วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 923 ครอบครัวสี่คน



บทที่ 923 ครอบครัวสี่คน

เธอไม่รู้แต่ลู่วิ่งเงินกลับเข้าใจดี

ที่สุดแล้วพวกเขาต่างก็เป็นผู้ชาย หลังจากประสบสิ่งกระตุ้น ครั้งใหญ่เมื่อคืนนี้ ความคิดที่อยู่ในใจไม่ได้ต่างกันมากนัก หาก พวกเขาตื่นเช้าสิถึงจะแปลก

เพื่อป้องกันไม่ให้จิ้งหนึ่งเขาไปปลุกให้พวกเขาตื่น ลู่วิ่งเซินพา เธอตรงไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารทันที จากนั้นก็เก็บ ข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน

หัวเหยาตื่นตามหลังพวกเขามาและพบว่าพวกเขาเก็บของ เสร็จแล้ว จึงบ่นว่าวิ่งหนึ่งไม่ยอมปลุกเธอและรีบไปเก็บของ

แต่อันที่จริงแล้ว พวกเขาก็แค่เข้าพักที่นี่แค่วันเดียว นอกจาก

เมื่อวานที่ออกไปเดินเล่นซื้อของกันแล้ว จึงไม่ได้มีกระเป๋าอะไร มากนัก หลังจากเก็บกระเป๋าแล้ว กลุ่มเพื่อนก็กล่าวลากับกู้ซื้อเฉียน

และเฉียว แล้วออกเดินทางไปสนามบิน

เที่ยวบินตอนบ่ายโมงครึ่ง กลับถึงประเทศก็หกโมงเย็นพอดี

จิ่งหนิงไม่ได้เจอกับเจ้าตัวน้อยสองคนมากสักระยะแล้ว ดังนั้น ขณะที่อยู่บนรถระหว่างทางกลับบ้าน หัวใจของเธอก็พุ่งกลับบ้าน ดั่งลูกธนู และแทบอยากจะบินไปอยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้ เลย
ลู่วิ่งเซ็นยิ้มและพูด “เธอติดพวกเขาขนาดนี้ ไม่เห็นติดฉันแบบ

นี้บ้าง?”

จิ่งหนึ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขาและเงยหน้ามองเขา “ใครบอก ว่าฉันไม่ติดคุณ? ตอนนี้ก็ติดคุณอยู่ไม่ใช่เหรอคะ?”

ชายหนุ่มหรี่ตาเล็กน้อยและลดเสียงลง “ฉันชอบให้เธอติดฉัน บนเตียงมากกว่า”

จิ่งหนิง: “…”

สายตาเหลือบมองคนขับที่อยู่แถวหน้า และแอบเอื้อมมือไป

บีบเอวของเขา

ลู่วิ่งเป็นอดหัวเราะไม่ได้

หลังจากกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ เมื่อถึงประตูบ้าน ก็ได้ยิน เสียงเด็กสองคนโห่ร้อง

“ดีจัง ๆ คุณอาเฟิงหล่อมากเลย หนูชอบปราสาทนี้

กลุ่มคนรับใช้รู้แล้วว่ารถมาถึงแล้วจึงรีบออกมาต้อนรับ “คุณผู้ชาย คุณนาย กลับมาแล้วเหรอคะ”

อาจจะเพราะได้ยินเสียงของเธอ เสียงด้านในจึงเงียบลง จาก นั้นเด็กทั้งสองคนก็วิ่งกรูออกมา

“หม่ามี้!”

“หม่ามี แด๊ดดี้!”
เจ้าซาลาเปาน้อยสองคน ใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่ง ซึ่งเข้ามาและกอด จิ่งหนิงแน่น

จิ่งหนึ่งถูกพวกเขาพุ่งตัวใส่และถอยไปหนึ่งก้าว โชคดีที่ลู่วิ่ง

เป็นยืนกันไว้อยู่ด้านหลังจึงไม่ล้ม และอดยิ้มไม่ได้ “พวกหนูเกือบจะทำหม่ามีล้มแล้ว ระวังเดี่ยว

เราสามคนจะล้มลงไปนะจ๊ะ

อานอานยิ้มร้าย “ไม่กลัวแด๊ดดี้ช่วยพยุงอยู่ข้างหลัง ลู่จิ่งเซินเบิกตาโพลง ใส่เธอ “หนูแย่ที่สุดเลย”

อานอานแกล้งทําหน้า

จิ่งหนึ่งหัวเราะและวางพวกเขาลง จากนั้นทั้งสามคนก็จูงมือ กันและเดินเข้าไปด้านใน ขณะที่ลู่วิ่งเซินและคนงานแบกกระเป๋า เดินตามมา

หลังจากเข้ามาในห้องก็พบว่าเฟิงก็อยู่ด้วยและเพิ่งเดินออก มาจากห้องเล่นเกม

เมื่อเห็นเธอเขาก็ยิ้มและร้องทัก “พี่สะใภ้สวัสดีครับ”

จึงหนิงยิ้มและพูด: “วันนี้นายถึงว่างแวะมาได้? ถั่วเหยาล่ะ? ไม่มาด้วยกันเหรอ?”

เฟิงยี่ยิ้มและพูด: “เธอไม่สบาย อยู่ที่บ้าน ผมมาช่วยอานอาน ติดตั้งอะไรบางอย่าง

จิ่งหนิงตกตะลึงและพูดอย่างห่วงใย “ไม่สบาย? ป่วยเป็นอะไร?”

เฟิงเกาหัวอย่างเขินอาย “จะว่าไปก็ไม่ใช่ ก็คือ….มีข่าวดีแล้ว

ครับ”

จิ่งหนิงตกตะลึง

ตอนนี้เอง จึงเป็นก็เดินเข้ามาและไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดพอดี และพูดขึ้นทันที “จะเป็นพ่อคนอยู่แล้วยังไม่รีบไปฝึกกำลังแขน อีก? ระวังเถอะถึงเวลาจะอุ้มลูกไม่ไหวนะ!”

เพิ่งได้ยินแล้วจึงรีบวิ่งไป “พี่รอง มา ผมช่วยพี่ถือ

จิ่งหนิงจึงได้ตอบสนองด้วยรอยยิ้มปีติยิ่ง

ถังลั่วเหยาถือได้ว่าอยู่ในกลุ่ม นอกจากหัวเหยาแล้วก็มีเพื่อน สนิทอยู่ไม่มาก และเนื่องจากเธอยืนด้วยลำแข้งตนเอง ดังนั้นจึง มีความรู้สึกรักและหวงแหน

เวลานี้เมื่อเธอได้ยินข่าวดี จึงรู้สึกดีใจกว่าใคร

เธอเรียกเฟิงยี่ให้อยู่แล้วพูด: “ท้องแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่ ต้องระวังนะ นายจะต้องบอกเธอด้วย”

เฟิงยี่ยิ้มและพูด: “รู้แล้วครับ ช่วงนี้พวกเราไม่ได้ไปพักข้าง นอกเลย อยู่บ้านตลอด แม่ผมดูแลเธออยู่”

จิ่งหนิงตกใจอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ คุณแม่เฟิงไม่ค่อยจะชอบถังลั่วเหยาเท่าไหร่และยิ่ง ดูถูกสถานะนักแสดงของเธอด้วย ทำให้เรื่องแต่งงานของเธอกับเฟิง ดู

ตอนกลับยินดีตัวเธอกลับไปดูแลที่บ้านเป็นการส่วนตัว ซึ่งเห็นยอมรับเธออย่าง

เธออดยินดีในใจไม่ได้และพูดขึ้น“ไว้ไปเยี่ยมเธอนะ

เฟิงพยักหน้า “ครับ ผมจะกลับไปบอกเธอ พี่ได้ตลอด เลย”

จิ่งพยักหน้า จากนั้นเฟิงเข้าไปช่วยวิ่งเซิน

ทันที

อานอานลากจิ้งหนึ่งเข้าไปในห้องเล่นเกม

“หม่ามีดูสินี่เป็นปราสาทที่อาเพิ่งทำให้หนู

ในห้องนั้น ปราสาทเล็ก ตระหง่านที่อย่างเงียบ ๆ ปราสาททำจากวัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและพื้นที่สามารถให้สองคนเข้า และออกได้

จึงหนิงแล้วพูด: “สวยมากจะ

จิ้งเจ๋อน้อยตามเข้าและไปนั่งบนเบาะ

พูดเสียงอ้อแอ้ หม่าม จิ่งหนึ่งยิ้มแล้วพูดได้ ถ้าอย่างนั้นแม่เล่นพวกสักพัก แล้วเดี๋ยวพวกก็เล่นเองจ๊ะ”
ทั้งสองต่างพยักหน้า

ระหว่างที่วิ่งหนึ่งเล่นกับลูกๆ ลู่วิ่งเซินได้เก็บกระเป๋าเดินทาง เข้าบ้านทั้งหมดและกำลังคุยกับเพิ่ง

เขาห่างหายจากเมืองหลวงไปนาน แม้จะมีคนมารายงานทุก วันแต่ก็ยังมีบางอย่างที่ขาดหายไป

ซึ่งเพิ่งจะได้อธิบายให้เขาเข้าใจได้พอดี

ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน โทรศัพท์มือถือของจึงเชิ นก็ดังขึ้น

เขาหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นสายของท่านย่ากับท่านจึงรีบรับ คนแก่ทั้งสองรู้ว่าพวกเขากลับมาแล้ว และต่างเป็นห่วง สถานการณ์ของทางกู้ซื้อเนียน

ที่สุดแล้วถึงแม้ตระกูลลู่และตระกูลกู้จะเป็นคู่แข่งกัน แต่หาก จะต้องโดนโจมตีจากภายนอกเข้าสู่ตลาดจีน เช่นนั้นตระกูล และตระกูลย่อมยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน

ดังนั้นพวกเขาจึงได้เป็นกังวลขนาดนี้

ลู่วิ่งเซินได้เล่าสถานการณ์ทางนั้นอย่างละเอียดและได้รู้ว่า กลุ่มชาวจีนถูกจำกัดแล้วจึงได้สบายใจ

เมื่อคุยธุระเสร็จยังได้บอกให้พวกเขาไปรับประทานอาหารค่ำ ที่บ้านแล้วจึงวางสายไป

เพิ่งเห็นเขากำลังยุ่ง เขานั่งอยู่ไม่นานก็จากไป
ลู่วิ่งเซ็นจึงได้ไปที่ห้องเล่นเกมและได้เห็นวิ่งหนึ่งกำลังเล่น ซ่อนหากับลูกๆ

ที่จริงแล้วห้องเล่นเกมก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายนักประมาณ ร้อยกว่าตารางเมตร ภายในเต็มไปด้วยของเล่นประเภทต่างๆ ทั้งใหญ่ทั้งเล็กจึงมีที่ให้ซ่อนตัวอย่างจำกัด

บวกกับเด็กๆ ไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องการเก็บเสียงและซ่อนตัว

เวลาเดินหรือขยับตัวก็จะมีเสียง

อานอานที่โตแล้วก็ยังดี แต่กับจิ้งเจ๋อน้อยที่ไม่ว่าจะเดินไปไหน ก็มีเสียงวิ่งเบาๆ อยู่ตลอดราวกับกลัวว่าจะไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ ที่ไหน

ดังนั้นเมื่อบอกว่าเล่นซ่อนหา แท้จริงแล้ววิ่งหนึ่งสามารถหาตัว พวกเขาได้อย่างง่ายดายมาก แต่ก็ยังเล่นกับพวกเขาแกล้งทำ เป็นไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาเท่านั้นเอง

เธอปิดตาและยิ้มแล้วพูด: “พวกลูกแอบเสร็จรึยัง? แมวเหมียว จะออกไปจับหนูๆ แล้วนะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ