บทที่ 282 คุณคิดว่าฉันลูกพลับนิ่มจริง ๆ เหรอ
แล้วอยู่ๆ นรมนก็พบว่าในดวงตาของนลินมีแสงจะต้อง สมหวังให้ได้กะพริบขึ้นมา ใจของเธอก็กระตุกขึ้นอย่างแรงที หนึ่ง
หรือว่าตัวเองดูผิดไปแล้วจริงๆ เหรอ? นลินคนนี้มีความรู้สึกต่อบุริศร์เหรอ?
แต่ว่าพวกเขาเพิ่งจะรู้จักกันเองไม่ใช่เหรอ?
ในใจของนรมนนั้นรู้สึกไม่ค่อยพึงพอใจนัก
เธอสามารถช่วยนลินไว้ได้ แต่ว่าก็ไม่ได้ใจกว้างถึงขนาด ยอมยกผู้ชายของตัวเองให้ได้หรอกนะ ถ้าหากว่าไม่รู้เรื่องก็ ช่างมันไป แต่ว่าตอนนี้เห็นถึงเจตนาของนลิน แล้ว อยู่ ๆ นร มนก็รู้สึกอยากจะอาเจียนเหมือนกับว่ากินแมลงวันตัวหนึ่ง เข้าไปยังไงอย่างงั้น
“นลิน เธอตื่นแล้วเหรอ? ถ้าหากว่าเธอไม่มีธุระอะไรแล้ว ก็ มาตากแดดที่นี่ดูซิ มันดีมากเลยนะ แล้วก็พอดีฉันกับสามีก็ เหนื่อยนิดหน่อยแล้ว พวกเราอยากจะเข้าไปพักผ่อนกันสัก หน่อย”
นรมนยังคงยิ้มอยู่ แต่ว่ารอยยิ้มกลับไม่ได้มาจากใจจริง แล้ว แม้กระทั่งยังมีความห่างเหินอยู่ด้วยเสี้ยวหนึ่ง
พอรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของนรมน บุริศร์ก็ถือได้ว่า วางใจแล้ว ดูท่าแล้วผู้หญิงโง่ของตัวเองคนนี้ ยังไม่ถือว่าโง่จนไม่มียา แก้แล้ว เธอถึงกลับยังสามารถรับรู้ถึงความมีอันตรายได้อยู่
พอบุริศร์ได้ยินคำพูดแบบนี้ของนรมน ก็อุ้มเธอขึ้นมาเลย มองยังไม่มองไปที่นลินแม้แต่ครั้งเดียว แล้วก็เดินผ่านข้าง ๆ ตัว นลินไปเลย
นลินตัวทั้งตัวนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น นี่มันไม่เหมือนกับที่เธอคาด คิดไว้นี่
เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่พูดอะไร และเก็บ สายตากลับมาเล็กน้อย แล้วก็นั่งลงไปตรงที่ที่บุริศร์และนร มนนั่งตากแดดเมื่อกี้ ทำเหมือนอย่างกับว่านั่งตากแดดจริง ๆ แต่ว่าในใจคิดอะไรอยู่นั้นไม่มีใครรู้
หลังจากที่นรมนและบุริศร์เข้าไปในเต็นท์แล้ว หน้าของนร มนก็ผ่อนคลายลงมาหน่อย
บุริศร์ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่สบายใจแล้วใช่ไหม? ใครใช้ให้ คุณใจกว้างขนาดนี้ล่ะ”
“คุณรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์น่าจะรู้เรื่องตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่าไม่ บอกตัวเองก็เท่านั้น
ผู้ชายคนนี้ชั่วร้ายเกินไปแล้ว นี่เขาเห็นตัวเองโดนเด็กอายุ สิบแปดสิบเก้าคนหนึ่งหลอกใช้อยู่อย่างโง่ ๆ แต่ก็ไม่เอ่ยอะไร ออกมาสักคำ นี่มันช่างไม่ใช่คนจริง ๆ แล้ว
“พูดมา คุณดื่มด่ำกับระยะเวลาช่วงนี้มากเลยใช่ไหม? โดน เด็กผู้หญิงสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่งชอบเข้า รู้สึกไม่เลวจริง ๆ เลยใช่ไหม?” นรมนพูดจาฟังดูหึงหวง
บุริศร์ก็พูดขึ้นอย่างกับผู้บริสุทธิ์ว่า “พูดอะไรล่ะ ปฏิกิริยาที่ ผมปฏิบัติต่อเธอตั้งแต่แรกเป็นยังไงคุณก็เห็นอยู่แล้ว แล้ว ตอนนี้กลับจะมาโทษผม”
“เป็นความผิดของฉันเองทั้งหมด พอใจหรือยัง?”
นรมนยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
นี่เธอถือว่าเป็นอะไรกัน?
เธอหวังดีด้วยแท้ ๆ กะว่าอยากจะพาเด็กสาวอย่างนลิน แบบนี้ให้ออกไปจากทะเลที่ยากลำบากนี้ แต่ใครจะรู้ ตัวเอง กลับนำปัญหาวุ่นวายแบบนี้มา
ตอนที่ไม่รู้ก็ช่างมันเถอะ แต่ว่าตอนนี้รู้แล้ว ไม่ว่าจะดูยังไงก็ ขัดหูขัดตาไปหมด แล้วนี่ยังจะอยู่ด้วยกันต่อไปได้ยังไง
“เมื่อไหร่อนิเมะจะมาถึงสักที?”
“ผมก็ไม่รู้ จะต้องดูทางด้านกานต์แล้วว่าจะจัดแจงยังไง พูดตามจริงนะ เจ้าเด็กนี่จะโผล่ออกมายังไงผมก็ยังไม่รู้เลย แล้วผมจะพูดยังไงได้ล่ะ?”
บุริศร์เองก็เบื่อหน่ายมากเหมือนกัน
เขาเห็นท่าทางโกรธจัดของนรมนแล้ว อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าน่ารัก
มากเลย
“ถ้าหากว่าคุณมองเธอขัดตามากจริง ๆ ให้ผมจับเธอโยน ออกไปเลยก็ได้นะ ที่นี่สัตว์ป่าอะไรก็มีเยอะแยะไป เมื่อถึง ตอนนั้น…”
“ฉันไม่ได้โหดเหี้ยมขนาดนั้น” พูดจนสุดแล้ว นรมนก็ยังคงเป็นคนดีอยู่
เธอมองดูนลินที่อยู่ข้างนอก แล้วก็พูดขึ้นอย่างอัดอั้นว่า “ถ้าหากว่าคนของเรามาถึงแล้ว ก็ให้เธอจากไปทันทีเลย ต่อ ไปหวังว่าจะไม่ต้องพบหน้าเธออีกก็พอแล้ว”
“ได้ ผมจะให้คนส่งเธอออกไปจากเมืองชลธี ชาตินี้ทั้งชาติ ก็ไม่ให้เธอกลับมาเหยียบเมืองชลธีอีกแม้แต่ก้าวเดียวเลยเป็น ไง?”
พอบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนบ้าอำนาจ มากเกินไป ในเมื่อนลินเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ว่าเธอเอง กลับไม่ได้คิดว่าจะหยุดยั้งที่บุริศร์ทำแบบนี้
บุริศร์เป็นของเธอ!
กว่าจะเฝ้ารอวันฟ้าเปิดเห็นแสงจันทร์จนได้อยู่กับบุริศร์มา อย่างยากลำบาก และไม่อยากจะเพื่อคนนอกแค่คนสองคนก็ มาทำให้ความสุขที่ตัวเองกว่าจะได้มาอย่างลำบากจะต้อง แตกสลายไป
พอเห็นว่านรมนไม่พูดอะไร บุริศร์ก็รู้แล้วว่าเธอเห็นด้วย แล้ว
เด็กสาวของบ้านเขาคนนี้นี่ มักจะปากร้ายแต่ใจดีเสมอเลย ตอนนี้ถึงแม้ว่าเห็นด้วยแล้ว แต่ว่าคาดว่าในใจก็คงจะไม่ค่อย มีความสุขมากนักหรอก
บุริศร์เอาตัวเธอมากอดไว้ในอ้อมกอด และพูดเสียงต่ำว่า เอาล่ะ แค่เด็กซนคนหนึ่ง ผมยังไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย คุณ จะกลัวไปทำไม?”
“ฉันก็แค่รังเกียจเท่านั้น” นรมนพูดขึ้นอย่างอัดอั้นขึ้น และกอดบุริศร์ไว้อย่างวาง
อำนาจ
บุริศร์รู้สึกเบื่อหน่ายและพูดขึ้นว่า นั่นก็เป็นสิ่งที่คุณนำพา มาเองไม่ใช่เหรอ?”
“กลายเป็นความผิดของฉันอีกแล้วเหรอ? ฉันช่วยคนมี ความผิดด้วยเหรอ?”
นรมนรู้สึกน้อยใจขึ้นมาแล้ว
การเป็นคนดีบนโลกใบนี้ทำไมมันยากจังเลยนะ?
บุริศร์ไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเธอยังไงดี แต่ว่าก็ยังพอดูออกว่า อารมณ์ของนรมนนั้นไม่ดีนัก เขาจึงพูดขึ้นเสียงต่ำว่า “ช่วย คนไม่มีความผิดอะไร แต่ว่าบนโลกใบนี้ใจคนเป็นสิ่งที่พึ่งพา ไม่ได้ที่สุด ถ้าเธอซาบซึ้งต่อคุณก็เป็นสิ่งที่ดี ถ้าหากว่าไม่ ซาบซึ้ง คุณก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปช่วยเหลือเธอให้ได้ หรอกใช่ไหม? ช่วยเหลือเธอนั้นเป็นน้ำใจ ไม่ช่วยเหลือก็เป็น เรื่องปกติอยู่แล้ว อย่าให้ตัวเองต้องมีชีวิตอยู่อย่างเหนื่อย หน่ายขนาดนั้น คุณเป็นภรรยาของบุริศร์ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ ช่วยใครทั้งนั้น และถึงแม้ว่าคุณจะมีจิตใจโหดเหี้ยม แค่ผม ชอบก็พอแล้ว คุณจะไปสนว่าคนอื่นจะพูดยังไงกันทำไม? และอีกอย่าง ความดีของคนก็เพราะว่าโดนคนอื่นกระทบออก มาด้วย อย่างเอาความไม่รู้จักชั่วดีของผู้อื่นมาลงโทษตัวเอง เลย แบบนั้นเป็นการทารุณตัวเอง ผมหวังว่าคุณจะมีความสุข มากขึ้นหน่อย”
ฟังบุริศร์พูดแบบนี้แล้ว ในใจของนรมนถึงได้สบายใจขึ้นมา ได้นิดหน่อย “ฉันก็แค่รู้สึกว่าฉันอุตส่าห์ใจดีช่วยเหลือแต่กลับได้หมาป่า มาตัวหนึ่ง”
“ก็ไม่ขนาดนั้น ดูไปก่อนว่าต่อไปเธอจะทำยังไงดีกว่า ใน เมื่อพวกเรายังอยู่ด้วยกันอยู่ ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะจับเธอโยน ออกไป ก็ไม่เห็นว่าพวกเราจะปลอดภัยขึ้นมาได้ ถ้าหากว่า เธอยังอยู่ดี ๆ เรียบร้อยอยู่ละก็ ทุกอย่างก็พูดกันง่าย ๆ ได้ ถ้า หากไม่แล้วละก็ …”
คำพูดข้างหลังบุริศร์ไม่ได้พูดต่อ แต่ว่านรมนกลับเดาออก ได้อยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่หวังให้บุริศร์ทำเรื่องอะไรที่เกินไปกับ นลิน แต่ว่าในเมื่อบุริศร์ได้พูดออกมาอย่างนี้แล้ว เธอก็จะไม่ สนใจแล้ว
มีบางครั้งนรมนเองก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างไร้ความสามารถ มาก ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องของตัวเองแท้ ๆ แต่ว่ากลับจะต้องให้บุริ ศร์มาคอยเก็บกวาดให้อยู่ตลอด แต่ว่าสำหรับเรื่องของนลิน นั้น เธอก็รู้สึกว่าไม่สบายใจเอามาก ๆ เลย
“คุณลองออกไปดูว่ามีอะไรให้พวกเรากินหน่อยไหม ไม่ว่า จะยังไงแล้ว ก็คงจะให้คนมาอดตายที่เรานี่ไม่ได้หรอกมั้ง”
นรมนเปิดปากพูดขึ้นเรียบ ๆ
บุริศร์รู้แล้วว่านรมนกะว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว เขาก็พยักหน้าแล้วถามขึ้นว่า “คุณจัดการเองคนเดียวได้ใช่ ไหม?”
“คุณคิดว่าฉันเป็นลูกพลับนิ่มที่ให้คนมารังแกได้ง่าย ๆ ๆ เหรอ?” จริง นรมนจ้องเขาเขม็งที่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้เขายื่น มือเข้ามายุ่ง
บุริศร์เองก็ไม่พูดอะไรแล้ว เพียงแต่ว่าลูบหัวของนรมน อย่างทะนุถนอม แล้วค่อยลุกขึ้นและเดินออกไปจากเต็นท์
หลังจากที่เห็นบุริศร์เดินออกไปจากเต็นท์แล้ว นลินก็มอง เขาทีหนึ่ง พอกำลังอยากจะพูดอะไรกับเขาสักหน่อย ก็เห็นว่า บุริศร์มองยังไม่มองเธอสักนิด แล้วก็เดินออกไปเลย
ในแววตาของเธอมีแววผิดหวังพาดผ่านไป
นรมนที่อยู่ข้างหลัง ได้เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาไว้แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะก่นด่าตัวเองขึ้น นี่ตกลงเธอเฉื่อยชามาก แค่ไหนเนี่ย?
การแสดงออกที่ชัดเจนขนาดนี้ ทำไมเธอถึงได้มองไม่ออก ยังรู้สึกว่านลินเป็นแค่เด็กสาวที่อายุสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่งอยู่ และยังคิดว่าบุริศร์ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ซะเอง
พอวันนี้ได้มาเห็นภาพนี้แล้ว นรมนก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นช่าง เป็นคนโง่จริง ๆ
เธอเดินมาถึงตรงหน้านลินและนั่งลงไป
นลินอึ้งไปเล็กน้อย แต่ว่ากลับไม่ได้พูดอะไร ในแววตาเห็น ได้ชัดว่ามีความตีตัวออกห่างเล็กน้อย
ตอนนี้นรมนมาดูนลินอีกครั้ง ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นไอ้ หน้าโง่ชัด ๆ
“เขาซื่อ บุริศร์ เป็นสวรรค์ของเมืองชลธี”
นรมนเป็นฝ่ายเริ่มเปิดปากเองก่อน และยังพูดชื่อของบุริศร์ ออกมา นี่ทำให้นลินรู้สึกแปลกใจขึ้นเล็กน้อย
เธอจ้องมองนรมนอยู่ อยากจะพูดอะไร แต่กลับไม่ได้เปิด ปาก เพียงแต่ว่าสายตาจ้องมองอยู่ที่นรมนตรง ๆ และไม่ค่อย ชัดเจนเจนตาของนรมนมากนัก
นรมนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนใช่ไหม?”
“อิ่ม!”
นลินพยักหน้า
เธอรู้สึกแปลกใจมาก คิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สมบูรณ์แบบแบบ นี้จะเป็นสวรรค์ของเมืองชลธี เป็นผู้ชายที่เย็นชาติดปากผู้คน คนนั้น
เขาเป็นคนเย็นชามากจริง ๆ สำหรับคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นั้นแทบจะไม่มีความอบอุ่นใด ๆ เลย แต่ว่าเขาก็มีความอบอุ่น ที่มากเพียงพอ ต่อคนที่ตัวเองเป็นห่วง และแทบจะเอาความ อบอุ่นทั้งหมดที่ตัวเองมีมาให้กับคนคนนั้น
แต่ว่าคนคนนั้นกลับไม่ใช่เธอ
นลินนั้นมีความอิจฉา และมีความริษยาด้วยเล็กน้อย
นรมนมองท่าทางของเธอ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เธอมี ความรู้สึกที่ดีต่อเขาใช่ไหม?”
นลินอึ้งไปเล็กน้อย ไม่ได้ยอมรับ และไม่ได้ปฏิเสธ
นรมนรู้สึกว่านลินนั้นเงียบขรึมกว่าเธอเยอะเลย เด็กอายุ น้อยขนาดนี้ ก็มีจิตใจที่เงียบขรึมขนาดนี้แล้วเหรอ นี่ทำให้ เธอรู้สึกแปลกใจมากจริง ๆ
เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ เธอยังรู้สึกว่านลินเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้กลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่คนหนึ่งแล้ว
“เขาเป็นสามีของฉัน นลิน และฉันช่วยชีวิตเธอไว้ ไม่ได้ ต้องการให้เธอมาตอบแทน และไม่ต้องการให้เธอมาทดแทน บุญคุณ อันที่จริงคนอย่างฉันนั้นเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและวาง อำนาจมากนะ ของของฉันเองไม่อนุญาตให้ใครมาคิดถึง ฉัน อายุเกือบจะสามสิบแล้ว และที่สำคัญระหว่างพวกเราก็ลูก ด้วยกันอีกสองคนด้วย เธออายุยังน้อย ต่อไปจะต้องได้พบ เจอกับคนที่ดีกว่าแน่ ๆ ถ้าหากว่าเธอสามารถทำตัวดี ๆ อยู่กับ พวกเราต่อไปจนถึงได้ออกไปจากที่นี่ พวกเราอยู่กันดี ๆ ไม่มี อะไรเกิดขึ้นก็ถือเป็นเรื่องดีแน่นอน ถ้าหากว่าไม่สามารถแล้ว ละก็ งั้นเธอก็อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
นี่เป็นครั้งแรกที่นรมนพูดคำพูดแบบนี้กับคนที่เธอคิดว่าเด็ก คนหนึ่ง
นี่ถือว่าเป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิงแล้ว
ในระหว่างที่มองไม่เห็น เธอไม่ได้คิดกับนลินว่าเป็นเด็กอีก แล้ว แต่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ตั้งแต่ที่นลินเริ่มมีความคาดหวัง กับ
บุริศร์ขึ้นมา จิตใจของเธอก็เปลี่ยนไปแล้ว
นลินคงจะนึกไม่ถึงว่านรมนจะพูดคุยปัญหานี้กับเธออย่าง มีดแทงเข้ามาตรง ๆ แบบนี้ ชั่วขณะหนึ่งบนใบหน้าก็เหมือน กับว่าจะประคองไว้ไม่อยู่แล้ว
“ฉันชื่นชมเขา”
“ชื่นชมนะได้ ในเมื่อสิ่งของที่ดีก็ล้วนให้คนชื่นชมทั้งนั้น แต่ ว่าอย่าเกิดความคิดที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นมาก็พอแล้ว” นรมนพูดคำพูดมาจนถึงขั้นนี้แล้ว สำหรับต่อไปนลินจะทำ ยังไงนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะสามารถควบคุมได้แล้ว
เธอหวังว่านลินคงจะหยุดลงแค่นี้
ในเมื่อเธอกับบุริศร์ก็แค่บังเอิญพบกันก็เท่านั้น หลังจากที่ ไปจากที่นี่แล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีโอกาสที่จะพบกันอีกได้ ถ้า สามารถจบลงได้อย่างสันติได้ เธอเองก็ไม่ได้หวังว่าจะทำให้ เรื่องมันยุ่งยากมาก
นลินไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้แสดงอะไรออกมา เพียงแต่ แค่ก้มหน้าไว้ และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
นรมนเองก็ไม่ใส่ใจ ในเมื่อได้เปิดอกพูดคุยกันแล้ว ต่อไป จะทำยังไงต่อก็ต้องดูที่เธอแล้ว
หลังจบที่พูดจบแล้วนรมนก็เดินออกไปจากตรงหน้านลิน ตัวเองเดินเข้าไปในเต็นท์ และดื่มน้ำไปเล็กน้อย แล้วถึงพบว่า บุริศร์ทิ้งวิทยุสื่อสารไว้ให้ตัวเองหนึ่งอัน
ดูว่าแล้วบุริศร์เองก็ไม่ค่อยวางใจเธอนัก
ในใจของนรมนก็อบอุ่นขึ้นมา แล้วเปิดเครื่องวิทยุสื่อสาร ขึ้น แล้วฝั่งโน้นก็มีเสียงที่คุ้นเคยของบุริศร์ลอยมา
“จัดการเสร็จแล้วเหรอ?”
“รีบ ๆ กลับมาเถอะ หิวจะตายแล้วนี่”
“ได้”
บุริศร์จากไปไม่ไกลนัก ไม่นานนักก็เอาของกินกลับมาส่วน หนึ่งแล้ว เป็นปลาดิบ
อยู่ที่นี่ไม่สามารถก่อไฟได้ นรมนเองก็ไม่รู้ว่าเขาเอาปลา ดิบกลับมาจะมีประโยชน์อะไร ในตอนที่กำลังจะพูดอะไรขึ้น นั้น แล้วอยู่ๆ ก็มีโดรนลำหนึ่งบินอยู่บนท้องฟ้ามา
แล้วใจของนรมนก็กระตุกขึ้นมาทันที
หรือว่าที่พวกเขาอยู่ที่นี่จะโดนแซมป์หาเจอเข้าแล้วเหรอ?
ก็ใช่ ตอนนี้เทคโนโลยีก็ล้ำหน้าไปมากขนาดนี้ จะหาพวก เขาให้เจอมันก็ง่ายมากเลยไม่ใช่เหรอ?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ