วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 49 ละทางธรรมกลับสู่ทางโลก



บทที่ 49 ละทางธรรมกลับสู่ทางโลก

หัวเหยานิ่งไป

ในใจคิดว่า นี่ไม่ใช่พนันที่เธอเป็นคนเดิมพันเสียหน่อย!

แต่จิ่งหนิงก็เป็นเพื่อนสนิทเธอ อีกทั้งยังคิดเผื่อเธออยาก จะช่วยเธอผูกด้ายแดง

อีกทั้งตอนที่เดิมพันนั้น ตัวเธอเองก็ยังออกหน้า ถึงตอน นี้จะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนก็คงไม่ได้

หัวเหยาใช้มือทัดผมที่ข้างหู แล้วกระแอมเบา ๆ

“คือว่า…ฉันไม่ได้หนีนะ! ฉันแค่ ก็แค่มาหยิบของนิด หน่อย คือ ฉันมาหยิบของที่รถนิดหน่อย”

พูดจบ ยังอุตส่าห์พูดย้ำเพื่อความมั่นใจอีกรอบ

จี้หลินยวน อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ

ประตูรถถูกปลดล็อกแล้ว เขายื่นมือไปเปิดประตูรถแล้ว เข้าไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับทันที

หัวเหยารู้สึกสับสนเล็กน้อย

เมื่อเห็นหญิงสาวยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาเย็นชาของ เขาจับจ้องไปที่เธอแล้วพูดด้วยความรำคาญ: “แล้วจะนิ่ง ทำไม? ไม่ไปกินข้าวทำไง?”
หัวเหยา: “.”

เธอได้สติกลับมาแล้วรับ “อ้อ” หนึ่งที่ เมื่อคิดจะขึ้นรถก็ คิดขึ้นได้ว่ารถคันนี้เป็นของจึงหนิง เธอไม่ได้ขับรถมา

ถ้าหากเธอเอารถคันนี้ไปแล้วอีกเดี๋ยวจึ่งหนิงจะกลับยัง

ไง?

อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ และพร้อมจะพักสายตาแล้วนั้นก็ถามขึ้นอ่อย ๆ: “คือว่า…รถ คันนี้ไม่ใช่ของฉัน พวกเราไปรถคุณไม่ได้เหรอ?”

จี้หลินยวน :

เชี่ย!

จึงหนิงหาอยู่ไม่นานก็ได้รับสายจากหัวเหยา

ปลายสายบอกเธอว่าจะกลับก่อน กุญแจรถนั้นฝากไว้ กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าลานจอดรถ จากนั้นก็ วางสายไป

เดิมทีจิ่งหนิงคิดจะถามเธอว่าจะรอจี้หลินยวน เพื่อให้เขา ทำตามสัญญาหรือเปล่า แต่ก็ถามไม่ทัน

อย่างไรก็ตามเมื่อหันกลับไปก็ได้ยินว่าจี้หลินยวน ออก ไปทันทีเมื่อการแข่งขันสิ้นสุด เธอตรวจสอบเวลาและพบว่า ใกล้เคียงกัน ทำให้เธอเข้าใจได้
อย่างไรเสียก็ไม่ได้รบกวนเธออีก ตนเองนั้นไปเอารถ หลังจากนัดเวลากับลู่หยั่นจือ แล้ว เธอก็ออกไป

หลังจากถึงบ้านแล้ว ก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มแล้ว

คิดไม่ถึงว่าสู่จิงเซินจะไม่อยู่บ้าน

เมื่อคิดถึงครั้งก่อนที่เธอลืมรายงานว่าจะอยู่ทำงานดึก ผู้ชายคนนั้นถึงกับขับรถไปรับเธอถึงบริษัทด้วยตัวเอง ครั้งนี้ จึ่งหนิงส่งข้อความไปบอกเขาก่อน

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตกเย็นกลับถึงบ้านจะมีเพียงเธอคน เตียว ส่วนเขานั้นยังไม่กลับ

จึงหนิงเจอป้าหลิว และป้าหลิว บอกกับเธอว่า “คุณ ผู้ชายโทรกลับมาบอกระหว่างมื้อค่ำว่า คืนนี้มีประชุมสำคัญ ระหว่างประเทศ ดังนั้นจึงอาจจะกลับช้า”

จึงหนิงพยักหน้าอย่างชัดเจน

เธอไม่ได้พูดอะไรและตรงขึ้นห้อง

เหนื่อยมาทั้งวัน จึงเป็นปกติที่พอกลับถึงบ้านแล้วก็ อยากอาบน้ำและพักผ่อน

จึงหนิงหยิบชุดนอนและเดินเข้าไปในห้องน้ำ

อีกด้านนั้น หัวเหยากับจี้หลินยวน เดินทางไปถึง

ภัตตาคารแล้ว
นี่คือภัตตาคารกลางแจ้งใต้แสงเทียน

ร้านอาหารอยู่ที่ชั้นสองพร้อมกับพระจันทร์ที่สว่างใสว และสายลมเหนือศีรษะ แม่น้ำกว้างใหญ่ในระยะไกล ราย ล้อมไปด้วยแสงเทียนอันโรแมนติกและนักเล่นเซลโลกำลัง บรรเลงเพลงไพเราะและงดงามบนเวทีเล็ก ๆ ด้านหน้า

หากคุณเพิกเฉยต่อผู้ชายที่ทำหน้าเย็นชามาตลอดไปได้ นี่เป็นสถานที่โรแมนติกสำหรับคู่รักที่หนึ่งเลยทีเดียว

บริกรเสิร์ฟอาหารที่ทั้งคู่สั่งมาวางบนโต๊ะ หัวเหยากล่าว

ขอบคุณเบา ๆ

มาถึงตรงนี้ เธอไม่ได้แต่งตัวเต็มยศ เธอถอดแมสก์แต่ ยังคงสวมหมวกอยู่

ปีกหมวกกว้างปิดบังคิ้วของเธอ เปิดเผยเพียงจมูกเป็น สันและริมฝีปากชมพูนุ่มของเธอเท่านั้น กรามที่เรียงเส้น สวยงามยกขึ้นเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ก็มีความงาม ที่สูงส่งและน่ามองอยู่แล้ว

ดวงตาของ จีหลินยวน เข้มเล็กน้อยและสัมผัสแห่งความ เย็นชาผ่านดวงตาสีดำของเขา

ตั้งแต่ออกมาจากสนามแข่งจนถึงที่นี่ หัวเหยาค่อย ๆ คลายความตื่นเต้นของเธอลงจากตอนเริ่มต้น

แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่เธอก็ยังกระวนกระวายใจอยู่บ้าง

เห็นชัด ๆ ว่าอยู่นอกห้องแต่ไม่รู้ว่าทำไม ก็ยังรู้สึกว่า โดย รอบนั้นช่างน่าอึดอัดอย่างรุนแรง ราวกับว่าพื้นที่ดูคับแคบ และท่วมท้นจนทำให้หายใจไม่ออก

บรรยากาศช่างเงียบและน่าอึดอัด

โดยเฉพาะในร้านอาหารกลางแจ้งแบบนี้ที่มีแต่คู่รักเสีย

ส่วนใหญ่

เมื่อเทียบกับคู่รักที่อยู่รอบ ๆ แล้ว พวกเขาสองคนนั้นดู

ห่างเหินและจืดจางอย่างชัดเจน

บริกรที่ถือดอกกุหลาบเข้ามาโค้งตัวเล็กน้อย ยิ้มและพูด ขึ้นอย่างเคารพ: “คุณครับ ซื้อดอกไม้ให้แฟนของคุณสักช่อ ใหมคะ? 11 ดอกแสดงถึงรักมั่นคงตลอดไปนะคะ”

จี้หลินยวน ขมวดคิ้วแน่น “ไม่เอา!”

บริกรคิดว่าคู่รักคู่นี้นั้นแปลก ๆ เห็นชัด ๆ ว่านั่งกินข้าวอยู่ ตรงนี้แต่ไม่พูดไม่จาสักคำ แถมดูแล้วผู้ชายคนนี้ยังดูดุร้าย กว่าอะไรเสียอีก

เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย เขายิ้มและพูดขึ้นอีก: “ไม่ เป็นไรครับ คุณสามารถขอเพลงได้ทางนั้น คุณผู้ชายไม่ขอ เพลงให้แฟนสาวสักเพลง! การฟังเพลงที่คนรักขอให้ด้วยตัว เองสักเพลงในบรรยากาศแบบนี้ โรแมนติกมากเลยนะครับ!”

จี้หลินยวน เงยหน้าขึ้นแล้วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

ดวงตาที่จ้องมองเหมือนหมาป่ากลางทะเลทราย เปล่ง ประกายด้วยแสงเย็นจาง ๆ ในคืนที่มืดมิต

ทันใดนั้นหัวใจของบริกรก็สั่นไหวและรู้สึกหนาวไปถึงสัน

หลังวาบ

จากนั้น จึงได้ฟังคำพูดจากชายหนุ่มอย่างชัดเจน: “เธอ ไม่ใช่แฟนฉัน จะให้ผมพูดกับคุณอีกกี่รอบ? ไม่-ต้อง ใสหัว

ไป-เค

ในที่สุดบริกรก็เข้าใจ ผู้ชายตรงหน้าไม่เพียงแค่ดุร้าย อีก ทั้งไม่ควรจะเข้าไปยั่วโมโหอีกด้วย!

ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปแล้วรีบถือดอกกุหลาบเดินจากไป

หัวเหยาเห็นภาพนี้แล้ว รู้สึกทำหน้าไม่ถูกอยู่ไม่น้อย

จึงพูดขึ้นเบา ๆ “ฉันขอตัวไปห้องน้ำนะคะ”

จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

มองตามหญิงสาวที่เดินจากไป จี้หลินยวน ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับเลี้ยวสายตาลง

ภายในห้องน้ำ หัวเหยาพยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ สุด

ชีวิต
ราวกับว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจะที่ช่วยให้เธอบรรเทาหัวใจ ที่เก็บกดมานานของเธอได้ชั่วคราว

ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น

เธอหยิบออกมาดูเป็นสายของจิงหนิง

จากหางตาที่เดิมนั้นรั้นนิดๆ ก็กลั้นเอาไว้

“ฮัลโหล หนิงหนิง”

“คนสวยหัว เป็นยังไงบ้าง? ออกเดทกับเจ้าชายมีความสุ

ชดีรึเปล่า?”

หัวเหยาฝืนยิ้ม

มีความสุขเหรอ?

อาจจะนะ!

เพียงแต่น่าเสียดาย เขาดูไม่ได้มีความสุขเอาเสียเลย!

ก็ใช่น่ะสิ คนที่เขาเกลียดมากที่สุดในชีวิตนี้ก็คงจะเป็นตัว เธอนี่แหละ ทั้ง ๆ ที่เคยสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่โผล่มาให้เขา เห็นหน้าอีก ตอนนี้ไม่เพียงแต่ผิดสัญญา ยังบังคับให้เขาต้อง มาดินเนอร์ใต้แสงเทียน เขาควรจะเกลียดเธอมากถึงจะถูก!

หัวเหยารู้สึกว่ามุมหางตาที่รื้นของตนเองนั้นกำลังจะกลับ มาอีกครั้ง

เธอพยายามจะเก็บกดมันเอาไว้
ร้องให้ไม่ได้ วันนี้ใช้เวลาแต่งหน้าตั้งสองชั่วโมงกว่า ถ้า ร้องก็เสียเปล่า

เธอเงยหน้าขึ้นและบังคับให้หยดน้ำตานั้นเหือดหายไปอยู่

หลายวินาที

ปลายสาย จึ่งหนิงเห็นเธอเงียบอยู่นาน จึงเข้าใจผิดว่าเกิด เรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า

“เหยาเหยา? เธอไม่เป็นไรนะ?”

หัวเหยารีบตอบ “ฉันไม่เป็นไร เข้าห้องน้ำอยู่!”

“งั้นก็ดี พวกเธอไปถึงไหนกันแล้วล่ะ?”

“ก็ไม่มีอะไร เธอก็รู้นี่ เขาเป็นคนเย็นชา สามารถนั่งอยู่กับ ฉันได้เป็นชั่วโมงโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฉันจะทำอะไรได้?”

จึงหนิงส่งเสียงร้องอย่างดูถูก

“เธอก็ชวนคุยสิ! คนหนูใหญ่หัวที่ถูกรุมล้อมมากที่สุดใน เมืองจิ้น การเปิดการสนทนาเป็นงานถนัดที่สุดของเธอมา ตลอดไม่ใช่เหรอ? คิดดูว่าเวลาปกติมีผู้ชายเดินตามตูดเธอ เป็นพรวนแถวยาวแค่ไหน เชื่อมั่นในเสน่ห์ของตัวเองสิ! ตราบเท่าที่เธอเต็มใจที่จะโปรยเสน่ห์เพียงเล็กน้อย ต่อให้ เขาเป็นพระโพธิสัตว์ก็เต็มใจละทางธรรมแล้วกลับสู่ฆราวาส เพื่อเธอแน่!”

หัวเหยาถูกเธอแหย่จนอดไม่ได้จนต้อง “ทีหี” หัวเราะออก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ