วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 970 คุยข้อตกลง



บทที่ 970 คุยข้อตกลง

ลู่หลินจือก็ตกตะลึง มองสีหน้าจิ้งหนึ่งอย่างระมัดระวัง พบว่า สีหน้าเธอแปลกๆ ในใจก็พอจะเข้าใจว่ามีเรื่องเกิดขึ้นจริงๆ ดังนั้นจึงโบกมือ ให้พนักงานเหล่านั้นถอยไป

จากนั้นก็ทำหน้ายิ้มประจบสอพลอ ยิ้มชอบใจถามขึ้น “หนึ่ง หนิง เรื่องอะไรเหรอ?”

จิ่งหนิงหยิบจี้หยกชิ้นนั้นออกมาจากกระเป๋า มองเธออย่าง จริงจัง “คุณน้า จี้หยกชิ้นนี้ คุณได้มาจากที่ไหน?”

ลู่หลินจืออึ้ง มองจี้หยกในมือเธอ รู้สึกขาดความมั่นใจ โดย ไม่รู้ตัว

สายตาเธอระยิบระยับ “จี้หยกเหรอ…….ฉันจะเอามาจากไหน ได้ล่ะ? ก็ซื้อมาจากช็อปเคาน์เตอร์น่ะสิ แต่เป็นจี้หยกที่ฉันให้อาน อานนะ ทำไมมาอยู่ในมือเธอ?”

ขณะที่พูด ก็จะยื่นมือไปแย่งจี้หยก แต่ถูกวิ่งหนึ่งหลบได้อย่าง ว่องไว

จิ่งหนิงก็ไม่อยากคุยกับเธอมากนัก จึงพูดเข้าประเด็นทันที

“คุณซื้อมาจากช็อปเคาน์เตอร์ไหน พาฉันไปดูหน่อย ลู่หลันจือได้ยินดังนั้น ก็ตระหนักอะไรขึ้นได้ สีหน้าก็มืดลงทันที เธอจ้องมองจิ่งหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์
“ทําไม? นี่เธอหมายความว่าไง? นี่เธอสงสัยฉันเหรอ จี้หยกที่ ฉันซื้อมาจากช็อปเคาน์เตอร์ไหนมันเกี่ยวอะไรกับเธอ? อีกอย่าง ฉันมอบให้อานอานไม่ได้มอบให้เธอสักหน่อย เธออย่าคิดนะว่า เป็นแม่ของหล่อนแล้วจะหยิบของของหล่อนได้ตามใจชอบ ฉันจะ บอกเธอให้ว่านิสัยแบบนี้มันไม่ดี

จิ้งหนึ่งเม้มปากแน่น มองเธออยู่ ไม่พูดอะไร

ลู่หลันจือพูดต่อ “เฮ้อ ฉันไม่ได้ว่าเธอนะ เธอรีบร้อนมาหาฉัน แบบนี้ ฉันนึกว่าเกิดเรื่องใหญ่โต สุดท้ายก็แค่จี้หยกอันหนึ่ง ถ้า เธอชอบจี้หยก เธอก็ไปซื้อเองจะมาถามฉันทำไม? ฉันไม่ได้ มีหน้าที่ช่วยเธอสอบถามเรื่องพวกนี้สักหน่อย

รอเธอบ่นจนจบแล้ว จึงหนิงถึงได้พูดเสียงเข้ม “นี่มันเป็นของ ของแม่ฉัน”

ในใจลู่หลินจือดัง “ตึกตัก”

หันศีรษะไปมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ

จึงหนิงกลัวว่าเธอได้ยินไม่ชัด จึงพูดอีกรอบ

“นี่มันเป็นของของแม่ฉัน ตัวอักษรที่สลักบนนี้ เป็นตัวอักษร พิเศษของแม่ฉัน มีแค่เธอเท่านั้นที่มี ดังนั้นคุณน้ารบกวนบอกฉัน ของชิ้นนี้คุณได้มาจากที่ไหน? ถึงจะซื้อมา ก็ได้โปรดบอกฉันว่า ซื้อมาจากที่ไหน ได้ไหมคะ?”

ลู่หลินจือตอบสนอง ในที่สุด สีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นก็รู้สึกขเล็กน้อย
“ม……แม่ของเธอตายไปหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ? จะเป็นของ ของแม่เธอได้ยังไง…….

ขณะที่เธอพูด ยิ่งพูดก็ยิ่งขาดความมั่นใจ

ก็ไม่รู้นึกถึงอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นสีหน้าก็กลายเป็นแชนิด หน่อย

วิ่งหนึ่งมองเธออย่างเงียบๆ อยู่ตลอด

ผ่านไปสักพัก ลู่หลินจือก็ทนการจ้องมองเธอไม่ไหว โบกมือ พูดขึ้นอย่างรำคาญ “เอาล่ะๆ ฉันบอกเธอก็ได้ จี้หยกชิ้นนี้ไม่ได้ ซือมา ฉันเก็บได้

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว “เก็บได้? เก็บได้ที่ไหน?

หลัน อยู่ปากอย่างไม่พอใจ “เก็บได้ที่สถานที่จัดงานพนัน หินแห่งหนึ่งน่ะ ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าฉันออกไปข้างนอก เก็บจี้หยก มามั่วๆ แล้วมันจะเป็นของแม่เธอน่ะ จะว่าไปแล้วฉันโชคนี่ก็โชค ร้ายจริงๆ”

ขณะที่เธอพูด ก็กลอกตาอย่างอดไม่ได้

จิ่งหนิงก็จับประเด็นสำคัญในคำพูดเธอได้อย่างมีไหวพริบ “สถานที่จัดงานพนันหิน? สถานที่จัดงานพนันหินที่ไหน?

ลู่หลันจือพูดได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ ก็ชะงักไป จากนั้นก็เหมือนนึก อะไรบางอย่าง ดวงตาก็เป็นประกาย
เธอก็ถูมืออย่างตื่นเต้น “คือ หนิงหนึ่งว่า เรามาคุยกันเถอะ”

จิ่งหนิงเก็บจี้หยก โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน “ว่ามาค่ะ”

“ก่อนหน้านี้ฉันบอกเรื่องการลงทุนเหมืองอัญมณีกับเธอไม่ใช่ เหรอ จริงๆ แล้ว จี้หยกชิ้นนี้ที่ฉันเก็บได้คราวนี้น่ะ ก็เก็บได้จาก สมาคมพนันหินของเจ้าของแร่ที่ฉันอยากร่วมมือด้วยนั่นแหละ ไม่งั้นเอาแบบนี้ไหม เธอไปที่นั่นเป็นเพื่อนฉันหน่อย คุยเรื่องการ ร่วมมือกับเจ้าของท่านนั้น ฉันก็พาเธอไปดูได้พอดีเลย สถานที่ที่ ฉันเก็บจี้หยกได้นะ เธอคิดว่าไง?”

ตอนนี้วิ่งหนึ่งถือว่าเข้าใจแล้ว แน่นอนว่าหลันคือกลัวเธอไม่ ตกลงเรื่องยืมเงิน อยากใช้โอกาสนี้บรรลุการทำข้อตกลงกับเธอ

เธอหลุดขำอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านี้เพราะเธอคุยกับลู่จึงเชิ นรู้เรื่องแล้วว่าจะยินยอมสนับสนุนหลักคือ

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ได้ปฏิเสธ “ได้ค่ะ แต่ฉันมีหนึ่งเงื่อนไข ลู่หลินจือตกตะลึง “เงื่อนไขอะไร?”

“ฉันไปพบเจ้าของอัญมณีท่านนั้นกับคุณได้ แต่ตกลงกันก่อน ถ้าผ่านการตรวจสอบแล้วว่าแต่ครั้งนี้มันคุ้มค่าที่จะลงทุนจริงๆ เงินก้อนนี้ถือว่าเป็นการลงทุนของเรา ไม่ใช่เงินที่ให้คุณยืม คุณ เองก็สามารถออกเงินลงทุนเองได้ ถึงเราจะมีสายเลือดเดียวกันก็ ต้องตกลงเรื่องเงินให้ชัดเจน ว่าไงคะ?”

ลู่หลินจืออึ้งอยู่ตรงนั้น ไม่คิดเลยว่าเธอจะพูดประโยคนี้ออก มาจริงๆ
สีหน้าเธอเปลี่ยนไป ค่อนข้างกระวนกระวายและหงุดหงิด

“จิ่งหนิง! เธอทำแบบนี้ได้ยังไง? เธอกับจิ้งเซินขาดเงินขนาด นั้นเลยเหรอ? แม้แต่น้าของเธอเนื้อยุงแค่นี้ก็ไม่ปล่อยไปเหรอ?”

จิ่งหนิงยืนขึ้นมา

“จะเป็นเนื้อหรือบ่อโคลน ตอนนี้ยังไม่รู้นะคะ คุณน้า เงินพันห้า ร้อยล้านไม่ใช่เงินนิดเดียว คุณแน่ใจเหรอว่าถ้าปล่อยให้คุณ ลงทุนคนเดียว คุณจะควบคุมการลงทุนขนาดนี้ได้?”

สีหน้าลู่หลินจือเปลี่ยนไปอีกครั้ง สุดท้ายก็พ่ายแพ้

“งั้นเธอก็ให้ฉันยืมอีกร้อยล้าน ฉันลงทุนห้าร้อยล้าน เธอสอง คนลงทุนพันล้าน”

จิ่งหนิงไม่ลังเล “ได้ค่ะ ตกลง!”

หลังจากตกลงเรียบร้อย เธอก็ยกข้อมือขึ้นดูเวลา

“คุณจะเสริมสวยเสร็จเมื่อไรคะ?”

ลู่หลินจือฉีกแผ่นพอกหน้าบนหน้าออกอย่างไม่สบอารมณ์

“ฉันอารมณ์เสียเพราะเธอหมดแล้ว จะทำอีกทำไม? ตอนนี้ฉัน จะพาเธอไปเจอเจ้านายหยู โอเคไหม?”

จิ่งหนิงกระตุกปาก “งั้นรบกวนคุณน้าด้วยนะคะ”

รอให้ลู่หลินจือเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เก็บของ ทั้งสองออกไปข้างนอกพร้อมกัน
พนักงานที่รออยู่ด้านนอกตลอดเวลา เห็นพวกเธอจู่ๆ ก็ออก มา เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วด้วย ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจมาก

“คุณลู่ นี่คุณจะไปแล้วเหรอคะ? คุณไม่พอใจกับการบริการ ของเราก่อนหน้านี้เหรอคะ?”

ลู่หลินจือกลอกตาอย่างช่วยไม่ได้

“ไม่ใช่ไม่พอใจพวกเธอ แต่ฉันมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ เอาล่ะ ฉันจะเปิดบัตร คราวหน้าค่อยมาใหม่

ขณะที่เธอพูด ก็เดินบิดตัวออกไปกับจิ่งหนึ่ง

ขึ้นรถมาแล้ว ลู่หลันลือบอกสถานที่ ซึ่งหนึ่งก็ขับรถพาเธอตรง ไปที่สถานที่จัดงานพนันหินด้วยกัน

และในเวลานี้ ภายในสถานที่จัดงานพนันหิน พนันหินก็ยังคง

ดำเนินต่อไป

หลังจากไม่ไฉ่เวยและเซวซูปรึกษากับเจ้านายหยูเรียบร้อย แล้ว ก็กลับไปที่คฤหาสน์ด้านหลัง เจ้านายหยูต้องดูธุรกิจ แน่นอนว่าออกไปไม่ได้

ในตอนนี้ ก็มีคนตัดออกมาได้หยกชั้นดีพอดีเลย ทุกคนกำลัง ล้อมอยู่ด้านหน้าการตัดหิน กำลังดูกันอย่างครึกครื้นเลยล่ะ

เจ้านายหยูเป็นคนที่เข้าได้กับทุกฝ่าย ถึงแม้ตาจะจ้องมองมีด ตัดหินนั้นอยู่ แต่หางตาก็สังเกตที่ประตูทางเข้าตลอดเวลา

ถ้าหากมีลูกค้ารายใหญ่มาจริงๆ แน่นอนว่าเขาต้องไปทักทายทันที

ในขณะนี้ ร่างคุ้นเคยร่างหนึ่งก็เข้ามาในสายตาทันที

เขาตกตะลึงเล็กน้อย รู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้ม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ