วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 579 ได้เบาะแส



บทที่ 579 ได้เบาะแส

ทุกครั้งที่เธอเข้าใกล้ลู่วิ่งเซิน ลู่วิ่งเซินมักจะรู้สึกเหมือนโดน เสน่ห์ของเธอยั่วยวน

เมื่อคิดดูแล้วเขายื่นมือออกไปโอบเอวเธอไว้แล้วกอดเธอ

“หนิงหนิง อย่าดูถูกความแข็งแรงของสามีคุณนะ” เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยและหัวเราะเสียงแหบพร่า

ความร้อนจากจมูกของเขากวาดไปทั่วแก้มขาวของเธอ ทำให้เกิดลมหายใจที่คลุมเครือ

และไม่รู้ด้วยเหตุใด เห็นชัดๆ ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย เพียง แค่พูดแค่นี้จึงหนิงกลับหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ใบหน้าที่บอบบางอมชมพูนั้นราวกับแสงพระอาทิตย์ที่ลอย

อยู่ในชั้นเมฆสีขาวซึ่งสวยงามและทำให้ใจเต้น

ลู่วิ่งเซ็นยิ้มและก้มหน้าลงมาและจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากเธอ จิ่งหนิงตัวแข็งและรู้สึกครึ่งหนึ่งของร่างกายของเธอชาไป

เล็กน้อย

ก่อนที่เขาจะเขยิบไปขั้นต่อไปเธอรีบรวบรวมสติที่มีและหยุด เขาไว้ก่อน

“อย่า….ในบ้านมีคนอยู่ค่ะ!”
ถึงจะไม่สนใจคนรับใช้แต่ก็ยังมีเด็กน้อยอีกสองคนนะ

ถึงแม้ว่าเด็กๆ จะเข้านอนแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะตื่น ขึ้นมาเมื่อไหร่?

ลู่วิ่งเซินเข้าใจในเรื่องนี้อย่างชัดเจนนอกเหนือจากแอบด่า ก้างขวางคอในใจอย่างเงียบ ๆ เขาก้มลงและอุ้มจิ่งหนึ่งจากด้าน ช้าง

จิ่งหนิงตกใจกับสิ่งที่เขาทำอย่างทันใดและจับคอเสื้อเขา แน่นอย่างไม่ทันตั้งตัวแล้วร้อง: ลู่วิ่งเซิน คุณทำอะไรน่ะ?”

ชายหนุ่มหัวเราะเสียงแหบพร่า “พิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมแรง

จิ่งหนิง: “.….”

เช้าวันต่อมาเมื่อเธอตื่นก็เกือบจะสิบโมงเช้าแล้ว

จึงหนิงลุกขึ้นนั่งด้วยความงัวเงียเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ และดูเวลาก็ต้องสะดุ้ง

แม่เจ้า ทำไมสายแบบนี้?

เธอจำได้ว่าวันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ ไม่ง่ายที่เธอจะหาเวลา ว่าง เธอสัญญากับอานอานว่าวันนี้ช่วงเช้าจะพาเธอไปดู นิทรรศการภาพวาดเด็ก

ตอนนี้สิบโมงแล้วไม่รู้ว่าถ้ารีบไปจะยังทันอยู่ไหม ถ้าหากว่าไม่ทันจะเป็นการผิดสัญญาที่ให้กับอานอ่านหรือเปล่านะ?

ฮือ ๆ ๆ ๆ ต้องโทษผู้ชายคนนั้น

จิ่งหงอดไม่ได้ที่จะด่าลู่จิ้งเซินเสียเละไม่มีชิ้นดี และเมื่อหัน กลับมาคิดให้ดีก็พบว่าลู่จึงเป็นไม่ได้อยู่ในห้องตั้งนานแล้ว เมื่อคิดว่าวันนี้เขาต้องนั่งเครื่องบินไฟล์ทหกโมงเช้าก็คง

ออกไปแต่เช้าแล้ว

เธอนั่งลงบนเตียงอย่างหดหูอีกครั้งและหลังจากที่เธอคลาย อาการเจ็บเอวลงเล็กน้อยเธอก็ไปห้องน้ำเพื่อล้างตัว กว่าจะเสร็จก็ผ่านไปแล้วสิบห้านาที

จิ่งหนิงได้บีบอัดเวลาของเธอให้มากที่สุดเพื่อให้การกระทำ ของเธอเร็วขึ้น

เธอไม่อยากทำให้อานอานต้องผิดหวังและยิ่งไม่อยากเป็น

ผู้ใหญ่ที่ไม่รักษาค่าพูด

ดังนั้นพอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอก็รีบลงไปข้างล่าง

พอลงไปก็เจออานอานนั่งเป็นเด็กดีอยู่ที่โซฟาและดูการ์ตูน อยู่ ส่วนพี่เลี้ยงก็อุ้มจิ้งจื่อน้อยและเล่นอยู่ที่โซนของเล่นข้างๆ

เธอรีบเดินเข้าไปแล้วกอดอานอานด้วยใบหน้าเศร้าและพูด ว่า “อานอาน หม่ามี้ขอโทษนะลูก หม่ามี้ตื่นสาย

อานอานเงยหน้ามองเธอ ดวงตากลมโตฉลาดเฉลียวของ เธอกะพริบสองสามครั้งพร้อมกับหรี่และขนตาทั้งสองข้างหนาและแน่นเหมือนพัดโค้งขนาดเล็กสองอัน

เธอพูดเสียงสดใส: “หม่ามีพูดอะไรคะ หม่ามีไม่ได้สายนะ”

จิ่งหนิงอึ้ง

อานอานยนตัวเข้างานนิทรรศการในมือให้เธอ

“หม่ามี้ งานนิทรรศการเปลี่ยนเวลาแล้วค่ะ เดิมที่ปิดเที่ยง แต่ตอนนี้ขยายเวลาถึงหกโมงเย็น ดังนั้นต่อให้เรากินข้าวเที่ยง กันแล้วค่อยไปก็ยังทันค่ะ”

จิ่งหนิงแปลกใจเล็กน้อยหยิบตัวอ่านซ้ายขวาขึ้นลงและลง อีกครั้งอย่างละเอียดและระบุจริงๆ ว่าเวลา 8.00 น. ถึง 18.00 น

เอ๋ ไม่ใช่นะ?

เธอหันกลับไปแล้วหยิบตัวที่เตรียมไว้ก่อนหน้าจากกระเป๋า

ของตัวเอง

หน้าบัตรเขียนอยู่ชัดๆ ว่า 8.00 น. ถึง 12.00 น.

เกิดอะไรขึ้น?

เธอหยิบบัตรของอานอานขึ้นมาดูอีกครั้งและพบว่าบัตรทั้ง สองใบเหมือนกันทุกอย่างยกเว้นเวลา

เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วถาม: “อานอาน บัตรนี้ใครให้

หนูจ๊ะ?”

อานอานตอบอย่างจริงจัง “แด๊ดดี้ให้หนูก่อนออกจากบ้านค่ะ ยังบอกอีกว่าไม่ให้หนูไปปลุกหม่าม เมื่อคืนหม่ามเหนื่อยมาก ตอนนี้ต้องพักผ่อน”

จิ่งหนิง: “…”

ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

ตานั่นเป็นคนทำทั้งหมดนี้

เมื่อคืนนี้เขากวนเธอทั้งคืน จึงกลัวว่าวันนี้เธอจะกล่าวโทษ ตนเอง ดังนั้นหาเส้นสายให้คนปรับเวลาปิดงานนิทรรศการ เพื่อ จะได้ให้เธอจะได้ไปงานนิทรรศการเป็นเพื่อนอ่านอ่านได้โดยไม่ เสียเวลา

เขารู้ว่าตนให้ความสำคัญกับข้อตกลงระหว่างตัวเองและ อานอานมาโดยตลอด หากเขาทำให้ต้องเสียเรื่องแล้วต้องผิด เวลานัดกับอานอาน ตนจะต้องโกรธแน่ สุดท้ายก็พาลไปถึงเขา ด้วย

ดังนั้นเขาเลยเตรียมการไว้ก่อน ขอเพียงไม่เสียเวลาของ งานนิทรรศการเธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะโกรธเขาแล้ว

นี่มัน…เจ้าเล่ห์เพทุบายจริงๆ

จึงหนิงโกรธจนปวดหัว แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เฝ้ารอของอาน อานก็ไม่อาจจะพูดความจริงได้

สุดท้ายทำได้เพียงพูดอย่างจนใจ “ในเมื่อช่วงบ่ายก็ไปได้ งั้นเรากินข้าวเที่ยงที่บ้านก่อนแล้วไปช่วยบ่ายเถอะนะ”
อานอานพยักหน้าเห็นด้วย

จิ่งหนิงเห็นอย่างนั้นจึงไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้นแล้วกลับขึ้นไป พักผ่อนต่อข้างบน

ดีที่ลู่จิ่งเซินจัดการให้คนขยายเวลาปิดนิทรรศการ ดังนั้นถึง แม้จะมีเหตุให้คลาดเคลื่อนเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ออกมาดี

เธอกำลังเตรียมตัวจะพักผ่อน ในตอนนั้นเองก็มีโทรศัพท์

โทรเข้ามา

จิ่งหนึ่งที่กำลังจะหลับแล้ว พอโทรศัพท์ดังเธอก็ตื่น เธอรีบคล้าหาโทรศัพท์และมองดูก็พบว่าเป็นสายจาก

ประเทศ F

ทันใดนั้นเธอก็ดูจริงจังอาการง่วงในหายไปทันที สมองของ เธอตื่นขึ้นมาทันทีแล้วลุกขึ้นนั่ง

เธอรับสายแล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างหูเธอถามเสียงขรึม “มี ข่าวไหม?”

ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงเย็นชา

“ค่ะ แต่ฉันไม่ค่อยสะดวกจะพูดทางโทรศัพท์ ฉันได้ส่งข้อมูล ที่ระบุโดยวิธีพิเศษไปยังเมลบ็อกซ์ที่คุณให้ฉันครั้งล่าสุดคุณ สามารถตรวจสอบได้

จิ่งหนึ่งพยักหน้า “ดี ฉันรู้แล้ว”

หลังจากวางสายเธอรีบเปิดเมลบ๊อกซ์ก็พบเมลที่ไม่ระบุตัว
เพื่อรักษาความลับ เมลบ๊อกซ์ได้ผ่านกระบวนการเข้ารหัส

ซับซ้อนมาก

ดีที่ก่อนหน้านี้จึงหนิงเคยเรียนเรื่องนี้มา ดังนั้นจึงแกะได้และนับว่าไม่ยากมาก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ