วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่725 ชายผู้อนาถา



บทที่725 ชายผู้อนาถา

ฝีเท้าของป้าสี่ หยุดชะงักลงทันที จิ่งหนึ่งที่ตามหลังเธออยู่ เธอไม่ไป จึงหนึ่งก็ไปไม่ได้

เมื่อเห็นเช่นนั้น เธอตะโกนเรียกออกมาหนึ่งค่าด้วยความ ประหลาดใจ “ป้าสี่คะ เป็นอะไรไปหรือ” ป้าสี่หันมามองดูเธอ หว่างคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “หนูมา

จากเมืองอะไร”

วิ่งหนึ่งเห็นเธอถามคำถามนี้ ก็ยิ้มตอบทันที “ประเทศจีนไง ท่านรู้จักประเทศนี้ไหม

สีหน้าป้าสี่เปลี่ยนไปทันที

ที่จริงในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนในหลายพื้นที่จะมี รูปร่างหน้าตาที่ไม่แตกต่างกันมาก

อีกอย่างตอนที่จิ้งหนิงกับโม่หนานมาถึงทางนี้ ปากก็พูดภาษา อังกฤษอย่างคล่องแคล่ว ตอนนั้นเพื่อจะปกปิดตัวตน ไม่หนาน ยังแกล้งพูดภาษา T หลายค่า

นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ลุงสี่กับป้าสี่คิดมาตลอดว่า พวกเธอมา

จากประเทศT

ไม่ว่าอย่างไรจึงหนิงกับโม่หนานมาด้วยกัน พวกเธอทั้งสอง เป็นเพื่อนรักกัน พวกเขาก็ต้องคิดว่า พวกเธอทั้งสองเป็นคนประเทศเดียวกันอยู่แล้ว

เวลานี้ ได้ยินว่าเธอมาจากประเทศจีน ป้าสี่ตกใจมาก และ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

วิ่งหนึ่งมองดูสีหน้าผิดปกติของเธอ ยื่นมือออกไปโบกไปมา ตรงหน้าเธอ ถามอย่างประหลาดใจ “ป้าสีคะ ท่านเป็นอะไรหรือ หนูพูดอะไรผิดหรือเปล่า”

ในที่สุดป้าสี่ก็ดึงสติคืนมา ส่ายหัว ไม่ ไม่มี

จากนั้น หันหลังกลับไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แล้วเดินต่อไป ข้างหน้า

แต่ว่า แม้ปากเธอจะบอกว่าไม่มีอะไร

แต่จึงหนิงดูออกว่า เมื่อกี้นี้เธอตกใจและใจลอย เห็นได้ชัดว่า เธอมีความในใจ

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

เพราะเมื่อกี้ตัวเองพูดเรื่องพวกนั้นหรือ

เมื่อกี้นี้ตัวเองพูดอะไรไป

ตัวเองบอกว่า มีวิลล่าใหญ่หรือ มีสวนสนุก มีประติมากรรมน้ำ แข็งหรือ เธอมาจากประเทศจีนหรือ

เธอถูกประโยคไหน แทงใจดำกันแน่

จิ่งหนิงไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้เธอกลับยิ่งอยู่ยิ่งมั่นใจได้ว่า ป้า คนนี้น่าจะเหมือนพวกเธอ ถูกหลอกล่อมาจากที่อื่นขายไว้ที่นี่
ขณะที่คิดไป เธอก็มองดูแผ่นหลังที่ชราและง่อนแง่นเล็กน้อย ของป้าสี่ แล้วรู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมาทันที

พูดไปแล้ว ก็ไม่ง่ายเลย

หากเมื่อถึงเวลาตัวเองสามารถหนีออกไปได้จริงๆ ค่อยคิดวิธี มาช่วยคนอื่นอีกที

ขณะที่เธอคิดเช่นนี้ ก็เดินตามป้าสี่ตลอดทาง โดยไม่พูดไม่จา จนกลับบ้าน

หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว สีหน้าของป้าก็ดูไม่ค่อยดีอยู่แล้ว หาข้ออ้างว่าตัวเองร่างกายไม่ค่อยสบายจะกลับไปพักผ่อนใน ห้องสักครู่ ให้พวกเธออยู่บ้านดีๆ ไม่ต้องหนีไปไหน จากนั้นก็ลง ไปชั้นล่างในห้องนอนตัวเอง

เมื่อจิ้งหนิงกลับไปในห้องนอนชั้นสอง โม่หนานกำลังนั่งอยู่ ตรงนั้น เมื่อเห็นเธอกลับมา ก็รีบถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”

วิ่งหนึ่งยังไม่พูดก่อน หลังจากเดินไปล็อกประตูห้องแล้ว ถึง เดินเข้ามาพูดด้วยเสียงต่ำไม่ค่อยราบรื่น พวกเขายังระแวงฉัน มาก ลุงสี่คนนั้นเหมือนไม่ค่อยชอบให้ฉันออกไป แต่ก็ไม่เป็นไร ฉันจะหาข้ออ้างออกไปให้ได้อีก

เธอพูดไป พร้อมกับนำดอกไม้ตะกร้านั้นมา แล้วกล่าวว่า “แกดู นี่อะไร”

โม่หนานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ดอกไม้หรือ แกเด็ด ดอกไม้พวกนี้มาทำอะไร
จิ่งหนึ่งยิ้มอย่างมีเลศนัย แกอย่ามาดูถูกดอกไม้พวกนี้นะ ดอกไม้พวกนี้ต่อไปไม่แน่ว่าอาจจะได้ใช้ในงานใหญ่ก็ได้

เธอพูดไป พร้อมกับอธิบายประโยชน์การใช้ดอกไม้พวกนี้ให้ ไม่หนานฟังอีกรอบ

โม่หนานไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ หลังจากฟังจบแล้ว ก็เบิกตาก

ว้าง

จากนั้นทั้งสองก็วางแผนเริ่มลงมือทําขึ้นมา

แน่นอนว่า การจะทำสิ่งของนี้ จะให้ลุงกับป้าสองสามี ภรรยารู้ไม่ได้อย่างแน่นอน

ดังนั้น จึงหนิงก็ไปเสียบไว้ในแจกันห้องรับแขกชั้นล่างตามที่ พูดไว้ ส่วนที่เหลือ ก็กองไว้ข้างนอกตากแดดทิ้งไว้

ตอนที่ป่าถามขึ้นมา เธอก็จะบอกว่าดอกไม้พวกนี้ตอนนี้วาง ไว้ไม่กี่วันก็ตายแล้ว เธออยากจะตากให้แห้ง แล้วทำเป็นดอกไม้ แห้ง เมื่อถึงเวลาจะวางไว้ในบ้านได้นานขึ้น

ตอนนั้นป้าสี่ยังรู้สึกว่าไม่จำเป็น ดอกไม้พวกนี้ไม่มีค่า มีอยู่ทั่ว

ทิศในป่าเขา

เมื่อเฉาตายแล้วก็ไปเด็ดกลับมาใหม่ได้ไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก ทําเป็นดอกไม้แห้ง

แต่จิ่งหนึ่งไม่ฟังเธอ จะต้องทำเป็นดอกไม้แห้ง ให้ได้

ป้าสี่ก็ทำได้เพียงคิดสักว่าเธอเป็นคุณหนู ในเมืองที่เจ้าอารมณ์ชอบศิลปะสวยงามอะไรประมาณนั้น ก็ไม่ยุ่งกับเธออีก

ด่านนี้ผ่านไปโดยดีแม้จะได้รับความตกใจแต่ก็ไม่มีอันตราย

ตอนเย็น หลังจากที่ลุงสี่กลับมาแล้ว ก็กล่าวกับพวกเธอด้วย รอยยิ้มว่า “คืนนี้ ในบ้านจะมีแขกมา พวกเธอเตรียมกับข้าวเพิ่ม สักสองสามอย่าง

เมื่อป้าได้ยินเช่นนั้น มีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

ส่วนวิ่งหนึ่งกับโม่หนานนั้นท่าทางราวกับไม่รู้อะไร พยัก หน้า”ค่ะ ”

ตอนเย็น ขณะที่ท้องฟ้ากำลังสลัว มีผู้ชายหลายคนเดินเข้ามา จากข้างนอก

ดูท่าทาง เหมือนเป็นผู้ชายในหมู่บ้าน ล้วนเคารพต่อลุงมาก

ป้าสี่ทํากับข้าวอยู่ในครัวอย่างเงียบๆ ไม่หนานก็ช่วยเธอก่อ ไฟ ส่วนจิ่งหนิงนั่งบนเก้าอี้อยู่ตรงประตูห้องครัวช่วยพวกเธอเด็ด

ผัก

จากตำแหน่งที่เธอนั่ง สามารถมองเห็นสีหน้าชายหลายคนที่ กำลังนั่งอยู่ในโถงที่อยู่ไม่ไกลได้ชัดเจน

ชายพวกนั้น ดูไปแล้วล้วนอายุประมาณสามสี่สิบปีแล้ว

เนื่องจากปลูกพืชไร่ในไร่ตลอดเวลา โดนแดดโดนลมตลอดปี ดูไปแล้วค่อนข้างแก่กว่าอายุจริงเล็กน้อย

พวกเขาล้วนพฤติกรรมหยาบคาย กำลังพูดอะไรบางอย่างกับลุงสี่

เพราะสิ่งที่พวกเขาพูดเป็นภาษาถิ่นและคำสแลง จึงหนิงฟังไม่ ค่อยรู้เรื่อง

แต่สามารถเดาจากน้ำเสียงได้ว่า พวกเขากำลังปรึกษาอะไร กัน เหมือนจะมีเสียงโต้เถียงกันเล็กน้อย

จิ่งหนึ่งหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วหันหน้ากลับไปมองโม่หนาน

ไม่หนานกำลังนั่งจุดไฟอยู่หลังเตาอย่างเชื่อฟังและแสงไฟ สะท้อนใส่ใบหน้าเธอที่เยือกเย็นดั่งหยก ดูไปแล้วเหมือนหยก สว่างในน้ำ เธอเผยอปากเล็กน้อย และยิ้ม

ในใจกำลังคิดว่า คนเฒ่ากลุ่มนี้ ก่อนหน้านั้นได้จับคู่ให้เธอ แล้ว ตอนนี้คาดว่าน่าจะปรึกษากันเรื่องโม่หนานว่าจะให้ไปหรือ อยู่ต่อ

ตามคาด หลังจากที่เห็นพวกเขาทะเลาะกันแล้ว ก็มีคนลุกขึ้น เดินไปทางห้องครัว

“กำลังยุ่งเด็ดผักหรือ”

ชายคนหนึ่งมองดูเธอ เผยให้เห็นรอยยิ้มลามก

จิ่งหนิงกระตุกยิ้มที่มุมปาก ไม่อยากจะตอบเขาแม้แต่คำเดียว

แต่ท่าทีเช่นนี้ ในสายตาของชายคนนั้น กลับเห็นว่าผู้หญิงรู้สึก

อาย

เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ในใจ
เสียดาย ผู้หญิงคนนี้ดูไปแล้วรูปร่างสวยงาม แต่เคยมีลูกแล้ว

ได้ยินคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านบอกว่า ลูกคนแรกที่ผู้หญิงคนนี้ คลอดจะดีที่สุด

ลูกคนแรกที่คลอดออกมา ฉลาด หน้าตาดี ดังนั้นหาก ครอบครัวพวกเขาจะซื้อสะใภ้ ย่อมต้องซื้อคนที่ไม่เคยคลอดลูก มาก่อนอยู่แล้ว

ผู้หญิงคนข้างใน ดูไปแล้ว โครงหน้าเย็นชาไปเล็กน้อย แต่ก็ สวยเหมือนกัน พากลับไปสั่งสอนสั่งสอน คาดว่าก็ไม่ต่างกันมาก

ขณะที่คิด เขาก็รู้สึกพออกพอใจแล้วเดินเข้าไปทางข้างใน “ป้าสี่ มีอะไรให้ช่วยไหม

ขณะที่ถาม สายตาเขากลับมองไปทางโม่หนานที่อยู่หลังเตา ไม่หนานสังเกตเห็นสายตาของเขาแล้ว แต่เธอกับจิ่งหนึ่ง

เหมือนกัน แม้แต่ปลายสายตาก็ขี้เกียจจะให้ทานเขา

ในที่สุดป้าสี่ก็ฝืนยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ไม่มีอะไรให้ช่วยหรอก พวกคุณออกไปนั่งเถอะ กับข้าวจะเสร็จแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ