แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 483 เธอที่เป็นแบบนี้ ฉันไม่ค่อยชิน



บทที่ 483 เธอที่เป็นแบบนี้ ฉันไม่ค่อยชิน

“โทรศัพท์ดังแล้ว ทำไมเธอไม่รับล่ะ?”

คมทิพย์รู้สึกว่านรมนมีอะไรแปลก ๆ ไปบ้าง บางทีอาจจะเป็น เพราะว่าเพิ่งตื่นก็ได้ เธอถึงได้มีความมึน ๆ งง ๆ อยู่บ้าง

นรมนกลับกดวางสายไปเลย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่มีอะไร เป็นโทรศัพท์ของกานต์ ที่เอาทิ้งไว้ให้ฉันใช้เล่นเกมตอนเวลา เบื่อ ๆ น่ะแต่ว่าคิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ด้วย

“ใช่เหรอ? กานต์คิดค้นเกมใหม่ ๆ ขึ้นอีกแล้วเหรอ? ให้ฉัน เล่นบ้าง !”

คมทิพย์รีบยื่นมือมาขอโทรศัพท์

นรมนกลับยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “ฉันยังเล่นไม่จุใจเลย เธอรอไป ก่อนเถอะ อ๋อ ใช่แล้ว อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าปากไม่มีรสชาติเลย เธอช่วย ไปซื้อมะม่วงมาให้ฉันกินหน่อยซิ

คมทิพย์เบ้ปากเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า “คนขี้เหนียว! ไม่ให้ ไม่ให้ ฉันไม่สนใจหรอก เธอว่าเธอนะ ตอนนี้เพิ่งจะดีขึ้นมา หน่อยก็จะกินมะม่วงแล้ว กินได้ด้วยเหรอ?”
“ฉันก็ไม่รู้ เธอไปถามคุณหมอไหนดูซิ

“เธอ ตะกละจริง

ถึงแม้ว่าคนทิพย์จะพูดไปแบบนี้ แต่ว่าก็เดินออกไปอย่าง รวดเร็ว แล้วเดินไปทางห้องทำงานของโพนี่เลย

เธอจะต้องไปถามโพนี่ก่อนว่านรมนสามารถกินมะม่วงได้หรือ เปล่า ถ้าหากกินไม่ได้แล้วละก็ ตีเธอ ให้ตายเธอก็ไม่มีทางซื้อแน่ พอเห็นผมทิพย์ออกไปแล้ว นรมนถึงได้โทรออกไปที่เบอร์ของ

เจตต์

“ฉันว่านะเด็กดื้อ นี่เธอกล้ากดสายฉันทิ้งเหรอ? นี่เธอนึกว่า คุณชายอย่างฉันไม่กล้ามีอารมณ์กลับเธอหรือไง? ฉันจะบอก อะไรเธอให้นะ ถ้าเธอไม่ได้เป็นลูกของนรมนละก็ แค่สนใจเธอ คุณชายอย่างฉันยังขี้เกียจเลยรู้ไหม?

“เจตต์ ฉันคือนรมน”

พอนรมนแค่เปิดปาก เจตต์ก็อึ้งไปเลย

“นโมนเหรอ?”

เขารีบถือ โทรศัพท์ของตัวเองออกห่างออกมา แล้วดูให้ ละเอียดทีหนึ่งก็ไม่ผิดนี้ เป็นเบอร์โทรศัพท์ของกานต์

สมองของเจตต์รู้สึกค้างไปเล็กน้อย แล้วก็ได้ยินนรมนพูดขึ้น ว่า “ฉันรู้ว่าเพื่อเรื่องของบุรีศร์แล้ว คุณและกานต์ได้ทำอะไรไป บ้างแล้ว”

พอคำพูด พูดออกมา เจตต์ก็รู้ตัวขึ้นมาทันทีเลย

“โทรศัพท์ของเจ้าเด็กนั่นอยู่ที่คุณเหรอ?”

“อืม กานต์พูดกับฉันทุกอย่างแล้ว ขอบใจคุณมากนะ

นรมนรู้สึกขอบคุณเจตต์มากจริง ๆ คนทั่วไปไม่มีทางยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อทำเรื่องพวกนี้แน่ นรมนรู้สึกว่าน้ำใจที่ติดค้างเจตต์ไว้นั้นยิ่งอยู่ก็ยิ่งเยอะมาก

แล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่าชาตินี้ตัวเองจะสามารถตอบแทนได้หรือเปล่า

พอนึกถึงอาการป่วยของตัวเองแล้ว นรมนก็หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าเจตจะสามารถมีอนาคตที่ดีได้ แล้วยิ่งหวังว่าจะสามารถมีผู้ หญิงที่รักและดีกับเขาคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา ที่สามารถมา ทำให้ครึ่งชีวิตที่เหลือของเขามีความสุขได้ แต่ว่าคำพูดพวกนี้ ตอนนั้นรมนยังไม่พูดถึงพูดไปแล้วเจตต์ก็คงจะไม่ฟังอยู่ดี

เจตต์ได้ยินสิ่งที่นรมนพูดมากที่สุดก็คือขอบคุณ ที่จริงเขาไม่ อยากจะได้ค่าขอบคุณของเธอเลยจริง ๆ

“อย่าพูดสิ่งที่ไม่มีประโยชน์อีกเลย ถ้าคุณอยากจะขอบคุณผม จริง ๆ ต่อไปก็เลี้ยงข้าวผมเถอะ ทางที่ดีที่สุดให้บริศร์ของบ้าน

คุณเข้าครัวทําอาหารให้ผมเองถึงจะดี

“ไ!”

นรมนพูดตอบตกลงคำหนึ่งไปเลย แต่กลับเป็นเจตต์ที่นิ่งอึ้งไป ครู่หนึ่ง

“ได้เหรอ? บุริศร์บ้านคุณจะยอมทำอาหารให้ผมกินเหรอ?”

“คําพูดของฉัน เขาจะต้องเชื่อฟังแน่

คำพูดของนรมนนั้นทิ่มแทงใจมากจริง ๆ

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจแสดงความรักต่อกัน แต่ว่าพอเจตต์ ได้ยินแล้วก็หมายความตามนั้น

อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกที่ลำคอนั้นขมขื่นขึ้นมา

“อย่างงั้นก็ไม่แน่หรอก ตอนนี้เขาจะสามารถกลับมาได้หรือ เปล่ายังไม่รู้เลย ถ้าหากกลับมาไม่ได้ จะทำอาหารให้ผมกินได้ยังไงล่ะ? ยังมีอีกอย่างที่คุณหมายความว่า ยังไง? จะช่วยหรือไม่ช่วย? หรือว่าให้ผมพาคนของตระกูลรัตติ กรวรกุลของผมไปไหม? คุณวางใจได้เลย ถึงผมจะอิจฉาเขา ไม่ ชอบขี้หน้าเขา แต่ว่าเพื่อเห็นแก่หน้าคุณ ผมก็จะทุ่มเทเต็มที่แน่

เจตต์พูดไปอย่างภาคภูมิใจ

ในใจของนรมนรู้สึกอบอุ่นมาก

ชีวิตคนชีวิตหนึ่งสามารถมีเพื่อนรู้ใจได้อย่างนี้คนหนึ่ง ก็ถือว่า คุ้มมากจริง ๆ แล้ว

เธอพูดขึ้นเสียงต่ำ “เจตต์ เรื่องของบุริศร์คุณอย่างยุ่งอีกเลย

ได้ไหม?

“อะไรนะ?”

เจตต์นิ่งอึ้งไปเลย

เขานึกว่านรมนจะร้อนใจอยากจะช่วยบริศร์กลับมามากเป็น พิเศษซะอีก ถึงแม้ว่าในใจของตัวเองจะไม่สบายใจมาก และรู้ว่า หลังจากที่ช่วยบริศร์กลับมาแล้ว เวลาที่นรมนอยู่กับตัวเองก็จะ ยิ่งลดน้อยลงแล้ว แต่ว่าเจตต์ก็ยังหวังว่านรมนจะสามารถดีใจ และมีความสุขได้ แต่พอมาวันนี้อยู่ ๆ นรมนก็บอกให้ตัวเองอย่า ยื่นมือเข้ามาแทรกเรื่องของบุริศร์ นี่ไม่ทำให้เจตต์รู้สึกตกใจถึง จะแปลกแล้ว
“นรมน คุณยังมีสติอยู่ใช่ไหม?”

“ฉันมีสติดี ฉันรู้สึกขอบคุณคุณมากที่สามารถวิ่งเพื่อฉันและ เพื่อบริศร์ในครั้งนี้ ฉันรู้ มีคนน้อยมากที่จะสามารถทำแบบนี้ได้ สำหรับทุกอย่างนี้ ฉันนรมนจะจดไว้ในใจ แต่ว่าเจตต์ ฉันต้อง ขอร้องคุณล่ะ ขอร้องคุณจริง ๆ ช่วยทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้ได้ไหม และห้ามบอกใครทั้งนั้น ใครก็บอกไม่ได้ จากนั้นก็ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ได้ไหมคะ?”

พอเผชิญหน้ากับการขอร้องของนรมน เจตต์ก็มีความสงสัย มากมายวนเวียนอยู่ในใจ

“เพราะอะไร?”

“ตอนนี้ฉันยังบอกคุณไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่ฉันหวังว่าคุณจะ สามารถรับปากฉันได้”

นรมนรู้ว่าตัวเองร้องขอแบบนี้นั้นค่อนข้างเกินไปหน่อย แต่ว่า เธอก็ยังคงพูดออกมา

เจตต์เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณเองก็รู้ ขอแค่เป็นสิ่งที่คุณขอร้องมา ไม่ว่าจะเป็นการขอร้องแบบไหน ผม ก็ต้องตอบตกลงทั้งนั้น คุณวางใจเถอะ ผมจะลบคลิปไปให้หมด แล้วก็จะทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน แล้วก็ จะไม่มีทางพูดอะไรกับใครสักแน่ แต่ว่าผมยังอยากจะถามคุณจริง ๆ ว่านี่เป็นสิ่งที่คุณต้องการจริง ๆ เหรอ?”

“ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ต้องการที่สุดในตอนนี้

น้ำเสียงของนรมนเพิ่งหยุดลง ก็ได้ยินเสียงของเจตต์พูดขึ้นว่า “ได้ ขอแค่ให้ตัวคุณเองคิดมาดีแล้ว ผมก็ไม่มีความคิดเห็นอะไร แล้ว”

“ขอบใจคุณมากนะ เจตต์”

“ขอบใจทำไม? ไม่ต้องให้ผมไปเสี่ยงชีวิต ผมต่างหากที่จะ ต้องขอบคุณคุณ คุณยังไม่รู้เจ้าลูกชายของคุณคนนี้ใส่ยาให้ผม ที่หัวไหล่ แล้วบอกว่าเป็นยาที่ดีที่สุดที่กิมจิให้เขามา แต่ปรากฏ ว่าข้างในกลับเพิ่มน้ำมันพริกมาให้ผมด้วย แล้วก็ข่มขู่ผม จนผม ไม่ไปช่วยเขาตามหาบุศ ของบ้านพวกคุณไม่ได้ ไม่งั้นนะผมไม่ ไปช่วยหรอก”

เจตต์ยังคงพูดหน้าระรื่นต่อไปอีก นรมนกลับรู้สึกว่าในใจรู้สึก เศร้าขึ้นมาเล็กน้อย

“ขอโทษนะ เพิ่มเรื่องวุ่นวายให้คุณแล้ว

“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ผมรู้สึกง่วงขึ้นมาแล้ว จะไปนอนต่อละ คุณก็พักผ่อนไปดี ๆ เดี๋ยวกลางคืนผมค่อยไปเยี่ยมคุณ อยากจะ กินอะไรก็บอกกับผม เดี๋ยวผมซื้อไปให้นะ
เจตต์พูดเปลี่ยนเรื่องจากเรื่องนี้ไปโดยตรงเลย

พอเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรแล้ว บรมนเองก็ฉลาดแล้วก็ไม่พูดขึ้น มาอีก ยิ้มและพูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้คุณค่อยดีกว่า คืนนี้จะได้พักผ่อน ดี ๆ สักหน่อย ฉันทนเห็นคุณเหนื่อยจนล้มเพราะฉันไม่ได้หรอก นะ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะทุกข์ใจเอาได้นะ”

แล้วเจตต์ก็วางสายกับนรมนไปทั้งอย่างนั้น เขานั่งพิงอยู่บนเตียง แล้วอยู่ ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้างเล็ก

น้อย

พอเห็นว่า ในตอนที่ตัวเองกะว่าจะเอาอำนาจที่ตัวเองซ่อนเอา ไว้ออกมาใช้เพื่อช่วยบรมนนั้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่านรมนจะยื่น คำขอร้องแบบนี้ออกมา

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมนรมนถึงได้ทำแบบนี้ แต่ว่าเจตต์ หัวเราะขึ้นอย่างกับว่าหัวเราะเยาะตัวเองเล็กน้อย

เขาจุดบุหรี่ขึ้นมาม้วนหนึ่ง แล้วก็เริ่มโทรศัพท์หาลูกน้องของ ตัวเอง

“แยกย้ายกันไปเถอะ ควรทำอะไรก็ไปทำซะ ยกเลิกปฏิบัติ การ

แล้วอีกฝ่ายก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง เจตต์รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็กดวางสายโทรศัพท์ไป

จ้องมองภาพพักหน้าจอบนโทรศัพท์ที่เป็นภาพเซลฟี่ของพร มัน แล้วเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่นขึ้นแล้วพูดว่า “ไอ้เจตต์นะไอ้เจตต์ ถึงนายจะควักหัวใจออกมาวางไว้ตรงหน้าเธอ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ เธออยากได้ นายยังจะสามารถทำอะไรได้อีก?

ความผิดหวังแบบนั้นทำให้คนมองแล้วรู้สึกจี๊ดที่หัวใจจริง ๆ

เลย

หลังจากที่นรมนวางโทรศัพท์ไปแล้ว ก็รู้สึกผิดต่อเจตจริง ๆ ไม่ว่าจะพูดยังไง ถ้าหากว่าไม่มีการช่วยเหลือของเจตต์แบบนี้ จนถึงตอนนี้เธอก็คงยังไม่รู้สถานการณ์ของบุริศร์ว่าเป็นยังไงบ้าง แล้ววันนี้การขอร้องของตัวเองอาจจะทำร้ายโดนเขา นรมนรู้สึกทุกข์ใจขึ้นมา แต่ว่าสิ่งที่เจตต์ต้องการนั้นเธอให้เขาไม่ได้แล้ว เธอรู้ เรื่องพวกนี้จะต้องโดนปิดบังไว้ตลอด

นรมนเอาโทรศัพท์ของกานต์ออกมา แล้วก็ลบพวกคลิปอะไรจนกว่าจะถึงวันที่ทุกอย่างกระจ่างออกมา

ในตอนที่คมทิพย์กลับมาถึง ก็เห็นนรมนนั่งพิงอยู่ที่หน้าต่าง บานกระจกยาวถึงพื้นและจ้องมองทิวทัศน์ของข้างนอกอยู่ แล้วก็ หันมองตามไปด้วยทีหนึ่งแล้วก็ถามขึ้นว่า “เธอกำลังมองอะไร อยู่?”

“มองพวกผู้ป่วยพวกนั้น มองดูพวกเขาแต่ละคนถึงจะไม่สบาย อยู่ แต่ว่าสีหน้าก็ดูไม่เลวเลย

คำพูดของนรมน ทำให้คมทิพย์มองตาขาวขึ้นมา

“เธอช่างมันเถอะ รีบมากินได้แล้ว แต่ว่าคุณหมอโพนี่พูดแล้ว ว่า เธอกินมากไม่ได้นะ อย่างมากสุดก็วันละหนึ่งลูกเท่านั้น

“ขอบใจเธอมากเลยนะ คมทิพย์ เธอว่าถ้าฉันไม่มีเธอ ฉันจะ

ทำยังไงดี?”

นโมนพูดจาตอแหลขึ้นที่หนึ่ง แทบจะทำให้คุมทิพย์อยาก อาเจียนจนตายแล้ว

“นี่ เธอรีบกลับมาเป็นปกติเลยนะ เธอเป็นแบบนี้ฉันไม่ขึ้นเลย นะ!”

คมทิพย์ไปปอกมะม่วงมาให้นรมนลูกหนึ่ง หลังจากที่นรมนกิน หมดแล้วก็เล่นกับคุมทิพย์ไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ไปนอนพักผ่อน แล้ว

แค่กะพริปดาระยะเวลาสองวันก็ผ่านไปแล้ว
สองวันมานี้ นรมนไม่ได้พูดถึงเรื่องของบุริศร์อีกเลยแม้แต่ น้อย แล้วก็ยังไม่ได้เอ่ยถึงชื่อของบริศ เลย

คมทิพย์นึกว่าเธอคงจะผิดหวังต่อบุรีศร์แล้วจริง ๆ แล้วก็ไม่ เอ่ยถึงต่อหน้าเธออีกเลย

วันที่สองนั้นเจตต์มาถึงครู่หนึ่ง แต่ว่าก็อยู่เพียงแค่ครู่เดียว ก็ พูดว่ามีธุระที่บริษัทแล้วก็จากไปก่อนเลย

คมทิพย์รู้สึกว่าระหว่างนรมนกับเจตต์คงจะมีเรื่องผิดใจกัน แล้ว แต่ว่าดูท่าทางของนรมนแล้วก็ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ แล้วก็ อดไม่ได้จะหงุดหงิดอยู่ในใจขึ้นมาบ้าง

เธอกับเจต เป็นอะไรกันเหรอ?”

“ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ก็ดี ๆ อยู่

นรมนพูดขึ้นจาง ๆ ไม่ได้มีท่าทางไม่ดีแสดงออกมาสักนิดเลย

ถึงแม้ว่าคมทิพย์จะมีความสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ถามอะไรมากไม่

ได้

แล้วในตอนเช้าของวันนี้ อยู่ ๆ นรมนก็ตื่นเช้ามาก จากนั้นก็ พูดกับคมทิพย์ว่า “เธอออกไปซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนฉันสักชุด
“อะไรนะ?”

คมทิพย์นึกว่าตัวเองได้ยินผิดไปแล้ว

นรมนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เธอไปซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนฉันหน่อย น่าจะมีแบบใหม่ออกมาแล้ว ฉันอยากจะไปดูสักหน่อย

“เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ตอนนี้เธอยังนอนโรงพยาบาลอยู่เลย นะ ไปซื้อเสื้อผ้าอะไรกัน?

คมทิพย์รู้สึกว่านรมน ในวันนี้ค่อนข้างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

นรมนกลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันพูดกับโพนี่แล้ว ตอนนี้สภาพ ร่างกายของฉันก็ค่อนข้างดีแล้ว ฉันสามารถออกไปเดินเล่นได้ แล้ว และที่สำคัญเธอก็บอกว่าฉันสามารถออกจากโรงพยาบาล ได้แล้ว”

“ออกจากโรงพยาบาล? ล้อเล่นระดับสากลอะไรกัน! เมื่อ หลายวันก่อนยังบอกว่าอาการของเธอรุนแรงมากอยู่เลย ตอนนี้ แค่ผ่านไปกี่วันเอง ก็มาพูดว่าเธอสามารถออกจากโรงพยาบาล ได้แล้วเหรอ? นรมน เธอเลิกล้อเล่นเถอะได้ไหม? เธอฟังฉัน เธอ ต้องอยู่โรงพยาบาลต่อดี ๆ ได้ยินไหม?”

คมทิพย์รู้สึกว่านรมนนั้นบ้าไปแล้วจริง ๆ ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้นรมนจะฟื้นฟูได้ไม่เลวแต่ก็ไม่สามารถพูดว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็ออกได้เลย นี่ไม่ ว่ายังไงก็จะต้องนอนอีกหลายวันหน่อยไม่ใช่เหรอ?

นรมนกลับยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าไม่มีการอนุญาตจากคุณหมอโพ นี้ ตัวฉันเองจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้เหรอ? เอาล่ะ ตั้งแต่แรกก็ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไรแล้ว เธอเองก็รู้ ที่ฉันเป็นแบบ นั้นก็เพราะว่าโดนทารุณตอนที่โดนจับตัวไป เมื่อเอามารวมกัน แล้ว ตอนนี้พูดให้ชัดแล้วก็คือ โรคเฉพาะของผู้หญิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

พอเห็นนรมนพูดไปแบบนี้แล้ว คมทิพย์ก็ขมวดคิ้วขึ้น

“พูดมาเถอะ ตกลงเธอมีเรื่องอะไรที่จําเป็นจะต้องออกไปให้ได้ กัน? อย่ามาคิดว่าฉันเป็นเด็กอายุสามขวบ ที่เธอพูดอะไรมาฉันก็ เชื่อนะ วันนี้ถ้าเธอไม่พูดกับฉันให้ชัดเจน ที่ไหนเธอก็ห้ามไปทั้ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ