แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 533 จุนจนกว่าคุณจะหุบปาก



บทที่ 533 จุนจนกว่าคุณจะหุบปาก

ตอนนั้นมันอ่อนไหวเป็นพิเศษกับเสียงโทรศัพท์

โพนี่คล้ายจะรู้ว่าตอนนี้เธอกังวลอะไร ก่อนถามเสียงทุ้ม “ต้องการให้ฉันรับโทรศัพท์ให้ไหม?”

“ไม่เป็นไร”

นรมนสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนปฏิเสธ เรื่องราวมากมาย มาจากตัวเธอเองทั้งนั้น ตอนนี้บริศร์ไม่อยู่ กมลก็ไม่รู้ว่าเป็นตาย รายดีอย่างไร เธอไม่เข้มแข็งแล้วใครจะทำ

นรมนกดรับสายเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาโดยตรง

“ใครคะ?”

ทันทีที่เสียงของนรมนจบลง เสียงของคุณแม่บุริศร์ก็ดังออกมา

จากสาย

“นรมน อย่ากลับมา ไม่ว่าตนท์จะมีเงื่อนไขอย่างไรมา คุกคามเธอ ก็อย่ากลับมาที่ตระกูลโตเล็ก!

“แม่? เป็นอย่างไรบ้างคะ? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ตรินท์น่าคน มาขังแม่ไว้ใช่ไหม? วางใจนะคะ หนูจะพยายามช่วยแม่ออกมา ให้ได้”

นรมนไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนที่โทรมาหาเธอจะเป็นคุณนาย ตระกูลโตเล็ก
เธอวิตกกังวลยังร้อนใจไปหมด แต่คุณนายโตเล็กกลับพูด ด้วยเสียงราบเรียบ ไม่ต้องห่วงฉัน คนที่ไม่ได้ทำอะไร อย่าง มากที่สุดคือฉันถูกกีดกัน เธอฟังฉันให้ดี เธออยากจะทำอะไรก็ ไปทำ ไม่ต้องเป็นกังวลมากไป และไม่ต้องเป็นห่วงฉัน สำคัญ ที่สุดคือไม่ต้องเป็นห่วงตระกูลโตเล็ก”

“แม่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ? ทำไมตรินท์ถึงกลายเป็นแบบนี้ไป ได้?”

นรมนไม่เข้าใจสิ่งที่คุณนายโตเล็กกำลังพูด อดไม่ได้ที่จะถาม ออกไป

“ฉันพูดกับเธอตอนนี้ไม่ได้ เธอคงไม่เข้าใจ คำแม่ไว้ อย่า กลับมาที่ตระกูลโตเล็กอีก!”

หลังจากคุณนายตระกูลโตเล็กวางสายแล้ว นรมนต่อสายโทร กลับไปอีกรอบ อีกฝ่ายก็ปิดโทรศัพท์ไปเสียแล้ว

เลขหมายนั้นรมนไม่รู้จัก เธอไม่รู้ว่ามันเป็นอีกเบอร์ของ คุณนายโตเล็กหรือว่าเบอร์ของใครอื่น และท่าทางของคุณนาย โตเล็กก็ทำให้เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายเลย

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ทำไมคุณนายโตเล็กไม่ให้เธอกลับไปบ้านรัตติกรวรกุล?

นรมนไม่เข้าใจ แต่เธอรู้ว่าคุณนายโตเล็กทำเพื่อให้เธอวางใจ บอกเธอว่าไม่มีอันตรายใดใด

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนรมนไม่ดี โพนี่ก็นำโทรศัพท์ไปเก็บก่อนพูดเสียงเบา “ในเมื่อคุณนายโตเล็กบอกไม่ให้เธอกลับไป เธอจะทำยังไงต่อ? อยู่ที่นี่ต่อไหม?”

ทันใดนรมนก็กลับมามีสติ เธอส่ายหน้า “ไม่ ฉันจะไปจากที่นี่ ถึงอย่างไรเจตต์ก็ยังโสด ฉันไม่อยากให้เขาหาภรรยาไม่ได้

“เธออยากไปกับฉันไหม?”

โพนเข้าใจความหมายของนรมนทันที

นโมนพยักหน้า ก่อนกล่าวว่า “เธอแค่พาฉันออกไปจากบ้าน รัตติกรวรกุลก็พอแล้ว บอกเจตต์ว่าฉันไปบ้านเธอ

“จริงๆแล้วเธอจะไม่ไปบ้านฉันใช่ไหมละ? เพราะว่ากานต์อยู่ เธอไม่ยอมให้กานต์เข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้แน่ แล้วเธอจะไปไหน กันแน่? ถ้าไม่ชัดเจนฉันไม่พาเธอไปนะ ถึงแม้จะถูกคนนอก เข้าใจผิด ฉันก็จำเป็น ตอนนี้ที่นี่ปลอดภัยกับเธอที่สุด

โพนี่บ่งชี้ไปโดยตรง

นรมนกัดริมฝีปากล่างก่อนพูด “กานต์ยังเด็ก ถึงแม้เขาจะ สุขุม และจัดการเรื่องต่างๆได้ดีกว่าเด็กวัยเดียวกัน ในเมื่อเขา สามารถตอนนี้อยู่กับเรนนี่ได้ มีชีวิตที่มีความสุขเหมือนเด็ก ทั่วไป ฉันไม่อาจให้เขาตกอยู่ในอันตราย เธอพูดมันก็ถูก ฉันไป บ้านเธอไม่ได้ อันที่จริง ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองสามารถไปที่ไหนได้ เมืองชลธีใหญ่ขนาดนี้ แต่ราวกับไม่มีที่สำหรับฉัน ฉันอยากจะ ไปหาบุริศร น่าเสียดายที่กมลสาบสูญไร้ร่องรอย ในเมื่อแม่สามี ของฉันบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเธอ ในสถานการณ์ที่ถูกคนของ ครินทจับตามอง เธอยังสามารถโทรมาหาฉันได้ ฉันเชื่อว่าความสามารถของเธอจะต้องปกป้องตัวเองได้และไม่เกิดปัญหาอะไร แน่ ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากทำมากที่สุดคือหากมลและกิจจาให้กลับ มา ส่วนเรื่องที่จะออกไปจากที่นี่ เธอมีคําแนะนำอะไรไหม?

เมื่อได้ยินว่าคำถามของนรมน โพนี่ก็รู้ว่าเธอไม่ได้ตกครอง ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเลย

“ทำไมไม่ไปหาธรณีละ?”

นรมนหันหน้าหนี พูดเสียงต่ำ “ฉันไม่อยากติดต่อตระกูลทวี ทรัพย์ธาดา ฉันไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลนั้น

“ยังมีปัญหากับคุณนายทวีทรัพย์ธาดาอีกเหรอ?”

โพนี่รู้เรื่องของคนทั้งหมด เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าใจของพร มนอยู่ที่ใด

นรมนก็ไม่ได้งอแงไรเหตุผล เธอพยักหน้า “ฉันรู้ ว่าครอบครัว เป็นความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาด แต่เธอกลับเอาความรู้สึกสุดท้าย ที่ฉันมีต่อตระกูลทวีทรัพย์ธาดาทิ้งไปเสียแล้ว เรื่องของตุลยาฉัน ไม่มีทางที่จะไม่สนใจ

“ถ้าฉันบอกเธอว่า ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาส่งคนไปปกป้องพ่อ แม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนละ? พวกเขาถูกส่งไปยังที่ที่ปลอดภัยแล้ว จะไม่โดนลากไปพัวพันกับปัญหาภายในของตระกูลโตเล็ก เธอ จะเปลี่ยนทัศนคติต่อตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไหม? “

นามนตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของ โพนี่

“ธรณีเป็นคนทําหรือ?”
“ทั้งไข่ และก็ไม่”

โพนี่ที่นั่งข้างๆนรมน พูดเสียงเบา “หลังจากที่ธรณีและเจต ไขคดีและยึดของกลางกันได้เรื่องสโมสร และนำเรื่องนี้ไปบอก คุณนายตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ก็เป็นคุณนายทวีทรัพย์ธาดา แหละที่ให้ธรณีเตรียมการล่วงหน้านพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน ของเธอส่งไปยังที่ที่ปลอดภัย ท่านบอกตอนนี้เธอต้องตกอยู่ใน สภาพที่น่าอึดอัดแน่ ที่นั่นคงยุ่งมาก ท่านหวังจะทำเรื่องนี้ให้เธอ ไม่สนว่าเธอจะซาบซึ้งในพระคุณหรือไม่”

นโมนนิ่งเงียบ

ไม่พูดไม่ได้ว่า คุณนายทวีทรัพย์ธาดาคิดได้ค่อนข้างรอบคอบ มีประสบการณ์จริงๆ แต่นรมนก็ยังคงไม่มีทางที่จะรู้สึกดีกับเธอ ได้

“ฝากขอบคุณแทนฉัน แต่คราวหลังจะตอบแทนให้เรื่องอื่น

เมื่อได้ยินสิ่งที่นรมนพูดโพนี่ก็รู้ว่านรมนคงไม่มีวันให้อภัย คุณนายตระกูลทวีทรัพย์ธาดา

ว่ากันว่า ร่างกายที่เจ็บช้ำมาอย่างไม่สิ้นสุด ทั้งยังเป็นคนที่ ตัวเองทั้งรักทั้งห่วง เป็นใครก็ทนไม่ได้ นรมนสามารถใจเย็นได้ อย่างตอนนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว

“ฉันรู้แล้ว ก่อนแต่งงานฉันมีห้องหลังหนึ่ง เอาไว้ให้พ่อแม่ทำ นอยู่ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่แล้ว ถ้าเธอไม่มีที่ไป เธอไปอยู่ได้
คำพูดของ โพนี่ ทำให้บรมนูค่อนข้างแปลกใจ

“ถึงแม้ฉันจะอยากพูดมากแค่ไหนว่าขอโทษที่ต้องรบกวนเธอ แต่ตอนนี้ฉันต้องการจริงๆ ดังนั้นขอบคุณเธอมากเลยนะโพนี่

*ไม่ต้องเกรงใจหรอก ห้องของพ่อแม่ก็เก่ามาก เธอไม่รังเกียจ ก็ดีแล้ว แถมห้องของพ่อแม่ฉันแถวนั้นเป็นบริเวณบ้านของทหาร วย คนธรรมดาเข้าไปไม่ได้ รับประกันความปลอดภัยเธอได้ ฉันก็เบาใจไปได้เยอะ

โพนส่งกุญแจบ้านให้นมน

บริเวณบ้านพักทหารบรรยากาศเป็นอย่างไร นรมนรู้ดี ผู้ที่

สามารถอาศัยอยู่ในเขตทหารได้ โดยทั่วไปคือต้องเป็นทหาร

หรือสมาชิกของกองทัพ บางครั้งเธอได้ยินบุริศร์พูด ว่าพ่อแม่

ของ โพนี่เป็นวีรชนที่พลีชีพเพื่อชาติ และป้องก็เคยเป็นทหารมา

ก่อน เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า โพนี่จะเอาห้องห้องนี้ให้เธอ

พักอาศัย

“ขอบคุณนะ”

เธอรู้ดีว่าความช่วยเหลือของ โพนี่ ไม่อาจแสดงแค่คำว่า ขอบคุณได้ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามานั่งซาบซึ้งใจ ทำได้แค่เก็บไว้ ค่อยสำนึกบุญคุณทีหลัง

“เพื่อนกันจะขอบคุณกันทำไม ตอนนี้ฉันจะพาเธอไป ที่นั่นมี เสื้อผ้าเก่าของฉันอยู่ ถ้าเธอไม่รังเกียจก็ใส่ไปก่อน คราวหลังฉัน จะให้คนไปซื้อชุดใหม่มาให้
“ไม่เป็นไร ฉันใส่ของเธอได้น่า

ตอนนี้นรมนไม่ได้มีความพิถีพิถันขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไ รบกวนโพนี่มากเกินไปแล้ว ไม่อยากเพิ่มความลำบากอะไรให้ เธออีก

“เรื่องกานต์ นคงต้องรบกวนเธอแล้ว”

“ไม่ต้องห่วงเลย ฉันกับป้องจะดูแลเขาเหมือนลูก ไม่แน่ใน อนาคตเขาอาจจะมาเป็นลูกเขยฉันก็ได้นา

โพนขยิบตาให้นรมน ดวงตาปรากฏแววซุกซนข้างในนั้น

ในที่สุดนรมนก็ยิ้มออก “รบกวนเธอไปพูดกับเจตต์ด้วยนะว่าฉันต้องไปรักษาตัวที่

บ้านเธอ”

“เข้าใจแล้ว”

โพนี่เดินออกไปอย่างรับชะตาชีวิต

นรมนกำลังนวดขมับของเธออย่างเหนื่อยล้า แต่กลับมีเสียง “ป๊ป” ดังขึ้นคล้ายข้อความจากโทรศัพท์เธอ

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่โทรศัพท์แล้วลุกขึ้นนั่งทันที

นี่คือแผนที่ระบุตำแหน่ง

นมนมองไปยังชื่อ WeChat ของอีกฝ่าย เป็นกิจจาที่ส่งมา

กิจจา?
หัวใจของนรมนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

เธอรีบส่งวิดีโอให้กิจจา แต่น่าเสียดายที่ฝังนั้นปฏิเสธ เธอโทร ไปหากิจจาอีกครั้ง โทรศัพท์ของกิจจาปิด เธอ โทรหากมล ก็ยัง คงเป็นแบบเต็ม

จะส่งแผนที่ตำแหน่งได้อย่างไร ในเมื่อปิดโทรศัพท์แบบนี้?

นรมนสับสนเล็กน้อย หรือว่าล็อคอิน WeChat จาก คอมพิวเตอร์ ซึ่งนั้นก็ต้องใช้รหัสยืนยันจากโทรศัพท์มือถือ

เธอดูแผนที่ตำแหน่งอีกครั้งและพบว่าเวลาที่ส่งมาคือไม่กี่ ชั่วโมงก่อนหน้า หรือเพราะว่าโทรศัพท์เธอจะเป็นปัญหาช้าเอง เลยส่งมาช้าขนาดนี้

หรือว่าก่อนที่กมลและกิจจาจะถูกลักพาตัวไป กิจจาได้ส่ง

แผนที่ระบุตำแหน่งมาให้ตัวเอง

ก็ไม่ถูก!

ในตอนนั้น กิจจาไม่จำเป็นต้องส่งที่อยู่มาให้เธอเลย เว้นแต่ กิจจาเมื่อถึงสภาพแวดล้อมใหม่แล้วหลังจากนั้นจึงส่งที่อยู่อยู่ ของตัวเองมาบอก แต่ในเมื่อสามารถส่งที่อยู่ของตัวเองมาได้ ก็ แสดงว่ากิจจาก็ไม่ได้ถูกจับกุมอยู่

เริ่มแรกอาจจะยังไม่ถูกควบคุม แต่ตอนนี้โทรศัพท์กลับถูกปิด ไปแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับกิจจาและกมล

หัวใจของนรมนบีบตัวหากัน เธอไม่สนใจแล้วว่าจะได้รับบาด เจ็บจากสายน้ำเกลือที่ถูกแขวนไว้ เธอดึงมันออก ก่อนจะรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าเธอกลับเกือบล้มเพราะอาการมึนศีรษะ

เธอหอบอยู่ข้างเตียง ปรับลมหายใจของตัวเอง

ตอนนี้เด็กๆกำลังประสบกับความลำบากขนาดไหน อย่างไร คงแทบรอไม่ไหวให้เธอไปช่วย เธอจะมามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่ได้ อย่างไร

ตอนนี้ในหัวนมนเต็มไปด้วยภาพของพวกเด็กๆ และการคาด เคาที่ไม่ดีนัก เธอพยายามหอบหายใจ เมื่อร่างกายรู้สึกดีขึ้น จึง ยันกายลุกออกไปจากห้อง

ทันทีทีออกไป เธอก็เจอกับเจตต์ เพราะว่าเดินเร็วเกินไป น มนจึงวิ่งเข้าไปสู่อ้อมแขนของเจต โดยตรง

กลิ่นโคโลญจน์จางๆ ทำให้นรมนนิ่งงันไปชั่วครู่ ในขณะ

เดียวกันมือที่ทรงพลังคู่นั้นได้โอบเอวบางของเธอไว้

“ระวังหน่อย นี่คุณจะรีบไปไหน? ให้น้ำเกลือเสร็จแล้วเหรอ?”

เสียงที่คุ้นเคยของเจตต์ดังขึ้น

นรมนรีบผลักเขาออกไป

ดวงตาของเจตต์ปรากฏความเสียใจเล็กน้อย แต่แวบเดียวก็ หายไป

เขามองไปที่หลังมือของนรมน เพราะเลือดออกจากรอยเข็ม ระหว่างคิ้วของเขาขมวดมุ่น

“เพื่อจะออกไปจากที่นี่ คุณต้องทรมานตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่รู้หรือไงว่าร่างกายตัวเองไม่สามารถที่จะเจ็บปวดได้อีก ต่อไปแล้ว? นรมน นี่คุณอยากตายมากเลยใช่ไหม ต้องให้ใจผม เจ็บปวด ไหม คุณถึงจะพอใจ?

“พูดอะไรของคุณ?”

ตอนนี้เจต ยิ่งพูดยิ่งโผงผาง และยิ่งไม่สนอะไรแล้ว ทำให้พร มนรับไม่ได้

“ถ้าคุณไม่อยากให้ผมบังคับคุณละก็ ทำตัวว่าง่ายแล้วไปนอน ให้น้ำเกลือบนเตียง ให้เสร็จแล้วค่อยไป ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะไม่ ถือสาที่ล่วงเกินคุณ ทุกคนก็อยากให้คุณอยู่ที่นี่ต่อไป คุณ สามารถทรมานตัวเอง สามารถทําเพื่อตระกูลโตเล็ก ทำเพื่อบุรี ศร์ไม่สนใจตัวเอง แต่ผมไม่สามารถทนมองคุณใช้ร่างกาย ฟุ่มเฟือยขนาดนี้!”

ใบหน้าของเจตต์เคร่งขรึมมาก ไม่มีทางหนีทีไล่ใดๆอีก

นรมนกังวลใจมากแต่กลับเห็นโพนที่ทำท่าไม่เห็นด้วยด้วย ความโกรธที่ยืนอยู่ข้างหลังเจตต์ “ถ้าเธอทำแบบนี้อีก ฉันจะ พิจารณาอีกครั้งว่าจะนำเธอไปนอนที่โรงพยาบาลจริงๆแล้วนะ”

ถูกคุกคาม โดยคนสองคนในเวลาเดียวกัน แม้ว่านรมนจะ กังวล แต่เธอก็ไม่กล้าทำผิดในตอนนี้

เธอกลับไปอย่างเชื่อฟัง เธอยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ เจตต์กลับขวางเธอไว้

“จากนี้ต่อไป ถ้าคุณพูดอะไรอีกคำ ผมจะจูบคุณ จนกว่าจะหุบปาก

ประโยคนี้ทำให้นรมนตกใจกลัว

เขาคงไม่ทำจริงๆหรอก?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ