ตอนที่ 42 ร้อยวันของการอยู่ด้วยกัน
(2)
ซึ่งชิงซุนรู้สึกงุนงงเมื่อจู่ๆ ซูจือเนี่ยนก็พูดออกมา พอรู้ตัวอีกที ซูจือเนี่ยนก็เดินออกไปแล้ว
ภายในห้องอาหาร
ซึ่งชิงซุนวางข้าวต้มที่เตรียมไว้ลงเบื้องหน้าซูจือเนี่ย
น จากนั้นก็หยิบตะเกียบมาให้เขาหนึ่งคู่ ซูจือเนี่ยนนั่งลงบนโต๊ะอาหารด้วยสีหน้าเรียบเฉยข
ณะที่ซ่งชิงชุนบริการเขา
เมื่อซูจือเนี่ยนหยิบตะเกียบขึ้นมา
ซึ่งชิงชุนที่รู้สึกอึดอัดเพราะบรรยากาศในห้อง ก็โพล่งออกไปทันใดว่า
“ฉันจะเอากระเป๋าขึ้นไปไว้ข้างบนนะคะ”
ซูจือเนี่ยนก้มหน้าลงเพื่อเป่าข้าวต้มร้อนๆ ทำเสียงห้วนพอให้ได้ยิน เป็นสัญญาณบอกให้ซ่งชิงชุนไปได้
หลังจากซ่งชิงชุนขนกระเป๋าเสร็จ ก็เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าแล้ว
เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องอาหาร
ซูจือเนี่ยนที่ได้ยินเสียงของเธอก็เงยหน้าขึ้นมามอง แล้วพยักพเยิดไปที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา
เป็นการบอกให้เธอนั่งกินมื้อเช้ากับเขา ซึ่งชิงซุนยืนนิ่งไม่เอ่ยปาก
ซูจือเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะเงยหน้าขึ้นมองซ่ง ชิงชุนอีกครั้ง เขาคิดว่าเธอไม่เข้าใจที่เขาสั่ง
จึงอ้าปากจะอธิบาย แต่ก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้น ซึ่งชิงชุนก็ชิงพูดขึ้นว่า “คุณซูคะ
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ
รบกวนทิ้งจานอาหารไว้บนโต๊ะเลยนะคะ แล้วฉันจะกลับมาล้างตอนกลางคืนเองค่ะ”
ซูจือเนี่ยนไม่ตอบ
ทว่ามือเขาที่กำลังยื่นไปที่ชามพลันชะงัก ราวกับเพิ่งเข้าใจว่าซ่งชิงชุนกำลังบอกอะไร เขามองชามข้าวต้มเบื้องหน้า
ก่อนเหลือบตามองนาฬิกาบนผนัง ตอนนี้เป็นเวลา
เจ็ดโมงสิบนาทีแล้ว
ซึ่งชิงชุนพูดต่อ “คุณซูคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว
ฉันขอกลับก่อนนะคะ”
ซูจือเนี่ยนยังคงไม่พูดอะไร
ทว่าสีหน้าของเขาหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งชิงชุนถือว่าการที่ชายหนุ่มไม่ตอบนั้นคือคำอนุญ าต เธอจึงว่าต่อ “สวัสดีค่ะ คุณซู..”
ก่อนที่เธอจะทันพูดจบ
ซูจือเนี่ยนก็กระแทกตะเกียบในมือลงกับโต๊ะอย่างแ รง
ซึ่งชิงซุนสะดุ้งตกใจจนไม่กล้าพูดต่อ แม่ใบหน้าของซูจือเนี่ยนจะยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ย นแปลง แต่เธอก็รู้ว่าเขากำลังโกรธ หลังจากเงียบกันอย่างอึดอัดชั่วครู่ เธอก็กระแอมแล้วพูดขึ้น
“คุณบอกเองว่าฉันต้องอยู่ที่นี่ตั้งแต่หนึ่งทุ่มจนถึงเจ็ ดโมงเช้า แล้วนี่ก็เจ็ดโมงสิบนาทีแล้ว…
ใช่แล้ว เขาบอกว่าอย่างนั้น
แต่การที่เธอเอาข้อเท็จจริงเหล่านั้นมาอ้าง กลับยิ่งทำให้เขาโกรธโดยไม่ทราบเหตุผล ซูจือเนี่ยนหยิบชามขึ้นมาแล้วปาลงพื้น
ข้าวต้มที่ยังเหลืออยู่กว่าครึ่งชามกระเด็นไปทั่วทุกที่
มีบางส่วนกระเด็นขึ้นไปติดบนผมของซ่งชิงชุนด้วย ซึ่งชิงชุนกลืนคำพูดที่เหลือลงทันทีเมื่อเห็นปฏิกิริยา ของเขา เธอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ก่อนถลาไปย่อตัวลงนั่ง แล้วเริ่มเก็บเศษแก้วที่แตกกระจายบนพื้น
โทสะภายในตัวของซูจีือเนี่ยนลุกโชนยิ่งขึ้น
เขาจ้องมองซ่งชิงชุนที่นั่งอยู่กับพื้นราวสองวินาที ก่อนถามด้วยเสียงเย็นเยือกว่า
“จะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมานั่งตรงนี้อยู่อีก”
ซึ่งชิงซุนตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ จนทำให้เศษแก้วหล่นจากมือ
แถมเธอยังถูกมันบาดเข้าให้ด้วย
ฉับพลันนั้นเสียงของซูจือเนี่ยนก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยือ
กบาดลึกถึงกระดูก “ไปสิ ออกไป”
ซึ่งชิงชุนไม่รอให้เขาพูดซ้ำสอง
เธอลุกขึ้นแล้วรีบออกไปทางประตูหน้าโดยไม่เหลีย วมองซูจือเนี่ยนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ขณะฟังเสียงฝีเท้าของซ่งชิงชุนดังห่างออกไป จู่ๆ
ซูจือเนี่ยนก็รู้สึกห่อเหี่ยวราวกับลูกโป่งที่มีอากาศรั่ว ความรู้สึกอับจนหนทางที่ฝังลึกภายในนี้ ฉีกทิ้งเขาจนเจ็บปวดมากมายเหลือแสน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ