณวางฉันลงก่อน แล้ว คุณค่อยไปรับสายเองดีกว่า

“จะกลัวอะไร? ระหว่างผมกับคุณยังจะมีความลับอะไรอีก? บุรีศร์ยิ้มเล็กน้อย แล้วไม่ได้เห็นด้วย

นรมนอึ้งไปเล็กน้อย อยู่ ๆ ในใจก็รู้สึกว่าบริศ เปลี่ยนไปจน ไม่ค่อยเหมือนเดิมแล้ว เหมือนกับว่าเขากำลังค่อย ๆ เปิดเผยทุก อย่างของตัวเองออกมาต่อหน้านามน ไม่มีอะไรแอบซ่อนเลยสัก

นี่ทำให้นรมนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และซาบซึ้งเป็นพิเศษ

ด้วย

เมื่อก่อนเคยรู้สึกว่าระหว่างพวกเขาควรจะมีช่องว่างส่วนตัว กัน แต่ว่าหลังจากที่ผ่านเรื่องราวในครั้งนี้มาแล้ว นรมนกลับรู้สึก ว่าทำตัวไม่ถูกเลยจริง ๆ

เรื่องของบุริศร์เธอไม่รู้อะไรเลย พอเกิดเรื่องขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าควร จะไปหาใคร ควรจะทำยังไง แต่พอมาวันนี้บริศ เปิดเผยทุกอย่าง ออกมาต่อหน้าเธอ นามนกลับไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี

“มัวแต่คิดอะไรอยู่? รับโทรศัพท์

บริศ เห็นว่าบรมนยังนิ่งอึ้งอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเดือนเธอ หนึ่ง

“อือ!”

บรมนถึงตั้งสติกลับมาได้ แล้วก็รูดหน้าจอโทรศัพท์ออก แล้วก็ กดเปิดล่าโพงด้วย

“บริศร์ ทางด้านหัวหน้าคขณะตอบข้อความกลับมาแล้ว บอกว่าเห็นด้วยกับวิธีของนาย ทางกรมทหารจะสนับสนุนนาย อย่างไร้เงื่อนไขทุกอย่าง แต่ว่าตัวนายจะต้องระวังตัวเองด้วยนะ

“รู้แล้ว”

บริศ ตอบกลับไปเรียบ ๆ ค่หนึ่ง แล้วอีกฝ่ายกวางสายไป นรมนก็รู้สึกมึนงงและสงสัยขึ้นมาทันที

ทางกรมทหาร? คุณกับทางกรมทหารจะทำอะไรกันคะ?” “ไม่มีอะไรที่อันตรายหรอก คุณวางใจเถอะ”

บริศ พูดปลอบใจนรมน แล้วก็วางตัวเธอลงบนเตียง และ จัดแจงให้อยู่ในท่วงท่าที่สบายตัว
พอเห็นนรมนนอนเรียบร้อยแล้ว ถึงได้ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณ คงจะรู้สึกสงสัยมากใช่ไหมว่า ไนท์และคนที่เมืองใต้ดินต้องการ อะไรจากผม?

“รู้สึกสงสัย แต่ว่าจะไม่บังคับให้คุณพูดหรอกค่ะ

นโมนเปิดปากพูด นเรียบ ๆ

“ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ เมื่อก่อนเป็นเพราะว่าผมเห็นแก่ตัวไป จริง ๆ”

บริศ เปิดปากพูดขึ้น

“ตระกูลโตเล็กเราเป็นตระกูลทำธุรกิจมาเป็นร้อยปี แต่ว่ารุ่น ของผมเลือดร้อนรักชาติมาก และอยากจะตอบแทนชาติบ้าน เมือง แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของท่านไม่ไหว ก็เลยเอาความ หวังนี้มาฝากไว้ที่พ่อและอาของผม

“ตอนนั้นพ่อของผมจะไปเกณฑ์ทหารและได้ตรวจร่างกายผ่าน แล้ว แต่พอตอนที่กำลังจะไปรายงานตัวนั้นก็เกิดเป็นไข้ขึ้นมา กะทันหัน ก็เลยไม่ได้ไป แล้วอาของผมก็ไปเข้ากรมแทนพ่อของ ผม ต่อมาได้ยินมาว่าอาเสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติแล้ว แต่ กลับหาศพไม่พบ มีคนบอกว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ แล้วก็มีคนบอก ว่าท่านได้ตายไปแล้ว และเพื่อสิ่งนี้ตระกูลโตเล็กก็ได้ส่งคนออก ไปตามหามากมาย แต่ก็หาไม่เจอ ต่อมา ปูของผมทิ้งคำสั่งเสียไว้ว่า ไม่ว่าประเทศชาติ ต้องการอะไร ตระกูลโตเล็กเราจะต้องช่วยอย่างไม่หวังผลใด ๆ แล้วค่าพูด ก็กลายเป็นปณิธานของพ่อผม

“ในปี พ่ออายุห้าสิบ โครงการวิจัยของประเทศมีความ ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก แต่กลับขาดทุนทรัพย์ พอเรื่องนี้ถูกพ่อ ของผมรู้เข้า ท่านก็กลับมาปรึกษากับแม่ผมนิดหน่อย จากนั้นก็ เอาทรัพย์สินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของตระกูลโตเล็กของเราบริจาค ออกไป

บริจาคเลยเหรอคะ?”

นรมนรู้สึกตกใจเล็กน้อย

ตระกูลโตเล็กเป็นตระกูลทำธุรกิจมาเป็นร้อยปี ทรัพย์สินแปด สิบเปอร์เซ็นต์ของตระกูลจะเป็นมูลค่าเท่าไหร่นั้นคงประมาณ มูลค่าไม่ได้ แต่ว่าตระกูลโตเล็กกลับพูดว่าจะบริจาคก็บริจาคไป ซะอย่างงั้นเลยเหรอ?

บริศพยักหน้าเล็กน้อย

“ใช่ บริจาคแล้ว ตอนนั้นผมกำลังก้าวหน้าอยู่ในกรมทหารได้ เป็นอย่างดี แล้วก็ยังมีโอกาสอาจจะได้เลื่อนขั้นจนสามารถไปถึง เมืองหลวงได้ แล้วก็ในเวลานั้นพอดี ผมก็ได้รับภารกิจมาอย่าง หนึ่ง ให้ผมใช้โอกาส ไปทลายแก๊งค้ายาเสพติดที่ยูนนานปลดประจํา การจะ

นามรู้สึกคิดไม่ตกอยู่บ้าง

บุรีศรีกุมมือของเธอไว้ ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “อยู่ในกรมทหารไม่มี คําว่าทําไม มีแต่น้อมรับ หน้าที่รับผิดชอบของทหารก็คือน้อมรับ และน้อมรับเท่านั้น ต่อมาผมถึงรู้ว่า เป็นเพราะพรสวรรค์ในการ ออกแบบของผม ด้วยความไม่ตั้งใจตอนที่ผมอยู่ในกรมทหารผม ได้ออกแบบรถถังตามแผนการออกรบขึ้นมาแบบหนึ่ง และผู้ บัญชาบัญชาเบื้องบนก็เห็นชอบด้วยเป็นอย่างมาก แต่น่า เสียดายที่ตอนนั้นประสิทธิภาพของเทคโนโลยีในประเทศเรายัง ไม่สามารถทําการผลิตที่ละเอียดอ่อนบางอย่างได้ เพราะฉะนั้นก็ เลยต้องชะลอไว้ก่อน แต่ว่าการออกแบบอันนี้ถือได้ว่าเป็นความ ลับของทางกรมทหาร และจะเอาออกไปแพร่งพราย ให้ภายนอก ไม่ได้ สถานการณ์ภายในของกรมทหาร ในตอนนั้นเป็นยังไงนั้น ผมก็ไม่ชัดเจน ผมรู้แต่เพียงว่า ทางกรมทหารให้ผมเอารูป ออกแบบอันนี้แล้วปลดประจําการออกมา และก็ให้สัญญาถือ กรรมสิทธิ์ร่วมกับกรมทหารกับผมมาฉบับหนึ่ง ก็คือถ้าทางกรม ทหารมีความต้องการเมื่อไหร่ ขอแค่ผมเอาหนังสือสัญญาฉบับนี้ มา ก็สามารถร่วมมือกับทางกรมทหารได้เลย ไม่พูดถึงผลประโยชน์ระหว่างนี้ แค่พูด ถึงว่ามีทางกรมทหารเป็นผู้คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอยู่ ก็ ทําให้คนมากมายตาร้อนขึ้นมาแล้ว”

พอได้ยินบุรีศรีพูดมาอย่างนี้ นามนก็เข้าใจอะไรขึ้นมาทันที “สิ่งที่ตนท์ต้องการก็คือสัญญาถือกรรมสิทธิ์ร่วมและรูป ออกแบบอันนี้เหรอ?”

“ไข่! และนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมมอบให้กับประธานเป็นไปไม่รู้ว่าต นท์ติดต่อกับท่านขุนอิน ในเมืองใต้ดินได้ยังไง แล้วทั้งสองคนก็ ร่วมมือกันทั้งในทั้งนอก ถึงได้มาวางแผนอย่างแยบยลกับคุณ เพื่อจะให้จับจุดอ่อนของผมไว้ และให้ผมยอมมอบของออกมา

พอนรมนได้ยินมาถึงตรงนี้ ก็มีความกังวลขึ้นมาเล็กน้อยทันที

“ตอนอยู่ที่เมืองA คุณได้ตอบตกลงอะไรกับท่านขุนอินคนนั้นที่ เมืองใต้ดินไปแล้วใช่ไหม? ตอนที่ฉันสะลึมสะลืออยู่ได้ยินยมราช พูดว่าต้องการตัวยามากมายเลย แล้วตัวยาพวกนี้ก็มีแต่เมือง ใต้ดินเท่านั้นที่มี ฉันสามารถมายืนอยู่ที่นี่ได้อย่างแข็งแรง สมบูรณ์ การผ่าตัดสามารถสำเร็จได้ ก็เป็นเพราะว่าคุณไปที่เมือง ใต้ดินไปเอาตัวยาพวกนั้นมาแล้วใช่ไหม? ท่านขุนยืนและครินท์วางแผนกันมาเป็น วงล้อมใหญ่ขนาดนี้ เป้าหมายก็เพื่อของที่อยู่ในมือคุณ ถ้า หากว่าคุณไม่ให้พวกเขา พวกเขาก็ไม่มีทางให้คุณช่วยฉันแน่ เพราะฉะนั้นเพื่อฉันคนเดียวแล้ว คุณได้เอาความลับของประเทศ มอบออกไปแล้วจริง ๆ เหรอคะ?”

อยู่ ๆ นรมนก็รู้สึกราวกับว่าเป็นคนบาปยังไงอย่างงั้น

ถ้าหากว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความจริง เธอควรจะรู้สึกผิดยังไง ต่อบริศร์ดีล่ะ?

พอบริศ เห็นว่าเธอร้อนใจขนาดนี้ ในใจก็ยิ่งปวดใจมากขึ้น แล้ว

ทำไมคุณถึงไม่เป็นเหมือนอย่างคนอื่นล่ะ? ผมเป็นสามีของ คุณ ผมช่วยคุณก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว? ทำไมปฏิกิริยาของ คุณถึงได้เกินความคาดหมายของผมตลอดเลย?”

“คุณเป็นทหาร! ถึงคุณจะปลดประจำการแล้วก็เถอะ คุณก็ยัง คงเป็นทหารอยู่ดี! และที่สำคัญทางกรมทหารได้ให้สัญญาถือ กรรมสิทธิ์ร่วมกับคุณไว้ แต่ไม่ใช่ให้คนอื่น แล้วถ้าคุณเอา หนังสือสัญญานี้ให้คนอื่นไป พอถึงเวลาทางกรมทหารลงโทษ คุณขึ้นมา ฉันกับพวกลูก ๆ ก็ต้องพลอยซวยไปด้วยใช่ไหมล่ะ?ถ้าหากว่าเป็นอย่างนี้จริง ๆ ฉันยอมตายไปซะยังดีกว่า ฉันไม่ อยากกลายเป็นตัวถ่วงของคุณ แล้วก็ยังไม่อยากจะกลายเป็น เหตุที่ทําให้คุณต้องหักหลังทางกรมทหาร ถ้าเป็นอย่างนั้น ถึงฉัน จะตายไปก็ยังเป็นคนบาปอยู่ดี!”

พอได้ยินนรมนพูดแบบนี้ บุริศร์ก็จับมือของเธอไว้แน่น จับไว้ แน่นมาก ๆ เลย……


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ