แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 440 สิ่งที่บุริศร์แคร่ไม่ใช่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา



บทที่ 440 สิ่งที่บุริศร์แคร่ไม่ใช่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา

กมลมารู้สึกตัวเอาภายหลังว่าเหมือนตัวเองจะทำอะไรผิดไป

เธอเดินตามบรมนไปอย่างว่าง่าย ทว่าก็หันกลับไปมองกานต์ ที่ยังมีน้ำตานองหน้าเป็นครั้งคราว ทันใดนั้นก็ถามออกมาด้วย น้ำเสียงแผ่วเบาว่า “หนูทำอะไรผิดไปแล้วใช่ไหมคะหม่าม

“ไม่หรอกจ๊ะ กมลเป็นเด็กดีมากเลยนะ

นรมนอุ้มกมลขึ้นมา จากนั้นก็ลากกระเป๋าเดินออกไปจากห้อง

รับแขก

พฤกษ์รอเธออยู่ด้านนอกตั้งนานแล้ว พอเห็นนรมนเดินออกมา ก็รีบเข้ามารับกระเป๋าสัมภาระในมือของเธอทันที

“ให้ผมถือเถอะครับคุณนาย

“ขอบใจนะ”

นรมนอุ้มกมลขึ้นไปบนรถ

อยู่ๆ กมลก็รู้สึกว่าขนมปังสับปะรดในมือไม่อร่อยอีกต่อไป

แล้ว

เธอมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วถามขึ้นมาอย่างกังวลว่า “พวกเราจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอคะหม่า พี่ชายไม่ได้ตั้งใจจะ โกหกหม่ามี้จริงๆ นะ เมื่อกี้หนูก็แค่ตั้งใจจะทำตัวเป็นอริกับพี่ ชายเฉยๆ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะปวดท้องจริงๆ ก็ได้
เมื่อเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้แล้ว นรมนก็ลูบศีรษะของเธอแล้ว พูดว่า “พี่ชายไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ จ้ะ แด๊ดดี้ก็อยู่ เขาแข็งแรงดี ใช่ไหมล่ะ กมลไม่อยากไปหาคุณยายกับหม่ามีเหรอจ๊ะ”

“ไม่ใช่นะคะ ก็แค่รู้สึกเหมือนหม่ากับแจ๊ดดี้กำลังทะเลาะกัน เลย พี่ชายเองก็ดูไม่สบายใจเอามากๆ พวกเราไปทั้งแบบนี้ดูจะ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะคะ”

ในที่สุดกมลก็เหมือนจะเข้าใจอะไรได้บ้างแล้ว

นรมนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “หม่ามี้กับแด๊ดดี้ไม่ได้ ทะเลาะกันสักหน่อย ก็แค่มีความเห็นไม่ตรงกันนิดหน่อยเท่านั้น หนูก็เคยได้ยินพลอยที่โรงเรียนอนุบาลพูดแล้วนี่คะว่า พ่อแม่ของ เธอทะเลาะกันเสียงดังทุกวัน บางครั้งยังลงไม้ลงมือกันด้วย! แต่ หม่ามี้กับแด๊ดดี้ก็เหมือนจะไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อยนี่นา”

กมลเอียงศีรษะครุ่นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องการ

ทะเลาะกัน

จากภาพจําของเธอ ดูเหมือนว่าแอ๊ดกับหม่าจะไม่ได้ ทะเลาะกันจริง

“นั่นสิคะ แด๊ดดี้ไม่ได้ทะเลาะกับหม่ามีสักหน่อย

นรมนหยอกล้อกมลโดยไม่แม้แต่จะหน้าเปลี่ยนสี เธอไม่ได้ทะเลาะกับบุริศร์จริงๆ นี่เป็นสงครามเย็นต่างหาก

เมื่อคิดแบบนี้แล้วในใจของนรมนก็ยากจะรับได้ไม่น้อย คล้าย กับมีความเจ็บปวดเสียดแทงขึ้นมาในหัวใจที่ว่างเปล่าดวงนั้น
ตอนที่พฤกษ์ขึ้นไปบนรถแล้วได้ยินนรมนพูดกับกมลแบบนี้ก็ คิดอยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ยังปากไว้

รถขับตรงไปที่ตระกูลธนาศักดิ์ธน

ตอนแรกกมลยังคงติดใจอยู่กับเรื่องการทะเลาะเบาะแว้ง ทว่า ตอนที่รถขับผ่านประตูร้านไก่ทอด อยู่ๆ เธอก็ร้องตะโกนเสียงดัง ว่าอยากจะน่องขาไก่ พฤกษ์จึงทำได้เพียงต้องจอดรถแล้วลงไป ขอให้เธอ

ในตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าน่องไก่อีกแล้ว

เมื่อเห็นลูกสาวทำตัวเหมือนแมวจอมตะกละ นรมนก็สะเทือน ใจเป็นอย่างมาก

ขอบคุณพระเจ้าที่ลูกสาวของเธอไม่เป็นอะไรแล้ว

นี่เรียกได้ว่าเป็นการที่แม้ต้องเผชิญกับเรื่องน่าตกใจแต่ก็ยัง สามารถปลอดภัยไร้กังวลแล้ว

ตอนที่นรมนกำลังอุ้มกมลพฤกษ์อยู่นั้น อยู่ๆ ประตูรถก็ถูกเปิด ออก จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งบุกเข้ามา ทำเอานรมนตกใจจน แทบจะกระโดด

เธอกอดลูกสาวเอาไว้แน่น อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “ใคร

“ผมเอง”

เจตต์รีบถอดหมวกออกทันที

“ทําตัวลับๆ ล่อๆ อะไรของคุณเนี่ย ไม่กลัวคนคิดว่าพวกเรามีอะไรกันหรือไงคะ”

หากรูปนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองชลธี ถึงแม้ว่าบุรีศร์จะ สามารถใช้เรื่องของตังเมมาอธิบายกับคนในเมืองได้ แต่ทุกคน จะเชื่อหรือไม่นั้นก็ยังต้องรออีกสักพัก นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระ

หว่างเจตต์กับนามนก็ยังสามารถทำให้คนพูดกันได้อย่างเมามัน อยู่ๆเจตต์ก็มาปรากฏตัวแบบนี้ การที่นรมนจะกังวลใจก็เป็น

เรื่องธรรมดา เธอมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจก็ถอนหายใจ

ออกมาอย่างโล่งอก

เจตต์เห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขมขื่นแล้วพูดว่า “ คุณ กลัวที่จะมีข่าวลือกับผมขนาดนั้นเชียวเหรอ”

“ไม่ใช่ค่ะ แต่มีหลายครั้งที่ฉัน….

นรมนก็รู้สึกว่าตัวเองตื่นตระหนกเกินไปแล้ว

เมื่อก่อนตอนที่เธออาศัยอยู่ในกาสิโนของเจตต์ก็ไม่ได้กังวล อะไรมากขนาดนี้

บอกว่ากลัวคนจะเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ เจตต์ นั่นก็แปลว่าเธอกลัวว่าบุริศร์จะเข้าใจผิดไม่ใช่หรอกเหรอ

เมื่อคิดไปถึงบุริศร์แล้ว สีหน้าของนรมนก็ไม่ดีเป็นอย่างมาก

ถึงแม้เธอจะโมโหที่บุริศร์ใช้ประโยชน์จากเธอและลูก แต่ตอน นี้เธอก็ยังอดใคร่ครวญถึงเขาไม่ได้
การที่เธอควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้ทำให้นรมนหงุดหงิดเป็น อย่างมาก ทว่าก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

เจตต์เห็นนรมนเป็นแบบนี้ก็อดถามไม่ได้ว่า “คุณมีเรื่องอะไร

ในใจหรือเปล่า”

“เปล่าหรอกค่ะ ฉันก็แค่จะพากมลกลับไปเยี่ยมคุณแม่ที่บ้าน คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอคะ คุณโทรมาก็ได้นะ”

“ถ้าโทรติดละก็ผมคงไม่ขับรถตามคุณมาหรอก”

คำพูดของเจตต์ทําให้นมนตะลึงไปพักหนึ่ง

เธอรีบลูบไปที่กระเป๋าเสื้อของตัวเองทันที จึงได้รู้ว่าโทรศัพท์ ของตัวเองหายไปแล้ว

บางทีเธออาจจะทำมันหล่นไว้ที่บ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กล่ะมั้ง นรมนชักจะหงุดหงิด เธอยังคงๆ เป๋อๆ อยู่เสมอเลย “ขอโทษทีค่ะ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะลืมโทรศัพท์เอาไว้ที่บ้าน

“ไม่เป็นไร

ถึงแม้ว่านรมนจะไม่เต็มใจ แต่เจตต์ก็มองออกว่าเธอกำลังมี เรื่องในใจ ทั้งยังอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนะ ทว่าเขาก็ไม่ได้พูดออก มา เพียงกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ผมอยู่นานๆ ไม่ได้ คนของ ผมไม่ใช่คู่มือของพฤกษ์ ผมเองก็ไม่อยากเจอหน้าเขา ก่อนหน้านี้ ผมเคยพูดกับบริศร์ว่าอยากจะพบคุณ แต่เขากลับไม่ยอม ถ้าเป็น เรื่องธรรมดาทั่วไปก็ช่างเถอะ แต่เรื่องนี้มันค่อนข้างที่จะยุ่งยากสักหน่อย ดังนั้นผมจึงอยากจะคุยกับคุณสักพัก

เมื่อได้ยินเจตต์พูดแบบนี้นรมนก็ตะลึงไปชั่วขณะ บุริศร์ไม่เคยพูดเรื่องที่เจตต์อยากเจอกับเธอมาก่อน

ดูเหมือนเขาคงไม่วางใจที่จะให้เธอกับเจตต์อยู่ด้วยกัน เธอรู้จักนิสัยใจแคบของผู้ชายคนนี้ดี ทว่าตอนนี้หัวใจของเธอ ยุ่งเหยิงเป็นอย่างมาก บอกไม่ได้ว่าเป็นรสชาติแบบไหน

“เรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอคะ”

นรมนรู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เรื่องที่สำคัญเป็นพิเศษเจตต์ก็คงไม่ทำ แบบนี้แน่

ถึงแม้ว่าเมลจะเป็นคนชอบกิน แต่เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่กำลังพูด กันอยู่เธอก็นั่งเงียบๆ อย่างเชื่อฟัง

เจตต์เหลือบมองกมล ก่อนจะยิ้มพลางลูบผมเธอแล้วพูดออก มาว่า “กมลนี้สวยขึ้นเรื่อยๆ เลยนะคะ

“ขอบคุณค่ะคุณอาเจตต์

ผู้หญิงทุกคนชอบที่จะได้ยินคนอื่นชมว่าเธอสวย และกมลก ไม่มีข้อยกเว้น เป็นธรรมดาที่เธอจะยิ้มกว้างอย่างยินดี

และเพราะคำชมของเจตต์จึงทำให้เธอหยุดจ้องมาที่พวกเขา ก่อนจะหันออกไปมองนอกหน้าต่างแทน แล้วพูดขึ้นมาอย่างร้อน ใจว่า “คุณอาพฤกษ์ต่อแถวช้าจังเลยนะ แล้วเมื่อไหร่หนูจะได้กิน น่องไก่ที่จะกินกันล่ะ
“ไม่นานหรอก อย่าเพิ่งใจร้อนจะ

บรมนปลอบใจกมล ทว่ากลับได้ยินเจตต์พูดด้วยเสียงที่ สามารถได้ยินเพียงแค่สองคนว่า “ตอนที่ผมเจอนาคร ก็พบว่า เขากลายเป็นพวกขี้ยาไปแล้ว หลายปีมานี้เขาช่วยตังเมสร้าง เรื่องเอาไว้ไม่น้อย ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ตั้งเมเอาของไปจากเขา แต่ไม่รู้ว่าเอาไปให้ใคร บอกแค่ว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง อายุ ประมาณยี่สิบกว่าปี หน้าตาสวยมาก ผมเลยคิดว่าจะเป็นดุลยา หรือเปล่า ถ้าหากตังเมเอาของพวกนี้ไปให้เธอจริงๆ ละก็ เธอจะ เอามันไปใช้กับใครกัน

คำพูดของเจตต์ ให้นมนตะลึงไปพักใหญ่

เรื่องระหว่างเธอกับดุลยามันเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าตุลยาคิดจะ ท่าร้ายเธอ แต่ไม่มีทางที่จะเข้ามาในอาณาเขตของตระกูลโตเล็ก ได้ จึงไม่สามารถที่จะเข้าใกล้เธอได้อย่างแน่นอน

คนที่ผู้หญิงคนนั้นสามารถเข้าใกล้โดยไม่มีใครมาขัดขวางได้ มีแค่คนเดียว นั่นก็คือคุณนายทวีทรัพย์ธาดา

ดวงดาของนรมนก็เบิกกว้างทันที

“ผมคิดเรื่องนี้มานานมากแล้ว แต่ลังเลว่าควรจะบอกคุณ ไหม ผมรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ในตอนนี้ค่อนข้างที่จะระหองระแหง แต่ถึงอย่างไรสิทธิ์ในการ ตัดสินใจก็อยู่ในมือคุณ คุณจัดการเองเถอะ”

หลังจากที่เจตต์พูดจบนรมนก็เงียบไป
ครั้งก่อนเธอต้องเสียลูกไปคนหนึ่งเพื่อยารักษาของคุณนายทวี ทรัพย์ธาดา ไม่เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นจะซาบซึ้งในน้ำใจเธอสักนิด วันนี้เธอยังต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอีก อย่างนั้นเหรอ

เธอไม่รู้จริงๆ รู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจกำลังสับสนวุ่นวาย “แล้วทำไมคุณไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกบุริศร์ล่ะคะ”

คำพูดของนรมนทำให้เจตต์ชะงักไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดเสียง เบาว่า “เรื่องของตระกูลทวีทรัพย์ธาดามันเกี่ยวข้องอะไรกับเขา อย่างนั้นเหรอ หมอนั่นเคยสนใจตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเสียที่ไหน เขาก็แค่ไม่อยากให้คุณต้องมาเสียใจทีหลังก็เท่านั้น

“ขอบคุณนะคะเจตต์”

นรมมรู้สึกขอบคุณเจตต์อย่างจริงใจ

ใช่แล้ว.

สิ่งที่บุริศร์แคร่ไม่ใช่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา

แต่เป็นเธอ!

แต่ตอนนี้เพื่อที่จะลากตั้งเมออกมา บุริศร์สามารถที่จะใช้ ประโยชน์จากความห่วงใยนั้นของเธอ บีบบังคับให้ตระกูลทวี ทรัพย์ธาดามุ่งไปสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวังแบบนี้ได้ ทั้งยังไม่สนใจ ถึงความอันตรายหรือความปลอดภัยของคุณนายทวีทรัพย์ธาดา เลยสักนิดอย่างนั้นเหรอ
แน่นอนว่าไม่ใช่!

ในหัวใจของนรมนรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาเรื่อยๆ

เจตต์เห็นพฤกษ์ อน่องไก่เสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบพูดขึ้นมาว่า “ผมต้องไปก่อนแล้ว ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้”

นรมนเพิ่งจะพูดจบเจตต์ก็รีบสวมหมวกแล้วเปิดประตูลงไป

จากรถทันที

พฤกษ์เห็นว่ามีคนลงจากรถของนรมนมาแต่ไกล จึงอดไม่ได้ที่

จะเร่งฝีเท้าวิ่งมา

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับคุณนาย

“ไม่มีอะไรหรอก พอดีพบเพื่อนก็เลยให้เธอเข้ามาพูดกับฉัน

หน่อย”

สีหน้าของนรมนราบเรียบเป็นอย่างมาก

พฤกษ์เองก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ในใจก็ยังคงกังวลไม่

น้อย

“คุณนายครับ ช่วงนี้คุณพบปะคนให้น้อยลงหน่อยน่าจะดีกว่า

นะครับ”

“ฉันเข้าใจแล้ว”

“คุณยาพฤกษ์ น่องไก่ของหนู”
กมลที่นั่งอยู่บนรถมองน้องไก่ในมือของพฤกษ์จนน้ำลายแทบ

จะไหลออกมาแล้ว

เพราะคำพูดของกมล ทำให้พฤกษ์ไม่สามารถไล่ถามอะไรต่อ ได้อีก ทำได้เพียงแต่ต้องส่งน่องไก่ไปให้เด็กหญิง

“กินช้าๆ หน่อยนะครับ ระวังร้อน เพิ่งออกจากหม้อมาเลยนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ!”

กมลรีบคว้าแล้วนำเข้าปากทันที น้ำมันร้อนๆ เลอะเทอะเต็ม ปาก แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจเลยสักนิด

เห็นลูกสาวเป็นแบบนี้แล้ว นรมนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

“กินช้าๆ หน่อยเถอะจ้ะ ไม่มีใครแย่งหนูซะหน่อย

นรมนดึงกระดาษมาช่วยเช็ดปาก ให้กมล เด็กน้อยยิ้มอย่าง

พอใจ

ราวกับว่าแค่มีน้องไก่ชิ้นใหญ่นี้ก็เหมือนกับมีโลกทั้งใบแล้ว อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเห็นสองแม่ลูกเป็นแบบนี้แล้ว พฤกษ์ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร ต่อ ทำได้เพียงขึ้นรถแล้วขับตรงไปที่ตระกูลธนาศักดิ์ธน

เนื่องจากเรื่องของตังเมถูกสื่อประกาศออกไปแล้ว พวกนักข่าว ที่เคยเฝ้าอยู่หน้าประตูตระกูลธนาศักดิ์ธนจึงพากันกลับไปหมด แล้ว และข่าวใหม่นี้ก็ได้ชำระล้างความจริงเรื่องรูปถ่ายของนรมน จนใสสะอาด ทั้งยังบอกอีกว่าตังเมได้หลบหนีไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่ทราบที่กบดานที่ชัดเจน

ทุกคนมีท่าทีในการประเมินนรมนใหม่ หลายคนบอกว่าคนที่มี คุณธรรมอย่างนรมนจะทำเรื่องพวกนี้ได้ยังไง ทั้งยังพูดว่าผู้หญิง ที่บุริศร์สนใจไม่มีที่ทางที่จะทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมแบบนี้ แน่

ภายในชั่วพริบตาทิศทางลมทั้งหมดก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว

นรมนรู้ดีว่าทีมประชาสัมพันธ์ของตระกูลโตเล็กอยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่เรื่องพวกนี้ล้วนไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว

เธอพากมลกลับมาถึงตระกูลธนาศักดิ์ธนแล้ว ตอนที่เปิดประตู แล้วได้พบกับพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนนั้น อยู่ๆ ดวงตาของเธอก็ รู้สึกแสบร้อนเล็ก

“พ่อคะ แม่คะ หนูกลับมาแล้ว”

เธอพูดพลางสะอึกสะอื้น เมื่อเห็นพ่อกับแม่เดินมาหาตนเอง ในตอนนั้นก็พบว่า ขมับของพวกเขาทั้งสองคนได้เปลี่ยนเป็นสี ขาวแล้ว

ตอนที่เธอกำลังคิดจะกอดทั้งสองคนนั้น จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งวิ่ง ตรงไปยังกมล


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ