วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 860 จากใจจริง



บทที่ 860 จากใจจริง

ทั้งสี่คนยืนคุยกันอยู่ในห้องโถงสักพัก เพียงครู่เดียว งานครึ่ง หลังกำลังจะเริ่มขึ้น คนทั้งหมดจึงกลับเข้าไปในห้องโถงอีกครั้ง

ทุกคนยังคงนั่งที่เดิม หลังจากที่รอให้ทุกคนนั่งกันเรียบร้อย

แล้ว พิธีกรจึงประกาศเริ่มงาน

ของประมูล ในครึ่งหลัง ต้องมีค่ามากกว่าของประมูลในครึ่ง แรกเป็นธรรมดา

มีทั้งภาพวาดของศิลปิน โบราณชื่อดัง กระจกหยกสลักที่ สูญหายไปนานนับพันปี อีกทั้งยังมีคทาที่ราชวงศ์แห่งยุโรปเคย ใช้ด้วย

พูดง่าย ๆ ก็คือสมบัติล้ำค่าที่ทั้งหายากและแปลกใหม่ทุกชนิด

ต่างหลั่งไหลออกมาไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ยิ่งใกล้ถึงช่วงที่สมบัติล้ำค่าจะออกมามากเท่าไร ตอนนี้ ทุกคนก็ยิ่งระมัดระวังตัวกันมากขึ้น

สายตาของพวกเขาไม่ได้เพ่งไปยังของประมูลเบื้องหน้าอีกต่อ ไปแล้ว เพราะทุกคนต่างพากันกลั้นใจรอสมบัติชิ้นสุดท้ายกันอยู่

เงียบ ๆ

แน่นอนว่าหลินซงก็เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสมบัติชิ้น สุดท้ายมาเช่นกัน ซึ่งเขาคิดว่าเฉียว กับกู้ซื้อเฉียนก็คงจะมี ความคิดเหมือนกันกับเขา แต่ก็ยังอดแขวะเล็กน้อยไม่ได้
ก่อนจะหันไปพูดกับ จิงจิงว่า “พี่คิดว่าเรื่องการฟื้นจากความ ตาย การเป็นอมตะมันเป็นเรื่องหลอกกันทั้งนั้น ถ้าคนเรามีชีวิต อยู่ได้เป็นพันปีจริง ๆ งั้นมันจะไม่กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปเลย เหรอ?”

จิงจิงเหลือบมองเขาด้วยรอยยิ้ม “มันไม่สำคัญหรอกถ้าเป็น อมตะแล้วกลายเป็นสัตว์ประหลาด ประเด็นสำคัญก็คือการไม่แก่ เฒ่าต่างหาก หรือว่าพี่ไม่อยากเหรอ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินซงชะงักไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะส่ายหน้ารั่ว ๆ

“พี่ไม่อยาก”

จิงจิงหลุดสีหน้าไม่เชื่อออกมาเล็กน้อย

แต่สีหน้าของหลินซงดูจริงจังมาก ก่อนจะพูดต่อว่า “สุดท้าย แล้วสมบัติชิ้นนั้นก็มีเพียงชิ้นเดียว และมันก็ให้ความเป็นอมตะ ได้เพียงแค่หนึ่งคน ถ้าพี่จะใช้มันจริง ๆ ทุกคนที่พี่รู้จักในโลกนี้ก็ จะต้องตาย แล้วก็จะเหลือแค่พี่คนเดียวที่มีชีวิตอยู่ มันจะไปมี ความหมายอะไร? สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…

เขาหยุดพูดไปชั่วขณะ จากนั้นก็พูดต่ออย่างเคร่งขรึมและ จริงจังว่า “ไม่มีเธอ ต่อให้จะให้พี่อีกหมื่นปีพี่ก็ไม่อยากมีชีวิตต่อ ไปหรอก”

ความรู้สึกของ จิงจิงหยุดนิ่งอยู่ ณ ตรงนั้น

เธอตกตะลึงไปทั่วร่าง
เมื่อเธอมองไปที่เขา ทั้งสองไม่ได้พูดอะไร ในความมืดสลัว ดู เหมือนพวกเขาจะมองเห็นคำพูดนับพันในดวงตาของกันและกัน

สุดท้าย เธอก็หันหน้าหนีอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พร้อม กับพูดว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว”

ถ้ายังพูดอีก เธอคงจะหวั่นไหวจนตอบตกลงกับเขาไป

หลินซงไม่ได้รับรู้ความคิดของเธอ เขานึกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไป เมื่อครูคงจะดูบุ่มบ่ามเกินไป จนล่วงเกินหญิงสาวเข้าแล้ว เลย กระซิบอย่างร้อนรนว่า “ขอโทษ”

เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ถอดใจ พูดเพิ่มอีกประโยคว่า “แต่มันมาจากใจจริงของพี่นะ

พูดจบ เขาก็นิ่งลง ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

จิงจิงก็ไม่ได้พพูดอะไรต่อเช่นกัน

ในตอนนี้ ของประมูลเบื้องหน้า ก็ถูกประมูลไปเรียบร้อยแล้ว และในที่สุด ก็มาถึงช่วงสุดท้ายแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ที่ทุกคน ตั้งตาคอยกำลังจะปรากฏตัวออกมา

เฉียว รู้สึกได้เลยว่าตั้งแต่ตอนที่พิธีกรกำลังแนะนำของ ประมูลชิ้นสุดท้าย ผู้ชมทั้งห้องก็ดูเหมือนจะพากันเงียบเสียงลง ทันที เป็นความเงียบที่หากมีเข็มหล่นลงพื้นสักเล่มก็คงได้ยิน

แทบทุกคนต่างกลั้นหายใจ รอคอยให้ของชิ้นนั้นปรากฏออกมา
ในที่สุด หลังจากที่พิธีกรพูดแนะนำแบบคร่าว ๆ เสร็จ เธอก็ ประกาศว่า “ขอเชิญของประมูลชิ้นสุดท้าย ที่รู้จักกันในชื่อสมบัติ ล้ำค่าสามารถฟื้นคืนชีพได้แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ขึ้นมาบนเวที ค่า!”

หลังจากที่เธอพูดจบ ม่านด้านข้างเวทีก็ถูกดึงให้เปิดออก ก่อน จะมีเจ้าหน้าที่ที่ติดอาวุธสองคนเป็นตู้กระจกขึ้นมาช้า ๆ

ตู้กระจกสูงเพียงหนึ่งเมตรครึ่ง ซึ่งความสูงของมันก็พอดีกับ ระดับสายตาของคนที่นั่งอยู่ เพื่อให้ทุกคนสามารถชื่นชมมันได้ อย่างสะดวกสบายขึ้น

กลางตู้กระจก มีก้อนหยกที่เปล่งประกายแวววาววางอยู่ใน หนึ่ง

หยกก้อนนั้นเป็นสีขาวผ่อง ทั่วทั้งก้อนเปล่งประกายแวววาว

ออกมา ความยาวเป็นเหมือนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีขอบโค้งเล็ก

น้อย และมีความหนาเพียงสามหรือสี่มิลลิเมตรเท่านั้น

ของชิ้นเล็ก ๆ นั่น เพียงวางอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ แต่ทุกสายตา ของคนในห้องโถงกลับจ้องไปที่มัน

พิธกรเริ่มแนะนำที่มาและคุณสมบัติของมันอีกครั้ง แต่เฉียว และกู้ซื้อเฉียนกลับมองออกในทันที ว่าแผ่นหยกชิ้นนั้น เป็นชิ้น เดียวกับที่ทำให้เกิดการหั่นกันระหว่างกลุ่มมังกรกับกลุ่มหงส์ แดง

เธอจําไม่ผิดแน่!
เพราะในตอนแรก ทั้งสองกลุ่มนี้ ได้เริ่มต่อสู้กันเพราะของชิ้น เล็ก ๆ จนในที่สุดมันก็มาถึงจุดที่พวกเขาควบคุมไม่ได้

นัยน์ตาของเฉียวฉลึกซึ้งขึ้น สีหน้าของซื้อเฉียนก็ค่อย ๆ หม่นแสงลง ทั้งคู่ชูป้ายหมายเลขขึ้นพร้อมกัน

“แปดสิบล้าน!”

พอเสียงราคาดังขึ้น ก็กลายเป็นตัวเลขที่แพงที่สุดสำหรับคืนนี้

ทันที

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น พอเสียงพูดนั้นจบ ก็มีเสียงคนอื่น ๆ เรียกราคาตามหลังขึ้นมาทันที

“แปดสิบห้าล้าน!!

“เก้าสิบล้าน!”

“เก้าสิบห้าล้าน!”

เนื่องจากมีสิ่งที่ระบุไว้หลายอย่าง สมบัติชิ้นนี้จึงถือเป็นของที่ หายากมาก แล้วยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นของตัวมันอีก เกือบทุก คนจึงอยากจะแย่งมันมาให้ได้

เพราะงั้นการเพิ่มราคาแต่ละครั้งจึงค่อนข้างสูง อย่างน้อยก็ ต้องห้าล้านเหรียญสหรัฐต่อครั้ง

ไม่ได้น้อยเลย สำหรับคนธรรมดาทั่วไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวก ชาวบ้าน แม้แต่คนในครอบครัวที่ค่อนข้างร่ำรวย ก็ยังถือว่าเป็น จํานวนที่มากอยู่
แต่ในสายตาของคนในงานประมูลวันนี้ ราคาพวกนั้นจะไปนับ อะไรได้

ดังนั้น ไฟแห่งการประมูลจึงถูกจุดขึ้น

แต่เฉียวฉีกับกู้ซื้อเฉียนเพียงเสนอราคาแค่ครั้งแรกเท่านั้น จากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้อ้าปากพูดอะไรอีก

หลินซึ่งเห็นว่าพวกเขาอยากได้สมบัติชิ้นนี้ แต่ตอนนี้กลับไม่ พูดแล้ว เลยเริ่มร้อนรนเล็กน้อย

เขาคอยอยู่ข้าง ๆ ว่า “ทำไมไม่เสนอราคาล่ะ? พวกนายใจ โลภแต่ปากหนัก อีกเดี่ยวของก็ถูกประมูลไปก่อนหรอก?”

พอเห็นว่าทั้งสองไม่สนใจเขา ทั้งคู่เพียงแค่ต้องไปบนเวทีด้วย สีหน้าจริงจัง อีกด้าน ราคาในการประมูลที่เพิ่มขึ้นไปกว่าสาม ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว และเพราะถึงราคานี้ หลายคนก็เริ่ม ถอนตัว

ถึงอย่างไร ตำนานก็บอกว่าของสิ่งที่ทำให้คนเป็นอมตะแล้ว ยังฟื้นคืนชีพได้

แต่คนที่อยู่ตรงนี้ส่วนใหญ่ก็ถือเป็นคนฉลาด ทำไมพวกเขาจะ ไม่รู้ล่ะว่าบางครั้งเรื่องของการเป็นอมตะ การฟื้นคืนชีพของคน มันก็อาจจะเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น

ในความเป็นจริง เซลล์ในร่างกายของมนุษย์จะค่อย ๆ แก่ขึ้น ตามอายุขัยของคนเรา มันจะไปเป็นอมตะได้อย่างไร?

ดังนั้น ในตอนแรกทุกคนก็แค่อยากจะลองดู แค่ได้เดิมพันสักครั้งพอให้ตัวเองสบายใจ

แต่พอราคาเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็มาถึงห้าร้อยล้าน ดอลลาร์สหรัฐ หลายคนเริ่มถอนตัว

เพราะสุดท้ายแล้ว แค่ของล้ำค่าเพียงชิ้นเดียว เดิมพันสักหนึ่ง ครั้งก็พอแล้ว

ถ้าการเดิมพันนี้มันสูงเกินไป แล้วของชิ้นนี้ก็ไม่ได้มีผลลัพธ์ ออกมาดีอย่างที่ว่า มันคงเป็นเรื่องตลกพอสมควรที่ใช้เงินห้า ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อหยกชิ้นหนึ่ง

ดังนั้น ในท้ายที่สุดราคาก็สูงถึงแปดร้อยล้าน แล้วก็มีเพียง สองคนในที่แห่งนี้เท่านั้นที่ยังเสนอราคาอยู่

คนหนึ่งคือประธานที่เข้ามาทักทายกู้ซื้อเฉียนในตอนแรก

ส่วนอีกคนเป็นชาวต่างชาติผมบลอนด์ดวงตาสีฟ้า

หลินซงเห็นว่ากู้ซือเฉียนกับเฉียวไม่เริ่มลงมือสักที ก็เริ่ม

ร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว

เขากลัวว่าสุดท้ายแล้วของชิ้นนี้จะตกไปอยู่ในมือของประธาน แล้วจะทำให้อีกฝ่ายมีต้นทุนพอที่จะมาเย้ยหยันตรงหน้าเขาได้ ดังนั้น เขาจึงพูดขึ้นอย่างรีบว่า “ซื้อเฉียน นายมีเงินไม่พอรึไง ถ้า ไม่พอบอกฉัน ฉันจะให้นายยืมเท่าที่นายต้องการเลย เพื่อจัดการ หลานคนนี้!”

เหลือบมองเขาเบา ๆ นัยน์ตาแสดงให้เห็นประกายที่ดูถูกสติปัญญาเขาอยู่
หลิน ง

สุดท้าย จิงจิงก็ทนไม่ไหว จึงดึงแขนเสื้อเขา ก่อนจะพูดว่า “สองคนนี้กำลังสู้กันอยู่ พี่ร้อนใจอะไร? พอพวกเขาได้ผู้ชนะมา เดี๋ยวคุณชายกู้ ก็ลงมือต่อเองล่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ