บทที่ 581 ความลับของตระกูลโตเล็ก
“ท่านขุนอิน คุณหมายความว่ายังไง? สีหน้าของบริศร์ดูเยือกเย็นขึ้นมา
ท่านขุนอินจ้องมองบุริศร์ แล้วยิ้มและพูดขึ้นว่า “คุณชายบุริศร ฉลาดซะขนาดนั้น จะไม่รู้ความหมายของผมได้ยังไง?
มือของปุริสก้าเข้าหากันแน่น จนเส้นเอ็นสีเขียวก็โผล่ออกมา
แล้ว
ตั้งแต่เขาเกิดมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยคุกเข่าให้ใครมาก่อน แต่วันนี้ท่านขุนอินที่อยู่ตรงหน้าคนนี้กลับยื่นข้อเสนอแบบนี้ออก มา เห็นได้ชัดว่าอยากจะขัดถูความฮึกเหิมของเขาให้หมดไป
“ยังไง? คุณชายปริศ ไม่ชอบใจเหรอ”
ท่านขุนอินท่าทางอย่างกับมีความสุขในความทุกข์ของผู้อื่น
ในใจของบุริศร์นั้นอัดอั้นจนหงุดหงิด นี่ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน เขาก็คงจะเดินหน้าเข้าไปต่อยเขาหมัดหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นรมน อยู่ในอันตรายตั้งแต่เช้ายันค่ำ และเขากลับทำอะไรไม่ได้เลย
ถ้าเทียบกับชีวิตหนึ่งชีวิตของนรมนแล้ว แค่กดิศรีและความ อีเหีมของตัวเองจะเป็นไรไป
พอคิดมาถึงตรงนี้ บุริศร์ก็มองท่านขุนอินด้วยสายตาเยือกเย็น ที่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อย ๆ คุกเข่าลง
ไม่ว่ายังไงท่านขุนอินก็คิดไม่ถึงว่าเพื่อผู้หญิงคนเดียวแล้วบุรี ศร์จะสามารถละทิ้งศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของตัวเองไปได้ ก็เลยอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปครู่หนึ่ง
“บุริศร์ เพื่อผู้หญิงแค่คนเดียวแล้ว คุณคุ้มเหรอ? ดูคุณตอนนี้ ส่วนไหนยังมีสง่าราศีของราชาแห่งเมืองชลธีบ้าง?”
ตอนที่ได้ยินท่านขุนอินพูดแบบนี้ บุริศร์ก็พูดเสียงเรียบขึ้นว่า “ตอนนีราชาแห่งเมืองชลธีไม่ใช่ผม ผมเป็นแค่สามีคนหนึ่ง ผู้ชายธรรมดา คนหนึ่ง คนที่ร้อนใจอยากจะรีบไปช่วยภรรยาตัว เองเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณพอใจแล้วละก็ คุณก็ช่วยกรุณาเอา ตัวยาที่ผมต้องการออกมาให้ผมด้วย
บริศร์รู้ว่า เวลาของตัวเองมีไม่เยอะแล้ว
ยมราชพูดได้ถูกต้อง เขาสามารถให้คนไปซื้อของพวกนี้จาก ตลาดมืดได้ แต่ว่าของพวกนี้ค่อนข้างล้ำค่ามาก แล้วก็หาได้ยาก ด้วย ถ้าจะซื้อให้พอละก็ คาดว่าอย่างเร็วที่สุดก็จะต้องเป็นพรุ่งนี้ แต่สิ่งที่เขาต้องการที่สุดในตอนนี้ก็คือเวลา
ที่ท่านขุนชิ้นนี้มีทุกอย่าง ถ้าเขาจะเสียหน้าและศักดิ์ตร์ไปบ้าง แล้วจะยังไง? เสียความภาคภูมิใจไปบ้างแล้วจะยังไง?
ขอแค่สามารถช่วยชีวิตนรมนได้ จะเอาชีวิตของเขา เขาก็ให้
ใต้
ท่านขุนอินจ้องมองบุริศร์ เหมือนกับว่าไม่อยากจะเชื่อว่าคน คนนี้จะคือปริศร์ที่เคยเรียกลมสั่งฝนได้ในเมืองชลมาก่อน
“ผู้ชายคนหนึ่งเพื่อผู้หญิงแค่คนเดียว ถึงกับไม่สนใจอะไรเลย ถ้าอย่างนั้นบุริศร์ ของที่ผมต้องการคุณคิดว่าจะให้ผมได้หรือยัง ล่ะ?”
ร่างกายของบุริศร์นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย
“กรรมสิทธิ์บ่อน้ำมันดิบทั้งหมดในอาหรับของตระกูลโตเล็ก ผมจะให้คุณ ขอแค่คุณให้ตัวยาที่ผมต้องการมา
นัยน์ตาของบริศร์มีความเยือกเย็นเล็กน้อย
บ่อน้ำมันดิบเป็นสิ่งที่ทำให้ตระกูลโตเล็กสามารถเรียกลมสั่ง ฝนในเมืองชลธีได้ และเป็นตัวแปรพื้นฐานที่ทำให้กลายเป็น ราชาแห่งโลกธุรกิจ
ใคร ๆ ก็นึกว่าความร่ำรวยของตระกูลโตเล็กนั้นสืบทอดต่อมาจากคนรุ่นก่อน มีเพียงแค่คุณนายตระกูลโตเล็ก และคุณท่านใดเล็กที่ตายไปแล้วเท่านั้นที่รู้ว่าก่อนที่ตระกูลโต เล็กจะตกทอดมาถึงมือของบริศ ได้บริจาคเงินออกไปมากมาย เพื่อสนับสนุนการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของประเทศ พอถึง ตอนที่บริศ มารับช่วงต่อ ตระกูลโตเล็กก็ไม่ได้เฟื่องฟูและต่าง จากเมื่อก่อนมากแล้ว
เพราะบุรีศร์ไปซื้อที่ดินไว้ที่อาหรับหลายผืน และในใต้ดินของ ที่ดินเหล่านั้นก็อุดมไปด้วยทรัพยากรที่เป็นน้ำมันดิบ จึงทำให้ ตระกูลโตเล็ก เงินทองไหลมาเทมาได้
แล้วหลังจากที่บุริศร์รับช่วงสืบทอดตระกูลโตเล็กมาแล้ว เขาก็ ใช้ทรัพยากรและความสัมพันธ์ที่มีอยู่ในมือ มาซื้ออุโมงค์ขุด เจาะอีกหลายแห่ง และก็ได้กลายมาเป็นมหาเศรษฐีที่ได้ครอบ ครองกรรมสิทธิ์ส่วนตัวในการขุดเจาะมากที่สุดในอาหรับ
ถ้าเอาตามรายได้ที่ได้รับในตอนนี้ของบ่อน้ำมันดิบพวกนี้มา พูดแล้ว ถึงจะผ่านไปอีกสามร้อยปีตระกูลโตเล็กก็ยังคงสามารถ ยืนหยัดอยู่ได้ไม่ล้มแน่
และสำหรับเรื่องนี้ก็มีแต่บุริศร์กับคุณนายตระกูลโตเล็กและ คุณท่านตระกูลโตเล็กที่เสียไปแล้วเท่านั้นที่รู้ ต่อมาตอนที่ตนท์เกิดเรื่องขึ้น คุณนายตระกูลโต เล็กก็เอาเรื่องนี้บอกกับตนท์ ตอนนั้นครินท์ก็เข้าใจบุรีศร์ และ ยอมสละสิทธิ์ผู้สืบทอดตระกูล โตเล็กไป แล้วก็ย้ายไปยูนนาน ไป เป็นคนของอาณาจักรรัตติกาล
เรื่องนี้กลายเป็นความลับของตระกูลโตเล็ก แม้แต่นชมนที่ แต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลโตเล็กแปดปีแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าตกลง ตระกูลโตเล็กมีทรัพย์สินเท่าไหร่
เพราะฉะนั้นตอนที่ท่านขุนอินอยากจะถามหาข่าวเกี่ยวกับ บ่อน้ำมันดิบพวกนี้ออกมา บุริศร์ถึงได้แปลกใจเป็นอย่างยิ่ง
เขาเอามาตลอดว่าหรินท์เป็นคนบอกท่านขุนอิน แต่ว่าจะเป็นไปได้จริง ๆ เหรอ?
ตอนนั้นเขาสละสิทธิ์ผู้สืบทอดไป แล้ววันนี้จะมาทำแบบนี้จริง ๆ เหรอ?
ถ้าหากเขาอยากจะได้ความร่ำรวย เขาให้เขาได้แล้วยังไง? ในเมื่อทั้งสองคนเป็นพี่น้องฝาแฝดที่เกิดมาจากแม่คนเดียวกัน แต่ว่าทำไมตนท์ถึงไม่พูดกับเขาให้ชัดเจนเองล่ะ? แต่กลับให้
คนนอกมาขอสิทธิ์การบริหารการขุดเจาะนี้งั้นเหรอ?
แต่ว่าถ้าคนที่ไม่ได้เป็นคนบอกท่านขุนคืน งั้นเขาจะมาถึงที่นี่ ใต้ยังไง? หรือว่าจะไม่ใช่คนที่เป็นคนวางแผนเอาไว้เหรอ?
นี้ถึงจะเป็นจุดที่ทำให้บุริศร์หนาวใจมากที่สุด
ต่อสู้กันเองในครอบครัวนะได้ แต่ว่ายืมมือคนนอกมาทำลาย ตระกูลโตเล็กนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่คนของตระกูลโตเล็กควรทำ และ ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ครินท์จะทําออกมาได้
ตอนนี้เพื่อช่วยนานแล้ว เขาจะสนใจอะไรมากขนาดนั้นไม่ได้ แล้ว เขาเชื่อว่า คุณนายตระกูลโตเล็กก็ไม่มีทางยอมปล่อยนรมน ไปเพียงเพราะบ่อน้ำมันดิบพวกนั้นหรอก
ท่านขุนอินจ้องมองบุริศร์พูดคำพูดพวกนี้ออกมาโดยที่หัวคิ้ว ไม่ขยับเลยสักนิด และอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเกรง ๆ ขึ้นว่า “คือ คือ เป็นคุณชายบริศที่ร่ำรวยและใจกว้างไม่เหมือนใครจริง ๆ บ่อน้ำมันดิบที่คนทั่วไปห่างไกลจนแทบไม่เห็นฝุ่น แต่เพื่อผู้หญิง คนเดียวแล้วคุณกลับพูดว่าให้ก็ยกให้เลย นี่คุณไม่กลัวตระกูลโต เล็กจะล้มละลายเลยเหรอ?”
“ไม่มีบ่อน้ำมันดิบพวกนี้แล้ว แน่นอนว่าตระกูลโคเล็กก็คงสู่เมื่อก่อนไม่ได้แล้ว แต่ว่าในเมื่อฉันบริศร ปัญญาทำให้ตระกูลโตเล็กฟื้นคืนชีพครั้งที่หนึ่งขึ้นมาได้ ก็จะต้อง มีปัญญาทำให้ตระกูลโตเล็กฟื้นคืนชีพครั้งที่สองได้แน่นอน
ความมั่นใจในตัวเองของบุริศร์ทำให้ท่านขุนอินถึงกับต้อง มองเขาใหม่
ถึงแม้ว่าเขาจะคุกเข่าอยู่ แต่ว่าท่านขุนอินกลับไม่รู้สึกถึงกลิ่น อายของความพ่ายแพ้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับมีแรงกดขี่บาง อย่างที่แข็งกล้ามาก จนทำให้เขารู้สึกหายใจลำบากขึ้นมาเล็ก น้อย
ผู้ชายคนนี้เกิดมาก็เป็นคนที่โดดเด่นกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ถึงแม้ จะคุกเข่าอยู่ แต่ก็ยังมีแรงกดดันคนอื่นแผ่ออกมาอีก
เขากระแอมไอขึ้นทีหนึ่งอย่างไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองแล้วพูด ว่า “ข้อเสนอของคุณทำให้คนจิตใจหวั่นไหวมาก แต่ว่าความลับ ของตระกูลโตเล็กยังมีอย่างที่สองอีก ถ้าเทียบกับอย่างที่สอง แล้ว พวกเราค่อนข้างที่จะสนใจความลับอย่างที่สองมากกว่า”
“พวกเราเหรอ? นอกจากคุณแล้วยังมีใครที่ต้องตระกูลโตเล็ก เหมือนอย่างเสือหิวโหยอยู่อีก? ตรีนท์เหรอ? หรือว่าเบื้องหล่าคุณยังมีใครอีก? คุณก็เป็นแค่นาย
หน้าเท่านั้นเหรอ?” บุรีศร์สังเกตเห็นถึงช่องโหว่ในคำพูดของท่านทุนอื่นอย่าง เฉลียวฉลาดและละเอียดอ่อน ก็เลยอดไม่ได้ที่จะได้แย้งกลับไป
ประโยคหนึ่ง
สีหน้าของท่านขุนอินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กลับพูดขึ้นอย่าง เย็นชาว่า “คุณไม่จําเป็นต้องรู้หรอก
“ตลกแล้วมั้ง คุณอยากได้ของของตระกูลโตเล็ก แต่กลับไม่
ให้ผมถาม นี่มันเป็นหลักการอะไรกัน? “ตอนนี้ผมถือไพ่เหนือกว่าคุณ แน่นอนว่าผมพูดว่าเป็นหลัก การอะไรก็จะต้องเป็นหลักการนั้น
ท่านขุนอินพูดถูไถไป แต่กลับดูร้อนรนอยู่เล็กน้อย
บุรีศร์พูดขึ้นอย่างเยือกเย็น “ความลับของตระกูลโตเล็กมีแค่ บ่อนํามันดิบ”
“คําพูดแบบนี้คุณเอาไปหรอกคนอื่นเล่น ๆ ก็ช่างเถอะ เอามา ៗ หลอกผมก็ไม่มีความหมายแล้วมั้ง?
ท่านขุนอินจ้องมองบุริศร์ แล้วก็เปิดปากพูดออกมาโดยตรง
“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร? ตั้งเมทุ่มสุดแรงอยากจะให้ลูกสาวของเธอแต่งเข้าบ้านตระกูลใดเล็ก เพื่อทรัพย์สมบัติร้อยปีของตระกูล โตเล็กเราไม่ใช่เหรอ? ป้าโอก ไม่สนใจอะไรและทุ่มเททั้งชีวิตของตัวเองลงไป แม้แต่ลูกชายก็ ไม่เอาแล้ว หรือไม่ใช่เพราะว่าสิทธิ์ในการสืบทอดตระกูลโตเล็ก นี้เหรอ? เพราะฉะนั้นความร่ำรวยรั่วไหลไม่ได้ ในเมื่อความลับ ความร่ำรวยของตระกูลโตเล็ก โดนพวกคุณรู้เข้าให้แล้ว ผมจะ ปกป้องไว้ก็คงปกป้องได้ไม่นานเท่าไหร่ ในทางกลับกันสิ่งเหล่านี้ กลับทำให้คนรอบข้างของผมต้องเดือดร้อน ผู้สนองความ ต้องการของพวกคุณไปเลยดีกว่า ยกให้พวกคุณไปซะ ผมขอแค่ ช่วยภรรยาของผมได้ก็พอแล้ว”
บริศร์พูดทีละคำทีละประโยคอยู่ แต่ท่านขุนอินกลับส่ายหน้า ขึ้นมา
“ไม่ ไม่ ไม่! คุณชายบุรีศร์ ความร่ำรวยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ ตระกูลโตเล็ก กับความลับที่ใหญ่ที่สุดนั้นไม่ใช่บ่อน้ำมันดิบนี้ ถึง แม้ว่าข้อเสนอของคุณจะดึงดูดคนมาก แต่คุณก็รู้ดี ว่าสิ่งที่พวก เราต้องการคือคุณ คุณต่างหากที่เป็นความร่ำรวยและความลับที่ ใหญ่ที่สุดของตระกูลโตเล็ก!!
แววตาของบุริศร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย และยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ผม เหรอ? ความหมายของคุณคงไม่ใช่ว่าจะให้ผมอยู่ต่อหรอกนะ? ก็ได้ ขอแค่ข่ายการยาผมก่อน แล้วก็ ปล่อยพวกเธอกลับไปให้ถึงเมืองชลยอย่างปลอดภัย และสัญญา ว่าต่อไปจะไม่รบกวนชีวิตของพวกเขาอีก บางทีผมอาจจะลองคิด ทบทวนดูก็ได้”
“คุณชายปริตร อย่ามัวล้อเล่นอยู่เลย คุณก็รู้ว่าผมกำลังพูด
อะไรอยู่
ท่านขุนอินเห็นบุรีศร์พูดถูไถไปเรื่อย แต่กลับไม่ยอมพูดในสิ่ง ที่เขาต้องการออกมา สีหน้าจึงอดไม่ได้ที่จะขรึมลง
บุริศร์กลับไม่ได้กังวลอะไร แล้วก็พูดขึ้นว่า “ตกลงคุณต้องการ อะไรกันแน่?”
“ผมพูดไปแล้ว ความร่ำรวยที่สุดของตระกูลโตเล็กก็คือ คุณชายปริศ เอง เมื่อหลายปีก่อนตอนที่คุณชายบุริศร์อยู่ใน กองทัพ ได้ออกแบบรถไว้คันหนึ่ง ตอนนั้นได้ออกแบบมาเพื่อ กองทัพ ได้ยินมาว่าสามารถโจมตีและสามารถป้องกันได้ด้วย และที่สำคัญประสิทธิภาพก็ดีมากด้วย คุณเป็นผู้ออกแบบรถยนต์ คันนี้ ตอนนั้นกองทัพไม่ได้รับรูปออกแบบของคุณไว้ แต่กลับให้ คำมั่นสัญญากับคุณไว้ข้อหนึ่ง ขอแค่วันหลังถ้ามีคนเอารูป ออกแบบของคุณมาสร้างรถยนต์คันนี้ขึ้น ทางกรมทหารก็จะให้ ความช่วยเหลือและการสนับสนุนทุกอย่าง แถมยังจะเปิดไฟเขียว ให้ตลอดทาง มีเรื่องแบบนี้ใช่ไหม??
ตอนที่ได้ยินท่านขุนอินพูดเรื่องนี้ออกมานั้น สีหน้าของบริศร์ ได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ
“คุณอยากจะได้รูปออกแบบของรถคันนั้นเหรอ?”
“ใช่! ถ้าหากเป็นไปได้ละก็ ผมยังอยากได้สัญญาถือกรรมสิทธิ์ ร่วมจากคุณชายบุริศร์ด้วย ได้ยินมาว่าคุณเก็บของพวกนี้ไว้ที่ ประธานเคน ขอแค่คุณพูดเบาะแสของประธานเคนออกมา ผมก็ จะเอาตัวยาทั้งหมดที่คุณต้องการมาให้คุณ
ท่านขุนอินพูดเป้าหมายของตัวเองออกไปโดยตรงเลย แล้วสีหน้าของบุรีศร์ก็เปลี่ยนไปทั้งหมด
การออกแบบนี้ออกแบบมาเพื่อกองทัพทหารโดยเฉพาะ ตอน นั้นการเงินของประเทศค่อนข้างลำบาก ประสิทธิภาพของ เทคโนโลยีก็พัฒนาไปไม่ถึงขั้นที่เขาต้องการ เพราะฉะนั้นถึงได้ ชะลอไว้ก่อน เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นความลับของประเทศ คน มากมายต่างก็คิดว่าของที่เขาให้ประธานเคนนั้นเป็นความลับ ทางธุรกิจ แต่จริง ๆ แล้วเป็นรูปออกแบบที่เป็นความลับของ ประเทศ
นอกจากเขาและกรมทหารที่รู้เรื่องนี้แล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก เลย ถึงแม้จะเป็นประธานเคนเอง ก็นึกว่าของที่เขาให้นั้นเป็น เอกสารสําคัญของบริษัท
แต่ตอนนี้ท่านขุนอินตนนี้กลับรู้เรื่องแล้ว
เขาไม่เพียงรู้เท่านั้น แต่ยังกล้ามาขอของสิ่งนี้อย่างไม่เกรง กลัวอะไรขนาดนี้ด้วย
พอนึกถึงที่กานต์พูดว่าตนท์ก็กำลังตามหาประธานเคนอยู่ และก็อยากจะได้ของสิ่งนี้ อยู่ ๆ บริศร์ก็ถามขึ้นว่า “ตกลงคุณกับ ครินท์มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?
“ส่วนนี้คุณสามารถกลับไปถามน้องชายคุณได้
ท่านขุนอินฉลาดมากพูดจาวกวนราวกับร่าไทเก๊ก อยู่ ๆ ความคิดของบุริศร์ก็ยุ่งเหยิงขึ้นมา
แน่นอนว่าจะต้องช่วยนามนอยู่แล้ว เพราะนั่นเป็นผู้หญิงของ เขา! แต่ว่ารูปออกแบบอันนี้ก็มอบให้ไม่ได้จริง ๆ เพราะนี่รวมถึง ปัญหาด้านความลับของประเทศเลย
“ว่าไง? คุณชายปริศ ไหนบอกว่า เพื่อภรรยาตัวเองแล้ว เสีย สละได้ทุกอย่างไม่ใช่เหรอ? ผมไม่เอาบ่อน้ำมันดิบเป็นหมื่น ๆ ไร่ ของตระกูลโตเล็กของพวกคุณ และผมก็ไม่เอาความร่ำรวยของ ตระกูลโตเล็ก ผมต้องการแค่รูปออกแบบที่อยู่ในมือคุณชายบุรี ศร์และสัญญาถือกรรมสิทธิ์ร่วมเท่านั้น
ผ่านมาตั้งหลายปีขนาดนี้ ผมลืมไปตั้งนานแล้วว่าตอนนั้น ออกแบบอะไรไว้ และที่สำคัญสัญญาถือกรรมสิทธิ์ร่วมก็จะต้องมี แต่ตราประทับของทางกรมทหารเท่านั้นถึงจะมีผล คุณเองก็พูด แล้วว่าสัญญาถือกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่ที่ประธานเดน ผมก็ไม่รู้ว่า ตอนนี้ประธานเคนอยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้นถึงผมอยากจะให้คุณ ก็ ทําไม่ได้อยู่ดี”
บริศ ตอบกลับไปอย่างเงียบสงบ แต่ในใจกลับพร่ำบ่นอยู่
ในเมื่อเรื่องนี้โดนคนรู้เข้าแล้ว ถ้างั้นความปลอดภัยของ ประธานเคนก็เชื่อมั่นไม่ได้แล้ว ดูท่าถ้าเขามีโอกาสกลับไปได้ เรื่องแรกที่จะต้องทําก็คือคุ้มครองประธานเคนอย่าให้คนพวกนี้ หาตัวเจอ
ในตอนที่ท่านขุนอินได้ยินบุรีศร์พูดแบบนี้นั้น หัวคิ้วขมวด เข้าหากันแน่น
“คุณชายบุริศร นี่คุณไม่อยากจะช่วยภรรยาของคุณแล้วเหรอ? คุณจะต้องรู้ไว้นะ เวลาที่เธอเหลืออยู่มันมีไม่เยอะแล้วนะ”
ท่านขุนอินพูดเตือนขึ้นอย่างประสงค์ดี แต่ความจริงแล้วคือ กำลังบีบบุริศร์ให้ยอมทำตาม
อยู่ต่อหน้าระหว่างผลประโยชน์ของประเทศและผู้หญิงที่ใจรัก นั้น บริศ เขาควรจะเลือกยังไงล่ะ?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ