วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 324 ความจริง



บทที่ 324 ความจริง

รอกวนเวเฟยเดินจากไปแล้ว นายท่านกวนก็มองจึงเสี่ยวหย่า อย่างรักใคร่ ยิ้มแล้วพูดว่า “เสี่ยวหย่า พี่สาวเขานิสัยค่อนข้าง แปลก หนูก็ยอมๆ หน่อย อย่าไปถือสานะ

จึงเสี่ยวหย่ายิ้มอย่างเชื่อฟัง “แน่นอนค่ะ เราเป็นครอบครัว เดียวกัน ต้องช่วยกันอยู่แล้ว

นายท่านพยักหน้าอย่างชื่นชม ยังไม่ได้พูดอะไร พ่อบ้านเฉินก็ เข็นเขาออกไป

วิ่งหนึ่งมองอยู่ด้านข้างจนทนไม่ได้ที่จะทำเสียง

“เชอะ คุณว่าจึงเสี่ยวหย่าเล่นไปเล่นมา ก็เล่นแต่บทแบบนี้? เส แสร้งทำตัวอ่อนโยน ทำตัวเรียบร้อยมีมารยาท ดูแล้วก็น่าโมโห แต่เธอก็ทําสําเร็จทุกครั้ง

ลู่จิ้งเซินหัวเราะ

“คนส่วนมากบนโลกนี้ น่าจะมองคนด้วยตา ไม่ได้มองด้วย

ใจ”

จิ่งหนึ่งขมวดคิ้ว

เธอมองไปที่ลู่จิ้งเซิน ยิ้มพูด “ถ้าอย่างนั้นท่านประธานของ เรา มองคนด้วยตา หรือมองด้วยใจคะ?”

จึงเป็นก้มหน้า ยิ้มอย่างได้ใจ
“ผมมองคนอื่นล้วนมองด้วยตา มีแต่คุณคนเดียว ที่มองด้วย

ใจ”

พูดไป ก็จับมือเธอไว้ เอามือเธอมาไว้กลางอกเธอ

“คุณฟัง มันกำลังใจเพราะคุณ

จิ่งหนึ่งหน้าแดง แกล้งเขาไม่สำเร็จ แต่กลับถูกเขาแกล้ง รีบ งมือกลับ

กลอกตาใส่เขา “นักเลง”

พูดไป ก็รีบเดินผ่านเขาเข้าไปด้านใน ลู่จึ่งเป็นแกล้งภรรยาตัวเองจนหน้าแดง รู้สึกดีใจจนหัวเราะ ชอบใจ จากนั้นก็รีบเดินตามเธอเข้าไป

จิ่งหนึ่งรู้สึกว่า เรื่องนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องสืบให้รู้เรื่องให้ได้ เมื่อวันหนึ่งตัวเองถูกใครทำอะไร จะได้เรื่องว่ามันไปมายังไง อยากสืบเรื่องนี้ ความจริงก็ไม่ได้ยาก แค่ไปหากวนหมิงถาม เขาก็รู้แล้ว

กวนจี้หมิงรู้ความสัมพันธ์ของพวกเธอดี และรู้ดีว่า เรื่องนี้ หลอกวิ่งหนึ่งไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นไม่จะเป็นที่จะโกหก

จิ่งหนิงกับลู่วิ่งเซินเข้าไปหากวนหมิง ขณะนั้นเป็นจังหวะที่ เขาเดินออกมาจากห้องดื่มซา ซึ่งเพิ่งคุยธุระเสร็จกับฉางไม่

พอเห็นพวกเขา ก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูด “อาเซิน หนึ่งหนึ่ง พวกเธอไม่เล่นกันที่ห้องรับแขก มาตรงนี้ทำไม?
จึงเป็นไม่ได้พูด จึงหนึ่งยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเราเดินเล่นใน สวน เดินไปเดินมาก็เดินมาถึง

เธอพูดไป ก็หันไปมองฉางไปที่หนึ่ง

จางไห้ก็มองเธอ แต่ทั้งสองไม่สนิทสนมกัน ก็แค่พยักหน้า ทักทาย

ฉางไห่ยิ้มให้ลู่จึงเป็นแล้วพูดว่า “คุณชาย พักนี้รับซื้อบริษัท ใหญ่ไปหลายบริษัทเลย การงานใหญ่โตขนาดนี้ ประสบความ สําเร็จตั้งแต่อายุน้อยเลยนะครับ

ลู่วิ่งเซ็นสีหน้าไม่เปลี่ยน พูดขึ้นเสียงเรียบ “ตระกูลกู้เล่น การเมือง ตระกูลทำธุรกิจ ไม่เคยเป็นคู่แข่งกัน ไม่ทราบมาก่อน เลยว่าลุงจะให้ความสนใจกับตระกูลเราขนาดนี้

กู้ฉางไห่ถูกเขาพูดแบบนี้ ก็อึ้งไปจนพูดไม่ออก

จากนั้นก็หัวเราะอย่างพะอืดพะอม

“ตระกูลพวกเราก็รู้จักกันมาหลายรุ่นแล้ว รู้เรื่องก็ไม่แปลก แต่ อย่าเข้าใจผิดนะ ลุงไม่ได้มีความหมายอื่น แค่อยากชมเท่านั้น

ลู่วิ่งเซิน ขยับมุมปากเล็กน้อย

“ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องขอบคุณมากนะครับสำหรับคำชม

ตระกูลกับตระกูลกวน ถึงแม้ต่อหน้ายังไม่แตกแยกกัน แต่ ลับหลังมีเรื่องกันไม่แค่ครั้งสองครั้งแล้ว

ทั้งสองต่างก็รู้ดี พอพูดไม่ถูกคอกัน ก็ไม่อยากพูดอะไรมาก
กู้ฉางไห่พูดกับกวนจี้หมิงค่หนึ่ง ก็จากไป

กวนหมิงจึงได้หันกลับมา พูดกับลู่จึงเป็นกับจิ้งหนัง “เธอสอง คนมาหาฉัน มีเรื่องอยากถามใช่ไหม?

จิ่งหมิงก็ได้ปิดบังอะไร จึงพยักหน้า

กวน หมิงหัวเราะ

“ฉันรู้อยู่แล้ว ไม่เป็นไร เรื่องนี้พูดให้รู้กันก็ดี พวกเธอตามฉัน

มา”

พูดไป เขาก็เดินนำ พาพวกเขาสองคนเดินเข้าไปในห้องน้ำชา นายท่านกวนชอบชามาก เพราะฉะนั้นห้องน้ำชาของตระกูล กวนก็ตกแต่งได้สวยงามดูดีมาก

ใช้สีและแบบย้อนยุค รวมถึงเครื่องชงชาก็ทำมาจากไม้สน โบราณ แค่คนได้นั่งตรงนั้น ยังไม่ได้ชงชา ก็มีความรู้สึกสบาย อยู่ท่ามกลางสวนชา

ทั้งสามนั่งลง กวนจี้หมิงหยิบชาออกมา เริ่มชงชาเอง แล้วพูด ไปว่า “ฉันรู้ว่าพวกเธอจะมา แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาตอนนี้เลย ข้าง นอกคนมากมาย ไม่ว่ายังไงพวกเธอก็ไว้หน้าฉันหน่อย ถึงแม้ เรื่องนี้หลายคนก็ดูออกแล้ว แต่เพราะต่อหน้านายท่าน ไม่มีใคร พูด กลั้นไว้เพื่อรอพวกเธอมาพูดกับฉัน รอหัวเราะเยาะฉันอยู่

จิ่งหนึ่งหัวเราะพูด “ลุงกวนสอง รู้แล้วว่าพวกเราจะมาคุยด้วย ยังกล้าพาวิ่งเสี่ยวหย่ากลับเมืองหลวง ดูแล้วก็น่าจะมั่นใจไม่ น้อย”
กวนจี้หมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เงยหน้ามองเธอ

ด้านข้าง ซึ่งเป็นสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ จับแหวนบนนิ้วนาง เล่น สายตาเย็นชาเล็กน้อย

กวนหนึ่งมองเธอ แล้วมองไปที่จึงเป็น นิ่งไปหลายวินาที สุดท้ายก็ถอนหายใจ

“ช่างเถอะ เธอสองผัวเมียมาก็เพื่อถามให้ได้ความ ฉันก็ไม่มี อะไรต้องปิดบังเธอสองคน

เขาพูดไป ก็ยืนขึ้นเทน้ำชาให้พวกเขา จากนั้นก็นั่งลง ถึงพูด ขึ้นมา จึงเสี่ยวหย่าไม่ใช่ลูกของเสี่ยวหวั่นจริง

จิ่งหนึ่งอึ้งเล็กน้อย

ถึงแม้จะรู้ผลลัพธ์นี้อยู่แล้ว แต่พอได้ยินกวนหมิงพูดออกมา แบบนี้ ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย

กวนจี้หมิงพูดเสียงเรียบ “เรื่องนี้นอกจากฉัน เมียฉัน พี่ชายฉัน คนอื่นๆ ในตระกูลกวนก็รู้กันหมด พวกเรามีความเห็นชอบกัน แล้ว ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของนายท่าน ทำให้ท่านมีความสุข เพราะฉะนั้นจึงเสี่ยวหย่าเป็นลูกของเสี่ยวหวั่นหรือไม่ ไม่สำคัญ ขอแค่เธอเหมือนก็พอ”

เขาหยุดไปสองวินาที แล้วพูดต่อ “อีกอย่าง ถ้าบนโลกนี้ยังมี คนรู้ว่าเด็กคนนั้นอยู่ไหน ก็คงมีแค่จึงเสี่ยวหย่าแล้ว

จึงหนังอึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขา
แต่สำหรับจุดนี้ กวนจี้หมิงไม่อยากพูดอะไรมาก

ลู่จิ่งเป็นไม่มีความสนใจในเด็กคนนั้น แต่สำหรับพฤติกรรม ของตระกูลกวนนั้น เขาค่อนข้างสนใจ เพราะฉะนั้น เมื่อกวนหนึ่งพูดจบ เขาก็ถามขึ้นมาว่า “เพราะ

ฉะนั้นพวกคุณเลยหาจึงเสี่ยวหย่ามาปลอมตัว แต่ชื่อเสียงเขาแย่ ขนาดนั้น เรื่องพวกนี้ ถึงพวกคุณไม่พูด สักวันก็ต้องมีคนลือไปถึง นายท่านแน่ พวกคุณจะอธิบายยังไง?”

กวนจี้หมิงได้ยินแบบนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เรื่องพวกนี้ มันผ่านไปแล้ว อีกอย่างนายท่านก็เหลือเวลาไม่ มากแล้ว ช่วงนี้ฉันจะสั่งคนที่บ้านให้ระวังกัน ห้ามพูดถึงเรื่องใน อดีต สําหรับคนข้างนอก ไม่ว่าพวกเขาพูดอะไร นายท่านไม่มีวัน เชื่อแน่นอน”

ลู่จิ่งเซินหัวเราะเบาๆ

จิ่งหนึ่งถาม “นายท่านเหลือเวลาไม่มากแล้ว เป็นคำพูดของ หมอเหรอคะ?”

กวนจี้หมิงพยักหน้า

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จึงพูดต่อ “เซลล์มะเร็งลามไปถึงไตแล้ว นายท่านปฏิเสธการรักษาทุกรูปแบบ มากสุดก็แค่สองเดือน ก็ ต่อไปไม่ไหวแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ