บทที่ 547 ฉันจะฟังเ
เด็กหญิงถูก แก้วตาแอบจัดการอย่างนี้ เจตต์ผู้น่าสงสารยังรอน รมมหาคนมาช่วย ได้แต่รอเก้อแล้ว
ฝ่ายนามน เผชิญความเป็นความตายทั้งคืน ในที่สุดก็ฟื้น เธอ
มองเห็นทุกอย่างที่คุ้นเคย ก็อดไม่ได้ที่จะมึนงง
“ตื่นแล้วหรือ ฉันนึกว่าครั้งนี้เธอจะไม่รอดซะแล้ว” เสียงโพนี่ ดังขึ้น ทำให้นรมนงงนิดหนึ่ง “โพนี่?”
ไม่งั้นนึกว่า ใครล่ะ ทำไมถึงทรมานตัวเอง บอกแล้วให้เธอพัก พื้นเต็มที่ แค่ออกไปตามหาลูก ทําไมถึงถูกยิง โชคดีที่นี่คือโรง พยาบาลทหาร ถ้าเป็นที่อื่นล่ะก็ ฉันต้องอธิบายทำไมเธอถูกยิง นรมน เธอจะทำเหมือนคนป่วยคนอื่นไม่ได้หรือไง เชื่อฟังที่ฉัน สั่ง”
โพนี่รู้สึกจนใจ
นรมนูรู้สึกผิด ยิ้มตอบ “ขอโทษ ฉันรู้แล้ว ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือน
กัน”
“อืม เธอไม่คิด แต่อยู่บนเส้นทางความตายยิ่งที่ยิ่งใกล้ ฉันว่า ตอนนี้เธอ ไม่ต้องรอบริศร์กลับมา คงจะตายซะก่อน
โพนี่พูดไม่น่าฟัง แต่นรมนรู้ดีเธอเป็นห่วงตัวเอง จึงไม่ตอบโต้ อะไร
ทันใดนั้นเธอนึกถึงเจตต์
“เจสสะ”
“ไปแล้ว”
โพนีหลบสายตานิดหนึ่ง เพียงแต่นรมนไม่สังเกตเห็นเท่านั้น
“ไปแล้ว ก็ดี ตอนนี้เรื่องของตระกูลโตเล็ก ไม่เหมาะให้เจตต์ เข้ามายุ่ง
นรมนพูดประโยคนี้ โพนมองเธอ อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ ในที่สุดก็ไม่ได้พูดออกมา
“ฉันเหมือนจะได้ยินเจตต์กระซิบอะไรสักอย่างข้างหูฉัน แต่น่า เสียดายที่เปลือกตาหนักมาก ฟังไม่ชัด” นรมนรู้สึกไม่สบายใจ
โพนี่กระซิบ “เขาอยู่กับเธอสักพักหนึ่ง ดูเหมือนจะพูดทำนอง
ว่าจะตัดใจจากเธอ บางทีอาจคิดได้แล้ว ไม่อยากติดต่อเธออีก”
เมื่อได้ยิน โพนี่พูดเช่นนี้ นรมนอึ้งไป แล้วพูดว่า “ถ้าเขาตัดใจ ได้ก็จะดีที่สุด ฉันติดค้างเขามากมายเหลือเกิน
“เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว กมลกับกิจจามาดูเธอหลายครั้งแล้ว เธอไม่ฟื้นสักที ทำเอาเด็กสองคนนั้นตกใจแทบแย่ ฉันจะไป ตามพวกเขามาดูเธอ จริงสิ กานต์ทางนั้นสบายดี ร่างกายเขาฟื้น ตัวเกือบหายแล้ว กำลังโวยวายอยากจะมาหา เธอนอนนิ่งๆ เป็น ดีที่สุด ถึงตอนนั้นอย่าทำให้กานต์ตกใจ ไม่อย่างนั้นจะมองหน้า ลูกชายยังไง
โพนี่พูดจบก็ลุกขึ้น
นามนยิ้มนิดๆ รู้สึกจนใจไม่น้อย
เธอเองก็ไม่อยากบาดเจ็บ แต่สถานการณ์ตอนนั้นทำให้เธอ ต้องเลือกเช่นน
เมื่อนึกถึงเจตต์ นรมนยังรู้สึกเจ็บปวด แต่ก็โล่งใจ โพนี่บอก
ว่าเจต คิดได้แล้ว คิดได้แล้วจริงๆ ก็ดี
ขณะที่เธอพยายามจะลุกขึ้น กมลกับกิจจากเข้ามา
กมลรีบวิ่งเข้ามา อยากจะพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของนรมน แต่ สุดท้ายก็หยุดชะงัก “กมลเป็นอะไรไปจ๊ะ”
นรมนเตรียมรับกมลแล้ว แต่เมื่อเห็นกมลเป็นเช่นนั้น ก็อดไม่
ได้ที่จะถาม
กมลมองไหล่ของนรมน พูดอย่างไม่มีความสุข “หม่าโกหก! หม่ามี้เป็นเด็กไม่ดี!”
นรมนถึงกับอึ้งไป
“หม่ามีหลอกลูกตรงไหนจะ
“หม่ามีบอกว่าพวกเราแค่เล่นเกม แต่เล่นเกมไม่มีทางบาดเจ็บ หม่าหลอกลูก! หม่าเป็นเด็กไม่ดี!” กมลต่อว่า
นรมนรู้สึกจนปัญญา
ลูกสาว โตแล้วจริงๆ และยังรู้จักเป็นห่วงเป็นใยเธอ
“โอเค หม่ามีผิดไปแล้ว หม่ามีไม่ควรหลอกกมล แต่ตอนนี้ หม่ามีก็ไม่เป็นไรแล้วไม่ใช่หรือจะ
“หม่ามีบาดเจ็บ แล้วยังบอกไม่เป็นไร เจ็บไหมคะ ให้กมลเป่า ให้หม่ามีมั้ยคะ เป่าแล้วก็ไม่เจ็บ
พูดแล้ว กมลก็เดินเข้าไปหาเขย่งปลายเท้าจะเป่าให้นรมน
เมื่อเห็นลูกสาวเป็นห่วงขนาดนี้ นรมนรู้สึกอบอุ่นในใจ “หม่ามีดีขึ้นมากแล้ว ไม่เจ็บแล้ว ขอบใจกมลจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หม่ามี วันหลังอย่าทำให้ตัวเองเจ็บได้ไหมคะ กมลเห็นหม่ามีไม่ฟื้นสักที กมลกลัวเหลือเกิน
นํ้าตาเอ่อคลอเบ้าตาของกมล
นับเป็นครั้งแรกที่นรมนเห็นว่ากมลโตแล้วจริงๆ
“โอเค!”
เธอลูบหัวกมลปลอบใจ อยากจะกอดกมล กมลกลับส่ายหัว “กมลโตแล้ว ไม่ต้องให้หม่ามกอด หม่ามี้พักผ่อนเยอะๆ รีบหาย เร็วๆ นะคะ”
“จ๊ะ!”
นรมนยิ้มอีกครั้งหนึ่ง
กิจจาอยู่ข้างๆ เหมือนเด็กโตไม่ยอมพูด แต่สายตากลับมีแววกังวล “กิจจา มานี่สิ
นามนกวักมือเรียกเขา กิจจายอยเดินเข้าไปหา
“หม่า ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“หม่าไม่เป็นไรจ้ะ ไม่ต้องห่วง ลูกตกใจแย่แล้วใช่ไหม” นา มันจับมือกิจจาแน่น
กิจจานําตาคลอเบ้า
“หม่า ต้องไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไร หม่ามีแค่บาดเจ็บนิดหน่อย ไม่เป็นไรแล้วลูก” เธอ พูดเปื้อนยิ้ม
แม้ว่ากิจจาจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่นึกถึงที่เจตต์กำชับ
ก่อนจากไป ก็หลับตา เพียงแต่พยักหน้า รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น
และความรักจากแม่ที่แผ่จากตัวบรมน
โพนี่เห็นพวกเขาเป็นอย่างนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจ
“นรมน อย่าว่าฉันไม่เดือนเธอ กานต์ไม่ใช่คนโง่ เดี๋ยวเธอโทร
ไปหาเขาหน่อยเถอะ”
“โอเค”
นรมนพยักหน้า
กิจจารู้ว่าทุกคนกำลังปิดบังกานต์ และรู้ว่ากานต์กำลังพักฟื้นที่ บ้านของป้องกวางใจ เขาอยากติดต่อกานต์ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร
ในเมื่อตอนที่ครินท์พูดว่าต้องการฆ่ากานต์ทั้ง ทั้งสองคนก็อยู่ แม้กิจจาจะไม่ตั้งใจ แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่มีหน้าไปเจอกานต์ แต่คดีของเขาทำไมทำอย่างนี้
ไม่เพียงแต่ท่ากับกานต์อย่างนั้น ตอนนี้ยังข่งกมล ทำไมพ่อแม่ของเขาเลวขนาดนั้น
กิจจาไม่เข้าใจ จิตใจดวงน้อยได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้แม้แต่พี่ น้องที่รักกันที่สุดเขายังไม่กล้าโทรไปถามอาการ
นรมนเห็นกิจจาเหม่อลอย คิดว่าเขาเหนื่อยแล้ว พูดกับเขา “กิจจา เหนื่อยแล้วไปพักผ่อนเถอะ หม่าไม่เป็นไรแล้ว ลูกพาก มลออกไปเถอะ”
“งั้นหมาพักผ่อนเยอะๆ ผมกับแมลออกไปก่อน” กิจจาพยัก
หน้า เตรียมจะพากมลออกไป
กมลหยิบช็อกโกแลตสองชิ้นออกมาจากกระเป๋าส่งให้นมน
“หม่ามี้ นี่เป็นช็อกโกแลตที่หนูชอบที่สุด เก็บไว้ให้หมากิน แล้วจะต้องหายดีแน่ค่ะ
มองเห็นมืออ้วนๆ ของลูกสาว และการแสดงออกที่เสียดาย ใจ ของนรมนรู้สึกอบอุ่นอีกครั้ง
“จ้ะ ขอบใจนะ กมล”
กมลแม้จะเสียดาย แต่ยังคงให้นรมน ตัวเองเดินตามกิจจาไป อย่างพอใจ
“เห็นเด็กๆ เป็นห่วงเธออย่างนี้ เธอยังทรมานตัวเองอีกหรือ นรมนฉันจะบอกเธอ ฉันไม่ใช่เทพ ถึงจะซื้อตัวเธอจากยมบาลมา ได้ทุกครั้ง ถ้ามีอีกครั้ง ไม่แน่ว่าฉันจะมีความสามารถช่วยชีวิต เธอได้ ฉันพูดตรงๆ ไว้ก่อน
สีหน้า โพนี่ยุ่งยากใจ
นรมนกลับยิ้มออกมา “ฉันรู้แล้ว จะพยายามเชื่อฟังเธอเต็มที่ โอเคไหม”
“ฉันไม่เชื่อหรอก ถ้ายังไม่มีข่าวบุริศร์ เธอไม่มีทางอยู่เป็นสุข แน่ อีกอย่างตอนนี้ครินท์ก็กดดันหนัก เธอจะไม่สนใจได้เหรอ”
คำพูดของ โพนทำให้นรมนออกมา
“เธอรู้ทุกอย่างยังจะว่าฉันอีก
“ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว เอาอย่างนี้ ฉันจะให้ป้องหาคนไป สืบเรื่องบริศ เป็นยังไงกันแน่ ส่วนเรื่องคุณนายตระกูลโตเล็ก เธอไม่ต้องกังวลมากไป คนที่ไม่มีทางทําอะไรเธอ ส่วนทางตร นท์ ช่วงนี้เธอก็หลบไปก่อน ทุกอย่างรอบริศร์กลับมาค่อยว่ากัน ตอนนี้สำคัญที่สุดก็คือรักษาตัวให้หายดี รู้ไหม
เมื่อได้ยิน โพนี่วางแผนอย่างนี้ ก็นึกถึงสายตาเป็นห่วงรอคอย ของเด็กๆ นรมนพยักหน้าเบาๆ “ได้ ฉันจะเชื่อฟังเธอ
“ต้องอย่างนี้สิ ฉันออกไปก่อน เธอโทรไปหากานต์ละกันลูกชายเธอคนนี้ ไม่เหมือนเด็กสีขาบ หลอกยากเหลือเกิน
ไฟ สายศีรษะเดินออกไป
ในห้องเหลือนรมนเพียงลำพัง เธอรู้สึกโดดเดี่ยวเหลือเกิน
นี่คือห้องของพ่อแม่ โพนี่พวกเขามีบ้านของตัวเองแต่ต้องมา อยู่ที่นี่
เธอมีครอบครัว มีสามี มีลูก แต่ตอนนี้ต้องพัดพราก บ้านไม่ใช่ บ้าน เมื่อคิดถึงตรงนี้ นรมนก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน ยอมให้ป้องช่วยเหลือได้ข่าวคราวของบุริศร์ถึงจะดี เธอโทรหาบุริศร์อีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ยังคงปิดเครื่อง นรมนถอนหายใจ วีดิโอคอลไปหากานต์ กานต์รับแทบจะในทันที
“หม่าม อยู่ที่ไหน ทำไมไม่เหมือนอยู่บ้านครับ สายตากานต์
ไวมาก
นรมนยิ้ม “แม่มีธุระมาอยู่กับ คุณน้าโพนี่ ที่โรงพยาบาลทหาร ช่วงนี้หมายุ่งมาก ไม่ได้ดูแลลูก เป็นไงบ้าง ค่อยยังชั่วขึ้นหรือ
ยัง”
“ดีขึ้นมากแล้วครับ ตอนนี้ผมแข็งแรงเหมือนวัวเลย หม่ามี้ดูสิ ครับ!”
พูดแล้ว กานต์ก็เบ่งกล้ามให้ดู
บรมมหัวเราะ เธอรู้ว่าลูกชายไม่อยากให้เธอเป็นกังวล “กานต์ หม่า อยากจะหารือกับลูกหน่อย”
“หม่ามี้ว่ามาครับ”
กานต์รีบพูด รู้สึกกังวลไม่น้อย
นรมนคิดก่อนจะพูด “หม่าจะเดินทางกับคุณน้าโพนี่ สอง สามวันนี้ไม่อยู่บ้าน ลูกอยู่ที่บ้านอาป้องชั่วคราวไปก่อนได้ไหม”
“หม่าจะไปไหนฮะ” กานต์รู้สึกเป็นกังวล
“ไม่ไปไหนจ๊ะ ก็แค่อยากจะไปดูทางแดดหน่อย
“เกิดเรื่องกับแด๊ดดีใช่ไหมครับ
กานต์รู้สึกเป็นห่วง
นรมนรู้สึกปวดร้าวใจ แต่ยังฝืนยิ้มออกมา “ไม่มีอะไรจ้ะ แค่ ทางนั้นเจอเด็กคนหนึ่ง อาการไม่ค่อยดี หม่ามีก็เลยจะไปดูกับ คุณน้าโพนี่ ลูกไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา ช่วงนี้ไม่มีธุระอะไรก็ไม่ ต้องกลับบ้านเก่าตระกูลโตเล็ก หม่าได้ยินว่า คุณน้าโพนี่ รับ เรนนี่ เป็นลูกสาว เธอไปอยู่ที่ใหม่ ยังไม่ค่อยคุ้น ลูกไปเป็นเพื่อน เธอหน่อย”
แต่กมลละ…”
“กมลกิจจาไง ไม่ต้องห่วงนะ” คำพูดของนรมนทำให้กานต์ พยักหน้านิดหนึ่ง
“งั้นหม่ามี้ระวังตัวละกัน มีอะไรรีบติดต่อผมนะครับ
สองแม่ลูกคุยกันอีกไม่กี่คำ บรมนก็วางสาย สายตาของเธอ ลังเล ไม่อยากทำให้ลูกชายกังวล แต่หากวันหนึ่งกานต์รู้ข่าวที่บุรี
รหายตัวไป ไม่รู้จะเป็นอย่างไร ขณะที่นรมนวางสายนั้น จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งเข้ามาทางหน้าต่าง
เดินมายืนตรงหน้านามน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ