วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 67 วันสถาปนาโรงเรียนตอนมอปลาย



บทที่ 67 วันสถาปนาโรงเรียนตอนมอปลาย

แผลบนใบหน้าของจริงหนิงไม่ได้ร้ายแรงอะไร หลังจากที่หมอ ตรวจอาการให้เธอแล้ว แล้วก็ทายาให้เธอเสร็จ ก็ให้เธอ

ออกมา

พอออกมา ก็เห็นลู่จิงเซินยืนอยู่ตรงระเบียง และหันหลัง

ให้กับประตูไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เธอจึงตะโกนเรียก ผู้ชายค่อยหันกลับมา

“เสร็จแล้วหรอ? ”

จึงหนิงพยักหน้า แล้วเห็นเขาจับมือถือไว้ พร้อมกับถาม “คุยโทรศัพท์หรอ? ”

“อืม”

ลู่จิงเซินจับจ้องใบหน้าของเธออย่างละเอียดไปสักพัก “ยัง

เจ็บอยู่ไหม? ”

“ไม่ค่อยเจ็บแล้ว”

ยาที่หมอทาให้ดีจริงๆ หลังจากทาก็รู้สึกเย็นๆ และไม่นาน

ก็ไม่รู้สึกเจ็บ

สู่จึงเซินจึงจะรู้สึกไว้วางใจ

ทั้งสองเลยทำตามแผนเดิม ก็คือไปกินข้าวที่วิลล่าลู่สุย และอีกด้านหนึ่ง พอหนิวลี่ลี่รู้ว่าจึงหนิงกลับคบกับลู่จิ่งเซิน จึงรู้สึกสงสัยและอยู่ไม่เป็นสุขขึ้นมา

ที่ผ่านมาเธอมักจะเย่อหยิ่ง แต่ก่อนสมัยเรียนก็ชอบดูหมิ่น

จึงหนิง

หลังจากนั้นมู่ยั่นเจ๋อที่ตนเองชอบก็ถูกจึงหนิงแย่งไปเลย รู้สึกเกลียดแค้นเธอมากขึ้น

ยังดีที่หลังจากที่ตระกูลจึงเกิดเรื่อง จิ่งหนิงที่เป็นคุณหนูที่ เป็นผู้ดี ภายในคืนเดียวก็กลายเป็นหมาข้างถนนที่มีบ้านแต่ ไม่สามารถกลับได้ ภายในใจของเธอถึงจะรู้สึกสบายใจขึ้น มาหน่อย

จากนั้นก็ได้ยินทางฝั่งมู่หงเซียวบอกว่ามู่ยั่นเจ๋อเลิกกับเธอ นานแล้ว ภายในใจของเธอก็รู้สึกสะใจมาก

ทว่ากลับนึกไม่ถึงว่า ว่าเธอจับปีนป่ายไปจับลู่จิ่งเซิน?

หนิวสี่สี่คิดยังไงก็รู้สึกไม่พอใจในใจ

และครุ่นคิดไปมา จากนั้นก็ต้องโทรหาจิงเสี่ยวหย่าอยู่ดี

“โหล เสี่ยวหย่า ตอนนี้แกทำอะไรอยู่? ”

“กำลังพักอยู่หรอ ไม่ใช่ ฉันมีเรื่องอยากจะถามแกหน่อย”

หนิวลี่สี่จึงเหล่าเรื่องที่วันนี้เธอได้เจอกันจึ่งหนิงในร้านให้ จึงเสี่ยวหย่าฟัง แน่นอนว่าเธอก็ปิดบังความจริงที่ตนเองถูกตี แค่พูดถึงว่า เธอเห็นจึงหนิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกัน คนๆ นั้นเหมือนจะเป็นลู่ จึงเซิน

จึงเสี่ยวหย่าจึงรู้สึกคาดคิดไม่ถึงกับสายๆ นี้ของหนิวลี่ี่

ทว่าถ้ามีโอกาสได้สร้างปัญหาให้กับจิ่งหนิง เธอก็ไม่มี ทางปล่อยไปอยู่ดี

ตอนที่คุยโทรศัพท์ จึงได้พูดเรื่องที่จึงหนิงกับมู่ยั่นเจ๋อเลิก กัน อีกทั้งทันทีทันใดก็ได้ไปคบกับลู่จิ่งเซินให้หนิวลี่ลี่ฟัง

พูดจบ จึงถอนหายใจ

“จริงๆ ถ้าพี่สาวชอบคุณชายลู่จริงๆ แล้วถ้าให้คบกับเขา จริงๆ ก็ดี ฉันแค่เป็นห่วงว่าเธอจะเพื่อสิ่งอื่น เธอก็รู้ พี่สาวคน นั้นของฉัน…”

หนิวลี่ลี่แสยะยิ้ม “ฉันรู้แน่นอน คนอย่างเธอทระนงตัวจะ ตายไป ไม่งั้นตอนนั้นคนเยอะขนาดนั้นที่จีบเธอ ทำไมเธอถึง ไม่เอาใครสักคน กลับไปเลือกมู่ยั่นเจ๋อที่ทั้งรวยและมีอำนาจ ล่ะ? ”

จึงเสี่ยวหย่าได้ยิน นัยน์ตาจึงเปล่งประกายเล็กน้อย

เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ได้ยินหนิวลี่ลี่ถามขึ้นต่อ “จิ่งเสี่ยว หย่า เธอแน่ใจนะจึ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินแต่งงานกันจริงๆ? ทำไม ฉันถึงรู้สึกยิ่งอยู่ยิ่งผิดปกติ? ” จึงเสี่ยวหย่าจึงฝืนยิ้มออกมา

“นี่ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน หลายปีมานี้เราก็ไม่ได้ ติดต่อกัน แต่ว่า….ฉันเหมือนจะไม่ได้ยินข่าวที่เธอแต่งงาน แล้ว”

หลิวลี่ลี่ขมวดคิ้ว

เธอครุ่นคิดไปสักพัก จึงเสี่ยวหย่าเหมือนไม่อยากพูดหัว เรื่องนี้ต่อ จึงถามหัวข้ออื่นแทน “ใช่แล้ว อาทิตย์หน้าไม่ใช่ ว่ามีการจัดวันสถาปนาโรงเรียนมอปลายหรอ ถึงเวลาเธอจะ

ไปไหม? ”

“แน่นอนว่าต้องไปสิ เธอล่ะ”

“ผอ.เชิญฉันไปเป็นแขกวีพีไอการแสดง”

“งั้นก็ต้องไปสิ ได้ ถึงเวลาเราเจอกัน”

“ได้”

หลังจากวางสาย หนิวลี่ลี่ก็จับมือถือแล้วครุ่นคิดอย่าง

เงียบๆ

จึงเสี่ยวหย่าบอกว่าเธอไม่ได้ยินข่าวที่จิ่งหนิงแต่งงาน ความหมายก็คือจิงหนิงไม่ได้แต่งงาน?

สู่จิงเซินเป็นบุคคลอะไร คิดว่าคงไม่สู่ขอเธอหรอก ดัง

นั้น… สายตาของเธอเปล่งประกาย จึงรีบค้นเบอร์ๆ หนึ่งในมือ

ถือ แล้วโทรออก

หลังจากที่อีกฝั่งรับสาย จึงพยายามคลายยิ้มออกมา แล้ว เอ่ยถามด้วยความอ่อนหวาน “คุณชายเฟิง มีเวลาว่างไหม คะ? ฉันมีเรื่องอยากจะได้ข่าวจากคุณหน่อย..”

หลังจากไม่กี่นาที หนิวลี่ลี่ก็วางสายลง

เธอมองนอกหน้าต่าง แล้วเผยยิ้มอันได้ใจออกมา

เธอก็ว่าแล้ว คนอย่างจิ่งหนิงก็ยังคิดจะแต่งงานกับลู่จึง

เซิน?

จะเป็นไปได้ยังไง?

เมื่อกี้ตอนที่คุยโทรศัพท์ เธอก็ถามอย่างัดเจน ตระกูลลู่ แห่งเมืองหลวงไม่เคยได้ยินว่ามีคุณผู้หญิงคนใหม่

ไม่เพียงแต่เท่านี้ ได้ยินมาว่าลู่จิ่งเซินยังมีว่าที่ภรรยา เป็น คุณหนูตระกูลกวน

ตระกูลกวนคือใคร?

ในเมืองหลวงมีสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลลู่ กู้ กวน และเฟิง นั่น เป็นบุคคลที่มีอำนาจถึงขั้น แค่พวกเขาเกิดอาการไอก็เสียง เตียวก็ท่าให้ทั้งประเทศสั่นสะเทือนได้ คนอย่างจิ่งหนิงยังคิด จะสู้กับคนอื่นงั้นหรอ? ช่างเป็นเรื่องที่ตลกจริงๆ!

หลังจากที่ตรวจดูเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้ว หนิวสี่สี่แค่รู้สึก ว่าภายในใจรู้สึกสบายใจขึ้นมาเยอะ

เมื่อกี้เธอก็แกล้งทำเป็นเปิดเผยข่าวคราวโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอเชื่อว่าผ่านไปอีกไม่นาน จึงหนิงก็คงจะเฮงซวย!

ทว่าก่อนที่เธอจะเฮงซวย เธอไม่สามารถให้เธอเฮงซวย กว่าเดิม!

แบบนี้พอครุ่นคิดดูแล้ว ก็กระตุกมุมปากส่งยิ้มอันบ้าเลือด ออกมา จากนั้นก็เอามือถือโทรศัพท์อีกครั้ง

“โหล หลี่เหมิงเหมิง ฉันคือหนิวลี่อื่นะ วันสถาปนาครั้งนี้ ของโรงเรียนพวกเธอจะไปกันหมด? เพื่อนร่วมห้องทั้งหมด ของพวกเราแน่นอนว่าต้องไปอยู่แล้ว! ห้องของพวกเธอได้ส่ง ข่าวออกไปหมดหรือยัง? บอกจึงหนิงหรือยัง? เธอกลับ ประเทศตั้งนานแล้ว! ได้ ถ้าเธอหาช่องทางการติดต่อของเธอ เจอก็ให้บอกเธอหน่อย ยังไงก็คือเพื่อนกัน…”

วันที่สอง จึงหนิงก็ได้ข่าวจากหลี่เหมิงเหมิง

หลี่เหมิงเหมิงคือหัวหน้าห้องห้องพวกเธอตอนเรียนมอ

ปลาย

พอได้ยินข่าวว่ามีงานสถาปนาของโรงเรียน จิ่งหนิงก็รู้สึก คาดคิดไม่ถึง ยังไงชื่อเสียงของเธอตอนอยู่มอปลาย เพราะว่าเรื่องพวก นั้น ทีแรกก็เป็นเรื่องที่ไปในทางที่ไม่ดีแล้ว กิจกรรมครั้งนี้เธอ ได้ยินมาตั้งนานแล้ว ทว่าก็ไม่มีใครแจ้งเธออย่างเป็น ทางการ ที่แรกเธอก็ไม่อยากไปอยู่แล้ว

แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้รับจากหลี่เหมิงเหมิง

จึงหนิงไม่ได้รู้สึกสนใจเกี่ยวกับกิจกรรมพวกนี้เลย สมัยที่ เธอเป็นนักเรียนก็ไม่ค่อยมีเพื่อนอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าไป รื้อฟื้นเรื่องราวเก่าๆ เพราะเหตุนี้จึงไม่อยากจะตอบตกลง

ทว่าหลี่เหมิงเหมิงที่อยู่ในสายก็ใช้คำพูดที่อ่อนข้อและ เกลี้ยกล่อมเธอไม่หยุด สุดท้ายก็เคยตอบตกลง

หลังจากที่ตอบตกลงแล้ว จึงหนิงกลับไม่ได้เอาเรื่องนี้มา ใส่ใจ ไม่ได้ไปคิดถึงมันอีก

นึกไม่ถึงว่าอีกไม่กี่วัน กลับได้รับสายจากหัวเหยาอีก และ มาถามเรื่องนี้

“หนิงหนิง ฉันได้ข่าวว่าเธอจะไปร่วมงานสถาปนา โรงเรียน เป็นเรื่องจริงไหม?

ตอนเรียนมอปลาย หัวเหยากับจิ่งหนิงเรียนห้องเดียวกัน และเธอก็ได้ว่าข่าวคราวจากหลี่เหมิงเหมิง

ตอนที่รับสาย จึงหนิงก็กำลังพลิกอ่านเอกสารฉบับหนึ่ง พอได้ยินจึงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “อืม จะไป ทำไมหรอ? ”

หัวเหยาหยุดชะงักไปทันที

และมีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ยากที่จะพูดจบเพียงคำเดียว “เธอไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าพวกเธอชวนเธอไปเพราะมีเป้าหมาย

อะไร? ทำไมยังต้องตอบตกลงอีก? ”

จึงหนิงหยุดชะงัก

แน่นอนว่าเธอรู้ว่าเป้าหมายที่หลี่เหมิงเหมิงพยายามเชิญ

ชวนเธอ

ทว่ายังไงเธอก็ไม่ใช่จิ่งหนิงเมื่อห้าปีก่อนแล้ว ตอนนั้นเธอ ต้องเผชิญกับข่าวลือเสียๆ หายๆ ที่ลือกันไปทั่วทุกที่ เธอไม่ เคยไปถกเถียงและอธิบาย แค่มองชื่อเสียงของตัวเองถูก กวาดล้าง และได้รับการดูถูกข่มเหง

ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิม

เธอมีพลัง และมีกรงเล็บ

ใครคิดจะรังแกเธออีกหนึ่งส่วน เธอจะเอาคืนเป็นสิบเท่า! ไม่กลัวคนจะมาหาเรื่องถึงที่ ก็กลัวพวกเธอไม่มาหาเธอ

พอนึกถึงแบบนี้ เธอจึงหัวเราะอย่างกุมความลับ “เธอไม่ ต้องเป็นห่วงแทนฉัน ก็แค่งานสถาปนาโรงเรียน ต่อหน้าคน มากมายขนาดนั้น ยังกลัวว่าพวกเธอจะกินฉันหรอ? ” “เพราะว่าคนเยอะ ฉันเลยไม่อยากให้เธอไป เธอไม่ใช่ว่า ไม่รู้ เพราะว่าข่าวเสียๆ หายๆ เมื่อห้าปีก่อน ทุกคนนึกว่า เรื่องนั้นเธอเป็นคนทำ! นอกจากฉัน ใครจะเชื่อเธออีก? หลี่เห มิงเหมิงเชิญเธอไป ก็เพราะว่าอยากจะข่มเหงเธอต่อหน้าคน มากมาย! ฉันยังสงสาร เรื่องตอนนั้นก็เพราะว่าพวกเธอเป็น คนสร้างขึ้น! ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่พวกเธอจะหาโอกาส แล้วจะ ปล่อยเธอไปง่ายๆ ได้ยังไง! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ