วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 880 เธอผิดปกติ



บทที่ 880 เธอผิดปกติ

เฉียว ไม่อยากทําให้เขาลำบากใจเช่นกัน เพราะเธอรู้ว่า สำหรับซูเฉิงที่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ก็ไม่ใช่ง่ายๆ แล้ว

อย่างไรก็ตามเธอมีหน้าที่ทำลายกำแพงที่ขั้นกลางระหว่างทั้ง สองคน ส่วนพัฒนาการของทั้งคู่หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาเอง แล้ว

ดังนั้น เธอจึงไม่บังคับอีกต่อไปแล้ว เธอพยักหน้า “โอเค คุณ

ไปเถอะ”

ซูเฉิงหันตัวกลับและเดินออกไป

หลังจากที่เขาจากไป เฉียวฉีกก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง และมอง ดูเสี่ยวเยว่อย่างจริงจัง

จากบนลงล่าง จากหน้าไปหลัง เธอพอใจมาก

และอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ยิ้ม สวยมากจริงๆ

จากนั้นเธอก็โบกมือ และบอกพนักงานขายว่า “เอาตัวนี้แหละ คิดเงินด้วยนะคะ”

เมื่อเห็นดังนั้น เสี่ยวเยวรีบยื่นมือออกมารั้งเธอไว้

“พี่เฉียวเฉียว”

เฉียว ชะงัก มองไปที่เธอ “มีอะไรเหรอ?”
เธอมองดูหล่อน ที่อยากจะพูดอะไรก็ไม่กล้าพูดออกมา ดวงตา ที่ชัดเจนของหล่อนคู่นั้น ในขณะนี้ดูเหมือนจะมีอารมณ์ที่สับสน

มากมาย

เมื่อเดียวมองเธอ คิ้วสวยขมวดเล็กน้อย

เธอตระหนักว่า วันนี้เสี่ยวเยว่กำลังมีบางอย่างในใจ และ ไม่ใช่ว่าเธอคิดไปเองด้วย ดังนั้นเธอจึงหันไปหาหล่อน และถาม อย่างแผ่วเบาว่า “เกิดอะไรขึ้น? ”

เสี่ยวเยว่กัดริมฝีปากของเธอ ร่องรอยของการต่อสู้ดิ้นรนอยู่ ใต้ดวงตาของเธอ ครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหน้า

เธอฝันยิ้ม “ฉันแค่รู้สึกว่า คุณซื้อกระโปรงราคาแพงให้ฉัน ซึ่ง

ฉันไม่คู่ควรเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันเป็นเพียงแค่คนรับใช้คน

หนึ่ง…

“ชูว!”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ เฉียวฉีก็ขัดจังหวะเธอ

เฉียว มองไปที่เธอ ถอนหายใจและพูดว่า “สถานะของคุณจะ เป็นอะไรแล้วทำไม? มันจริงเหรอที่คนรับใช้สมควรที่จะเกิดมา ด้อยกว่า และคนใช้ไม่คู่ควรที่จะสวมใส่เสื้อผ้าดีๆ? เสี่ยวเยว่ ไม่มีใครต่ำต้อยมาตั้งแต่เกิดหรอกนะ ชีวิตของใครก็ต้องให้คน คนนั้นเป็นคนกำหนดชีวิตตัวเอง แม้ว่าตอนนี้จะเป็นแค่คนใช้ แต่ ในอนาคตก็อาจจะไม่ใช่แล้วก็ได้ และการที่เธอต้องถอยไปเป็นหมื่นก้าว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นตลอด

“ทุกคนในโลกนี้ที่หากินด้วยกำลังของตัวเอง ล้วนแต่ไม่ สมควรถูกดูหมิ่นทั้งนั้น ฉันซื้อกระโปรงให้เธอ เพราะฉันชอบเธอ และฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับการดูแลฉันตามปกติ ซึ่งมันไม่ได้มี ความหมายอะไรมากกว่านั้นเลย

“และเธอก็ไม่จำเป็นต้องลังเลหรือรู้สึกผิดกับมันด้วย เธอแค่ ต้องเป็นตัวของตัวเอง เข้าใจไหม?”

เสี่ยวเยวมองเธออย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าทำไม เฉียวรู้สึกว่า ดวงตาที่สดใสคู่นั้นของเธอในขณะนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

เธอกระชับมุมปาก และพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“ฉันเข้าใจแล้ว”

เฉียวฉีกดความรู้สึกไม่สบายใจของตัวเองไว้ในใจ แล้วลูบหัว เธอ พร้อมกับพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องคิดมากนะ ถ้าเป็น เพราะความใจดีของฉัน มันทำให้เธออึดอัด นั่นเป็นความผิดของ ฉันเอง”

เธอคิดว่าที่เสี่ยวเยว่เป็นแบบนี้เพราะเธอให้ของขวัญราคา แพงแก่หล่อน บางทีอาจเพราะสัมผัสได้ถึงความทะนงในศักดิ์ศรี ของหล่อนหรืออะไรทำนองนั้น เธอจึงสบายใจ และไม่ได้คิดถึง อย่างอื่น

เสี่ยวเยวพยักหน้าเข้าใจ
เฉียว ขอให้พนักงานขายคิดเงินอีกครั้ง และในขณะเดียวกัน ก็ห่อเสื้อผ้าชุดเดิมของเธอให้

เมื่อทั้งสองออกไป เสี่ยวเยว่ก็สวมกระโปรงใหม่ตัวนั้น ซึ่งการ

ที่คนเราต้องใส่เสื้อผ้านั้นก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ ก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองเดินด้วยกัน แม้ว่าเฉียวจะอยู่ใกล้เชี่ยว

เยวมาก แต่คนที่มีไหวพริบก็ยังสามารถเห็นความแตกต่าง ระหว่างคนทั้งสองได้อย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้ เสี่ยวเยว่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ทั้งสองก็เดินไปด้วยกัน

อีกครั้ง ถ้าบอกว่าพวกเธอเป็นพี่น้องกัน ก็คงไม่มีใครไม่เชื่อ

ต่อมา เฉียวก็พาเสี่ยวเยวไปเดินดูของด้วยกันอีกหลายร้าน

ในที่สุด เธอก็ซื้อรองเท้าให้ตัวเองหนึ่งคู่ และเมื่อเดินผ่านร้าน ขายเสื้อผ้าบุรุษ แล้วเห็นว่าที่กระจกหน้าร้านมีชุดผู้ชายแขวนอยู่ ชุดหนึ่ง หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นมา

มันเป็นชุดสูทสีเทา อันที่จริงปกติแล้วซิเฉียนมักจะไม่ค่อยใส่ สูท หรือว่า อาจเป็นเพราะเขากับเธอไม่ได้อยู่ด้วยกันมากนัก

แต่ไม่รู้ว่าทำไม เฉียวก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่เธอคิดว่า

ถ้าเขาสวมสูทตัวนี้ จะต้องจะดูดีมากๆ แน่

เธอจึงเดินเข้าไปโดยไม่คิดอะไร

พนักงานขายที่มาต้อนรับเธอเป็นเด็กหนุ่ม มองแล้วดูสดใส แถมยังหล่อเหลา ราวกับว่าเขาเพิ่งเรียนจบมาไม่นาน
เขาเดินเข้ามาข้างหน้าเธออย่างสุภาพ และสอบถามความ ต้องการของเธอ

เฉียวฉีชี้ไปที่ชุดสูทขอผู้ชายรุ่นนั้น และขอให้เขานำลงมาให้

เธอดู

อีกฝ่ายปฏิบัติตามคำขอของเธออย่างเต็มใจ และชุดสูทสีเทา ตัวนั้นก็มาอยู่ในมือของเธอเรียบร้อยแล้ว เฉียวมองดูเนื้อผ้า อย่างพินิจพิจารณา ซึ่งมันเป็นแบบที่กู้ซื้อเฉียนชอบเลย

เมื่อนึกถึงตอนชายคนนั้นสวมสูทตัวนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะ

กระตุกมุมปากยิ้ม

ขณะที่กำลังดูอยู่ ทันใดนั้น ณ ตอนนี้

ด้านหน้าของเธอก็ปรากฏร่างที่คุ้นเคย เห็นว่าเป็นชายวัยกลางคน ที่เพิ่งลองสวมเสื้อผ้าเสร็จ และ ตอนนี้ เขากำลังจะไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน

และข้างเขา ก็มีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดเดรสสีม่วงอ่อน ประกอบกับหน้าตาที่ สวยสดงดงาม และร่างที่สูงเพรียว กำลังควงแขนเขา ทั้งสองดู สนิทสนมกันมาก

เฉียว ชะงักไปชั่วขณะ

รอยยิ้มที่มุมปากของเธอหายไปทันที แทนที่ด้วยคิ้วขมวด เป็นปมขึ้นมา
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมองเห็นเธอเหมือนกัน และเลิกคิ้วขึ้นอย่าง คาดไม่ถึง พร้อมกับเดินเข้ามาหาเธอ

“คุณเฉียว ไม่เจอกันนานเลย ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอคุณที่นี่ หนานมู่หรงยื่นมือออกไปหาเธออย่างสุภาพ เฉียว ก็ยื่นมือออกไป จับมือเขาเขย่าเบาๆ แล้วก็ชักมือกลับ

เธอยิ้มและพูดว่า “บังเอิญจริงๆ เลย คุณหนานมาซื้อของเหรอ คะ?”

หน้านทรงหันหน้ามองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขา แล้วยิ้มอย่างเอา อกเอาใจ “ก็นะ ใจจริงผมก็ไม่อยากออกมาหรอก แต่เยว่เอ๋อร์ เธองอแงว่าเธอเบื่อบ้าน ก็เลยพาเดินมาเดินซื้อของนี่แหละ”

สายตาของเฉียวฉีจับไปที่หลินเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆเขา

แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ไม่ได้เจอกัน แต่หลินเยว่เอ อร์ที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้น กลับดูแตกต่างจากที่เธอจำได้มาก

หลินเยว่เอ๋อร์ในความทรงจำของเธอ ทั้งหยิ่งทะนง หัวแข็ง ห้าวหาญ และฉุนเฉียว เป็นคนที่ไม่เก็บอารมณ์ใดๆ เลย แต่ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้?

แต่งกายด้วยชุดที่ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่งหน้าอย่างวิจิตรบรรจง เผยให้เห็นถึงสไตล์ของหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่ และกลับกลายเป็น หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่เก็บอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างไว้ในใจได้ แล้ว
เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย และยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น ฉันไม่รบกวนคุณ ทั้งสองแล้วค่ะ”

จากนั้น เธอก็ยื่นเสื้อผ้าให้กับพนักงานขาย และขอให้เขาคิด

เงิน

เธอกับหนานทรงไม่ค่อยสนิทกัน และความสัมพันธ์ระหว่าง เธอกับหลินเยว่เออร์นั้นก็ยิ่งน่าอึดอัดใจ ดังนั้นพวกเธอจึงคุยกัน ไม่ถูกคอ แถมยังไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกันอีกด้วย

เมื่อเห็นดังนั้น หน่านทรงก็ย่อมไม่ดึงดันเธอให้พูดอะไร เขาหันไปหาหลินเยว่เอ๋อร์และพูดกับเธอสองประโยค จากนั้น ทั้งสองเดินไปอีกด้านหนึ่ง

ก่อนจากไป หลินเยวเอ๋อร์หันหน้ามาและจ้องที่เธอด้วยสายตา

ที่เย็นชา

เฉียวฉีรู้สึกได้ แต่ไม่ได้ตอบสนอง

ไม่ว่าในกรณีใด ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลินเยว่เอ๋อร์ก็ดู จะเป็นศัตรูกันมากกว่าเป็นเพื่อน ซึ่งนั่นก็เป็นทางที่เธอเลือกเอง และหล่อนก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพูดอะไรได้

หลังจากที่ทั้งสี่แยกกัน เฉียวฉีก็จ่ายเงิน และเดินออกไปพร้อม

กับหิ้วถุงเสื้อผ้า

เดินไปครึ่งทาง ก็สังเกตเห็นว่าเสี่ยวเยวที่อยู่ข้างๆ เธอ มี สีหน้าผิดปกติไป
เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และถามด้วยความกังวล “เธอเป็น อะไรไป? ทำไมสีหน้าดูแย่จัง

เสี่ยวเยวหันไปมองเธอ และยิ้มแบบผื่นๆ “ฉันสบายดีค่ะ”

เมื่อเฉียวได้ยินดังนั้น ไม่เพียงแต่เธอจะไม่รู้สึกโล่งใจแล้ว แต่ยังขมวดคิ้วเพิ่มด้วย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ