บทที่ 441 ก้นบึ้งของหัวใจไม่มีความมั่นใจจริงๆ
“คุณนายระวัง!”
พฤกษ์เป็นคนแรกที่พบความผิดปกติ
นรมนจับกมลเข้ามาไว้ในอ้อมกอดโดยสัญชาตญาณเมื่อ
พฤกษ์ตะโกนบอก
คนแปลกหน้าที่เข้ามาเป็นชายคนหนึ่งสูงประมาณ 1.75เมตร ทันทีที่เขายื่นมือเข้ามาหา นรมนตกใจกลัวแล้วรีบอุ้มกมลเข้า บ้านและปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว
“พ่อแม่คะ พวกคุณช่วยดูแลกมลด้วยนะคะ
เธอมอบกมล ให้กับพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน แล้วตัวเองก็มอง ลอดช่องตาแมวออกไป
คนที่มาเป็นบุคคลที่เรียนวิชาศิลปะการต่อสู้และต่อสู้ได้สูสีกับ
พฤกษ์
นโมนขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
ตังเมและนาครถูกคนควบคุมไว้หมดแล้ว แล้วคนที่มาชิงตัว กมล ในตอนนี้คือใครกันล่ะ?
หรือว่าจะเป็นบริศร์?
ไม่ไม่ไม่!
บุริศร์ไม่มีทางท่าเรื่องแบบนี้เด็ดขาด
ถึงแม้ว่าเขาจะใช้ประโยชน์กมลทำให้นรมนต่อต้านตระกูลทวี ทรัพย์ธาดา แต่ไม่มีทางที่จะให้คนมาชิงตัวลูกสาวได้หรอก ข้อนี้ บรมนมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
คนที่มานั้นมาตกเป็นเบี้ยล่างอย่างรวดเร็ว ขณะที่พฤกษ์ใกล้ จะจับเขาไว้ได้ ชายคนนั้นทำท่าลวงขึ้นมาในชั่วพริบตา ตอนที่ พฤกษ์หลบเลี่ยงนั่นเองเขาก็ฉวยโอกาสหลบหนีไป
พฤกษ์ยังต้องการที่จะไล่ตามไป แต่ถูกนรมนร้องหยุดไว้
“อย่าไล่ตามไป! ไม่รู้ว่าข้างหน้ามีกับดักหรือเปล่า อีกอย่างที่นี่
ต้องการความคุ้มครองจากคุณ
นรมนวิเคราะห์ได้มีเหตุผลอย่างมาก
คนที่มานั้นถ้าหากพุ่งเข้ามาหากมลเลย พิจารณาจาก เหตุการณ์แล้วยังสามารถที่จะลงมือกับกมลอีก ดังนั้นเวลานี้จึง ไม่อาจปล่อยให้กมลอยู่คนเดียวได้
พฤกษ์กลับมาอยู่ข้างๆนรมนแล้วมองดูพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแน่ใจว่าพวกเขาปลอดภัยดีจึงได้เอ่ยถามว่า : “คุณนายรู้จัก คนเมื่อกี้นี้หรือเปล่าครับ?
“ไม่รู้จัก ไม่เคยเจอมาก่อนเลย
ความจำของนรมนยังไม่แย่ถึงขนาดนั้น ดังนั้นเธอจึงจำไม่ได้ เลยว่าเธอรู้จักคนแบบนี้ตอนไหน
สีหน้าของพฤกษ์ค่อนข้างหนักใจ
“คุณนาย ไม่งั้นคุณก็กลับไปกับผม หรือไม่ก็… “ฉันยังไม่อยากกลับไปตอนนี้ คุณพาคนบางส่วนมาที่นี่เถอะ
นรมนรู้ว่าพฤกษ์ต้องการจะพูดอะไร แต่ว่าในเวลานี้เธอไม่ ต้องการกลับไป
พ่อกับแม่นรมนตกใจกลัวกับภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย? เรื่องภาพถ่ายอธิบายไปอย่างชัดเจน แล้วไม่ใช่เหรอเหรอ? ทำไมยังมาหาเรื่องกมลอีก?
แม่ของนรมนตัวสั่นเล็กน้อยและกอดกมลไว้แน่น
เห็นแม่ตกใจกลัวเช่นนี้ นรมนจึงพูดปลอบโยนว่า “ไม่มีอะไร ค่ะ แม่คะ ธุรกิจของตระกูลโตเล็กมีขนาดใหญ่ มันจึงกระตุ้น ความโลภของคนอื่นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเราระวังตัวไว้ สักหน่อยก็พอค่ะ”
“คนเราทุกวันนี้ใจกล้ามากจริง กลางวันแสกๆ ยังกล้ามาชิงตัว เด็ก ไม่มีระบบระเบียบเลยจริงๆ
แม่นรมนตกใจจนรีบอุ้มกมลเดินเข้าไปด้านใน
กมลกลับไม่มีปฏิกิริยามากนัก เธอจดจ่ออยู่ที่น่องไก่ ในหัวมี แต่ความคิดว่าทำอย่างไรจึงจะกินน่องไก่ให้หมดได้เร็วๆ ดังนั้น จึงไม่ได้สังเกตุเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้มากนัก
“คุณยาย เป็นอะไรเหรอคะ?”
กมลเห็นแม่นรมนกังวลใจจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
ในตอนนี้ นรมนกลับชื่นใจกับนิสัยที่เป็นคนไม่คิดอะไรมาก ของเมล
พฤกษ์ไม่กล้าออกไป เขาจึงรีบโทรหาบุริศร์และยังเล่าเรื่องทุก อย่างของที่นี่ให้เขาฟัง
นโมนไม่ได้ขัดขวาง เธอประคองพ่อเข้าไปในห้องนั่งเล่นแล้ว พูดด้วยใบหน้าออดอ้อนว่า “หลายวันมานี้ทำให้พ่อกับแม่ต้อง กังวลใจแล้ว”
“ลูกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว บุริศร์บอกว่าลูกกำลังหลบซ่อนตัวและ รอโอกาสชี้แจงออกมา ถึงแม้ว่าพ่อและแม่ของลูกจะกังวลใจ แต่ ว่าถ้ามีบุริศร์อยู่ข้างกายลูก พวกเราเองก็วางใจเช่นกัน แล้วนี่ลูก กำลังทำอะไร? ถึงได้กลับมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง ทะเลาะกับบุรี ศ งั้นเหรอ?”
พ่อนรมนรอบคอบอย่างมาก และเห็นกระเป๋าเดินทางที่อยู่ ด้านหลังของนรมนแล้ว
นรมนยิ้มและพูดว่า : “เปล่าค่ะ เพราะว่าคิดถึงพวกคุณไงคะ เลยอยากจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อน อีกอย่าง พอเจอเรื่องพวกนี้แล้ว ก็เลยอยากจะกลับมาอยู่บ้านซักสองสามวันน่ะค่ะ”
สําหรับคําพูดของนรมน พ่อนรมนเพียงแค่รับฟังและไม่มี ความเห็นใดๆ
เขาเห็นเด็กคนนี้เติบโตมาตั้งแต่ยังเล็ก ถึงแม้จะดูนุ่มนวลและอ่อนแอ แต่ถ้าเกิดเจ้าตัวได้ตัดสินใจเรื่องอะไรลงไปแล้ว วัวสิบ ตัวก็ไม่สามารถดึงกลับมาได้ ตอนนี้เธอไม่อยากพูด ถึงตนเองจะ ถามไปย่อมไม่ตอบ
“ดีเลย อยู่บ้านสักสองสามวันก็ดี อยู่กับแม่ของลูก หมู่นี้แม่ ของลูกเป็นห่วงลูกมาก ลูกดูผอมลงนะ
“พ่อล่ะ พ่อไม่ห่วงหนูเหรอ?”
นรมนถามต่อพร้อมรอยยิ้ม
พ่อนรมนส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ได้กังวล แต่ลูกซุกซนแบบนี้ พ่อห่วงว่าลูกกำลังทำอะไร?
“พ่อปากแข็งแล้วล่ะ หนูจะไปชงชาให้นะคะ
พูดแล้วนรมนก็ลุกขึ้นและไปต้มน้ำ
พ่อนรมนมองไปที่ด้านหลังของเธอและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น
มา
แม่นรมนทำความสะอาดมือน้อยๆที่มันเยิ้มของกมลเสร็จแล้ว ในตอนที่เดินออกมาเห็นพ่อนรมนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นคนเดียว โดยที่นรมนไปต้มน้ำในห้องครัวแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ตา แก่คนนี้นี่ยังจะมีความสุขอยู่อีก ลูกสาวเพิ่งจะกลับมาคุณก็ชี้นิ้ว สั่งให้เธอต้มน้ำชงชาแล้ว คุณไม่ดื่มสักวันจะเป็นอะไรไป?
“ฉันชี้นิ้วสั่งที่ไหนกันล่ะ? เป็นลูกสาวผู้กตัญญูและยืนกรานจะ
ชงให้ฉัน
พ่อนรมนเรียกอย่างภาคภูมิใจ
แม่นรมนกลับตะคอกว่า : “คุณนี่มันหลงตัวเอง
กมลเห็นพวกเขาต่อล้อต่อเถียงกันอยู่จึงรีบเข้าไปในอ้อมแขน พ่อนรมนแล้วพูดหวานๆว่า “คุณตาขา คุณตาชอบดื่มชามากๆ เลยใช่ไหมคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ ชอบมาก
พ่อนรมนชอบกมลมาก เพราะเหมือนกับนามนตอนที่ยังเป็น
เด็กยังไงยังงั้น
ทันใดนั้นกมลก็พูดว่า : “รอหนูได้เงินสั่งเปาตอนสิ้นปีนะคะ หนูจะซื้อชาให้คุณตาเยอะๆเลย คุณตาจะได้มีมากพอที่จะดื่ม
“ดีดีดี หลานสาวของตากตัญญูจังเลย”
พ่อนรมนเจอปากหวานของกมลก็ยิ้มอย่างมีความสุข
แม่นรมนพูดด้วยความอิจฉาเล็กน้อยว่า : “กมลจ๊ะ หนูซื้อชา ให้ตาหมดแล้วจะซื้ออะไรให้ยายกันล่ะ?”
“ซื้อเสื้อผ้าใหม่ค่ะ! ซื้อของกินอร่อยๆด้วย คุณยายชอบอะไร หนูก็จะซื้ออันนั้น”
พ่อและแม่นรมนมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
ในตอนที่นอนที่กลับมาจากต้มน้ำก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่มี
ความสุขและสมัครสมาน
เธอสบายใจอย่างมาก
“พ่อแม่คะ พวกคุณอย่าหลงกลสาวน้อยคนนี้นะคะ คาดว่าซื้อ ของอร่อยแล้วยังไม่พอกินสําหรับเจ้าตัวเลยค่ะ”
“ฮ่าๆๆๆ!”
ทุกคนรู้ว่ากมลเป็นเด็กตะกละ ในตอนที่นรมนพูดเช่นนี้ พวก เขาพากันหัวเราะขึ้นมา มีเพียงแค่กมลเท่านั้นที่มุ่ยปากและพูดว่า – “หม่าม อย่าทําแบบนี้สิคะ!”
หลังจากที่บุริศร์ได้รับข่าวว่ามีคนต้องการชิงตัวกมลก็แทบจะ ฝ่าสัญญาณไฟแดงมาตลอดทาง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อเข้าประตู มาจะเห็นพวกเขามีความสุขและสมัครสมานพร้อมกับมีใบหน้าที่ ยิ้มแย้ม
บนหน้าของนรมนมีรอยยิ้มมากขึ้น กมลเองก็เป็นผลไม้แห่ง ความสุข (มีรอยยิ้มอยู่ตลอดเหมือนถั่วพิตาชิโอ) ทำให้พ่อแม่ ตระกูลธนศักดิ์ธนหัวเราะไม่หยุด
จู่ๆเขาก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดีในช่วงเวลาเหล่านั้น
วันที่ไม่มีเขา ดูเหมือนนรมนจะมีความสุขมาก
กมลเป็นคนแรกที่เห็นบริศร์
เธอลุกขึ้นยืนทันทีและวิ่งไปหาบุริศร์
ช่วงเวลานี้บริศร์รู้สึกตื่นเต้นมากจริงๆ
ลูกสาวจะต้องเป็นคนรักตัวน้อยของตนเองในชาติที่แล้วแน่ๆ ถึงยังเป็นคนที่รักเขาอยู่
บุรีศรีบอุ้มเมลขึ้นทันทีพร้อมกับยิ้มแล้วถามว่า “คุยอะไร กันเหรอ? ถึงทำให้คุณตาคุณยายหัวเราะอย่างมีความสุขแบบ
นั้น?”
“ไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ พวกเขาพูดว่าหนูเป็นเด็กตะกละ แม่ท่า หนูเสียหน้าโดยไม่รู้ตัว ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ”
หลังจาก กมลเจอคนให้ร้องเรียนได้แล้วก็รีบบนความคับ ข้องใจออกมาทันที
พ่อและแม่ของนรมนเห็นบุริศร์มาแล้วก็รีบลุกขึ้น
“บุริศร์มาแล้วเหรอ? กินข้าวเที่ยงที่นี่ไหม?”
บุริศร์มองไปที่นรมน เดิมคิดว่านรมจะคัดค้าน แต่นรมนหมุน ตัวเดินตรงไปหยิบเอาซาต้าหงเผาที่เป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดของ พ่อออกมาชงราวกับว่าเธอไม่ได้ยินสิ่งที่แม่พูดเลย
พ่อนมนมองตามสายตาของบริศที่มองนรมนอยู่จึงส่งเสียง ไอแล้วพูดว่า : “ถ้าหากตอนเที่ยงไม่มีธุระอะไร ก็อยู่กินข้าวที่นี่ เถอะ หลายวันนี้พวกคุณก็ยุ่งมาก ไม่มีเวลากินข้าวกับคนแก่ อย่างพวกเราเลย วันนี้มาร่วมโต๊ะกัน คุณดื่มเป็นเพื่อนผมสักสอง แก้วนะ จริงสิ กานต์ล่ะ? ทำไมไม่มาด้วยกัน?”
บริศ พูดอย่างรวดเร็ว : “กานต์อยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนคุณแม่ของ ผมครับ ผมเพียงแค่ไม่สบายใจจึงมาดู ถ้าคุณพ่อให้ผมทานข้าวที่นี่ อย่างนั้นผมก็ไม่เกรงใจแล้ว เพียงแต่ว่าไม่ได้เอาอะไรมา ด้วยเลย ผมจะให้พฤกษ์ไปซื้อไวน์ดีๆมาแล้วกันนะครับ”
พูดแล้วเขาก็ต้องการจะสั่งพฤกษ์ แต่กลับได้ยินพ่อนรมนูพูด ว่า “ผมมีไวน์ดีๆ ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองหรอก คนใน ครอบครัวแท้ๆ ทำเรื่องพวกนั้นไปทำไม มาๆๆ ชิมชาที่นรมนชงดู แม่หนูคนนี้ไม่ได้ชงชาให้ผมนานแล้ว ไม่รู้ว่าฝีมือถดถอยไปหรือ เปล่า”
เขาอยู่ใกล้นรมนมาก มากจนสามารถได้กลิ่นหอมบนตัวของ เธอ แต่เขากลับไม่กล้าที่จะที่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย เพราะ กลัวว่าจู่ๆนรมนจะทำอะไรขึ้นมาบางอย่าง
บริศร์ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองเป็นพวกกลัวเมียมาก่อนและไม่เคย คิดว่าตัวเองจะกลัวนรมน แต่ในเวลานี้ก้นบึงของหัวใจเขาไม่มี ความมั่นใจมากจริงๆ
กมลพูดในอ้อมแขนของบุริศร์ว่า : “แด๊ดดี้คะ หนูเพิ่งจะกิน น่องไก่อันใหญ่ไปค่ะ”
“งั้นเหรอ? หนูไม่กลัวกินอิ่มจนเป็นเจ้าอ้วนน้อยเหรอ?”
บุรีศร์หมึกใบหน้าอวบอ้วนของลูกสาวอย่างรักใคร่
“ไม่กลัว!”
แม่นรมนเห็นว่าพ่อนรมนดูเหมือนมีบางอย่างต้องการพูดกับบุ ริศร์จึงรีบโบกมือให้กมลแล้วพูดว่า : “กมล มาจะ ยายจะพาหนู ไปทำของอร่อยๆนะ”
“สุ่ยจิงเปา (*แป้งห่อไส้ต่างๆ พอนำไปนึ่งแล้วแป้งจะใสคล้าย
กับขนมกุ้ยช่าย) ใช่ไหมคะ?
กมลตะโกนออกมาทันที
“ได้จ้ะ หนูชอบก็ดีเลย ยายจะพาไปทำ
ดวงตาทั้งสองข้างของกมลเป็นประกายทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ของกินแล้วรีบกระโดดลงจากเข่าของบุริศร์อย่างรวดเร็วพร้อม กับเดินตามแม่นรมนไปที่ห้องครัว
ในห้องนั่งเล่นเหลือเพียงแค่พอนรมน บุริศร์และนรมน
นรมนนิ่งเงียบไม่พูดและชงชาอย่างจริงจัง โดยตลอด
การชงชานั้นเป็นศิลปะ ก่อนหน้านี้บุริศร์ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า นรมนจะชงได้อย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติเช่นนี้
ดูเหมือนว่าการสอนของพ่อนรมนจะมีผลอยู่มาก
กลิ่นชาจางๆ และดวงตาของบุริศร์ไม่เคยห่างไปจากนรมน
พ่อนมนมองดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา มันชัดเจนอยู่ไม่ น้อย
“นรมน ใกล้เสร็จแล้วก็รินให้บริศร์สักแก้ว ให้เขาลองซึมชาติ
หงเผาของบ้านเรา
พ่อนเมนูพูดแล้ว นามนย่อมที่จะไม่เอ่ยอะไร หาถ้วยชาแล้วจึง รินให้กับพ่อก่อน จากนั้นค่อยรีนให้กับบริศร์
“ผมทําเอง”
บุรีศร์ ตจะยื่นมือออกไป แต่กลับได้ยินนรมนูพูดว่า : “คุณไม่
ต้องขยับ
เขาก็ไม่ขยับเลยจริงๆ
ไม่เคยเห็นบุริศร์ที่ระมักระวังตัวแจขนาดนี้มาก่อน พ่อนรมนจึง ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร
นรมนวางกาน้ำชาลงหลังจากที่ครบเจ็ดนาทีและพูดกับพ่อว่า : “พ่อคะ หนูจะไปห้องครัวดูแม่กับกมลนะคะ พวกคุณคุยกันเถอะ”
พูดแล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินไปเลย ตั้งแต่ต้นจนจบดวงตาของเธอ ไม่ได้เหลือบมองไปที่บุริศร์เลยจริงๆ
บุริศร์ทำได้เพียงแค่รู้สึกขมขื่นอยู่ในใจเท่านั้น น้ำชาตรงหน้า ดูเหมือนยากที่จะกลืน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ