วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 647 เจอกันที่ห้างสรรพสินค้าโดยบังเอิญ



บทที่ 647 เจอกันที่ห้างสรรพสินค้าโดยบังเอิญ

เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ เสื้อผ้าในบ้านพวกนั้นท่านซื้อ ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว มันตกเทรนด์ไปตั้งนานแล้ว อีกอย่าง หลาย วันก่อนที่บ้านใครบ่นทุกวันว่าเสื้อผ้าไม่สวย ไม่มีเสื้อใหม่ใส่ เลย”

เมื่อแม่ถังได้ยิน ก็รู้สึกเขินเล็กน้อยจนอดที่จะหน้าแดงไม่ได้ หลายวันก่อน ตอนที่เธอเก็บสัมภาระเตรียมตัวออกจากโรง พยาบาลเพื่อกลับบ้าน เคยพูดเช่นนี้จริงๆ

บอกว่าเห็นน้าหลี่ นอนโรงพยาบาลเตียงข้างกัน แต่งตัวสวย ทุกวัน เธอรู้สึกว่าตัวเองใส่ธรรมดาเกินไป จนทำให้ดูแกไปเลย

เธอหมายความว่า ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ถังลั่วเหยาคือดาราดัง

คนหนึ่ง เธอที่เป็นแม่คนนี้ จะใส่เสื้อผ้าปอนๆไม่ได้

ไม่อย่างนั้น ต่อไปถ้าออกไปข้างนอก จะทำให้ลูกสาวขายหน้า ได้

ให้คนนินทาว่า ลูกสาวระดับนี้แล้ว ทำไมคนเป็นแม่ยังใส่เสื้อ ผ้าปอนๆเช่นนี้

ดังนั้น ตอนนั้นเธอถึงพูดว่า อยากจะไปซื้อเสื้อผ้า แต่ก็ไม่คิดว่า เสื้อผ้าในตอนนี้จะขายแพงเช่นนี้ แม่ถังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ถังลั่วเหยาจะพาเธอมาห้างสรรพสินค้าระดับสูงเช่นนี้

เนื่องจากปัญหาสุขภาพร่างกาย และก็เพราะการพัวพันของ เหอ อ ในหลายปีมานี้ เธอไม่ได้ออกมาเดินช้อปปิ้งนานมาก แล้วจริงๆ

ดังนั้น เกี่ยวกับสถานการณ์ข้างนอกพวกนี้ เหมือนขาดหายไป

จากชีวิตของเธอช่วงหนึ่งอย่างไม่รู้จักดีพอ

แม่ถังมองดูร้านค้าที่ประดับประดาอย่างวิจิตรตระการตาและ สินค้าที่เต็มร้านค้าด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย

เธอลดเสียงต่ำลงอย่างลำบากใจแล้วกล่าวเสียงเบากับถังลั่ว เหยาว่า “ของพวกนี้แพงเกินไปแล้ว รู้สึกว่าซื้อแล้วไม่คุ้ม เมื่อถึง ลั่วเหยาได้ยินเช่นนั้น ก็เม้มริมฝีปากและยิ้ม

เธออธิบายอย่างใจเย็นว่า “แม่ พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ถึงแม้ราคา ของพวกนี้จะแพงไปนิด แต่ก็มีเหตุผลของความแพงของมันใน ตัวอยู่”

เธอชี้ไปที่ร้านค้าที่ดูแล้วสไตล์ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่กว่า แล้ว กล่าวว่า “อย่างเช่นร้านนี้ ท่านดูนะ เสื้อผ้าทุกตัว ล้วนสั่งตัด พิเศษ และก็หมายถึงว่า เมื่อท่านใส่ออกไปแล้ว จะไม่ชนกับเสื้อ ของคนอื่น”

“จากนั้นก็เรื่องการออกแบบและงานฝีมือของมัน ท่านรู้ไหม ดีไซเนอร์ของร้านนี้คือเอมีดีไซเนอร์ชั้นนำระดับโลก กว่าจะ ฝึกฝนดีไซเนอร์ออกมาได้คนหนึ่ง จะต้องใช้ความพยายามเป็น เวลาหลายสิบปี
“ความพยายามหลายสิบปี ถึงจะได้ดีไซเนอร์ออกมาคนหนึ่ง เขาออกแบบเองกับมือ แล้วตัดเย็บเสื้อผ้ากับมือเอง ขายหลาย หมื่นหรือแสนกว่า ก็สมเหตุสมผลมากไม่ใช่หรือ ”

“อีกอย่างหากท่านสังเกตดูดีๆ ก็จะเห็นไข่มุกบนนั้น ซึ่งล้วน เป็นงานเย็บด้วยฝีมืออย่างประณีต จากจุดนี้ ก็เพียงพอสำหรับ การอธิบายว่าชุดนี้มีค่ามากแล้ว ”

ก่อนหน้านั้น แม่ถึงสังเกตเห็นแค่ราคา แต่กลับไม่ได้สังเกตดู พวกนี้

ตอนนี้พอถึงลั่วเหยาอธิบายแบบนี้ บวกกับตั้งใจดูอีกครั้ง ก็ รู้สึกว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ

ในที่สุด แม่ถึงก็พูดออกมาอย่างเจ็บปวดเล็กน้อยว่า “ถ้าอย่าง

เรามาดูกันใหม่”

ถังลั่วเหยายิ้มพยักหน้า

นั้น

“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันอีกครั้ง ท่านเห็นตัวไหนที่ถูกใจ เราค่อยว่ากัน ”

เมื่อตกลงกันแล้ว ทั้งสองก็เดินช้อปปิ้งกันต่อ ยังดีที่คำอธิบายของถังลั่วเหยาเมื่อกี้นี้น่าจะเข้าหูเธอแล้วจริง

ดังนั้นช่วงหลังที่เดินช้อปปิ้งกัน แม่ถุงกลับไม่ต่อต้านว่าแพง เกินไปเหมือนที่แรก

ในที่สุด ก็ซื้อเสื้อโค้ตสองตัวกับชุดกระโปรงสีพื้นหนึ่งชุด จึงจากไปพึงพอใจ

ตอนออกจากห้างสรรพสินค้า เป็นเวลาบ่ายสี่เย็นเอง

กว่าเพิ่งจะงานโมงแล้วมา ยังเวลาอีกสองชั่วโมง ทั้งสองอยากเดินช้อปปิ้งอีกแล้ว เลยตัดสินใจนั่งร้านกาแฟบริเวณใกล้เคียง รอเขา

เมื่อถึงร้านกาแฟ ลั่วเหยาสั่งกาแฟสองแก้ว และลงตำแหน่งบน สอง

หลังจากนั่งลงและกันสองสามก็เห็นร่างคุ้นเคย กำลังเดินทางนี้

วันยิงหลานสาวซึ่งเป็นของ

ช้อปปิ้ง

และกาแฟใกล้เคียงนั่ง ลงพักผ่อนสักครู่ คิดจะได้เจอพวกเขา

เมื่อสองคนเจอกัน บรรยากาศอึมครึมมาก สีหน้ากูเย็นชาลงทันทีทันใดอย่างเห็นได้ชัด ถังลั่วเหยาเม้มริมฝีปาก ก็รู้ควรพูดอะไรแต่เมื่อเจอกันดังนั้น จึงกลั้นใจยืนแล้วกล่าวเฟิง ช่างบังเอิญ
ในทีแรกแม่ยังยังจำไม่ได้ว่าเป็นใคร

ไม่ว่าอย่างไร เวลาผ่านมานานเช่นนี้ ตอนเห็นตู้กูยิงแวบแรก เธอรู้สึกแค่ว่าคนคนนี้หน้าคุ้นมาก

เมื่อได้ยินถังลั่วเหยาเรียก ถึงนึกขึ้นมาได้

และลุกขึ้นตามด้วยความประหลาดใจและดีใจ แล้วกล่าวอ ย่างประหลาดใจว่า “คนนี้คือ คุณนายน้อยเฟิงหรือ

เพราะว่าเดิมทีตอนที่ครอบครัวถังยังอยู่ในเมืองหลวง คุณ

ท่านเฟิงและคุณนายใหญ่ยังอยู่

ส่วนกูยิงที่เป็นภรรยาของเฟิงสิ่งลัง ถูกเรียกว่าเป็นคุณนาย น้อยของตระกูลเฟิงเสมอ

แต่สิ่งที่แม่ถังมองข้ามไปคือ ระยะห่างจากตอนนั้น ตอนนี้ได้

ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว

คุณนายน้อยในตอนนั้น ตอนนี้ได้กลายเป็นนายหญิงผู้ดูแล ตระกูลเฟิงอย่างแท้จริงแล้ว เมื่อคนนอกเห็นเธออีกครั้ง ล้วน เรียกเธออย่างสุภาพว่าคุณนายเฟิง มีคำว่า “น้อยเพิ่มกันที่ไหน

ดังนั้น ทันทีที่ถูกยิงได้ยินคำเรียกเช่นนี้ สีหน้าซีดลงทันที และ ยิ่งดูไม่ดีไปใหญ่

“ที่แท้ก็พวกเธอนี่เอง ไม่ได้เจอคุณนายถังมาสิบกว่าปีเห็นจะ ได้ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม ”

บนใบหน้าเธอเปื้อนด้วยรอยยิ้มจางๆ ท่าทีกลับโอ้อวดและห่างเหิน

แม่ถังถูกท่าทางกดขี่ข่มเหงของเธอ ทำให้รู้สึกอับอายเล็ก น้อย

ฝืนยิ้มแล้วตอบว่า “สบายดีค่ะ ไม่ได้เจอกันสิบกว่าปี คุณนาย น้อยเพิ่งยิ่งอยู่ยิ่งสวยขึ้น หากไม่ใช่เราเคยรู้จักมาก่อน ถ้าเจอกัน ครั้งแรก ฉันคงคิดว่าเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบกว่าปีแน่เลย ”

ไม่ว่าอย่างไร ขอประจบสอพลอเข้าไว้ก่อน

ถึงแม้แม่ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมท่าที่ถูกยิงถึงดูไม่พอใจเช่นนั้น

แต่ลูกของทั้งสองครอบครัวก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว พูดไปแล้วก็ ถือว่าเกี่ยวดองเป็นญาติกันแล้ว

ทำให้ความสัมพันธ์บาดหมางเกินไปจะไม่ค่อยดี ดังนั้นหากจะ

พูดคำดีๆสองสามคำเพื่อทำให้กูยิ่งมีความสุข เธอก็ยินดีที่จะ

พูดด้วย

เพราะว่าก่อนหน้านั้นก็เคยพูดแล้วว่า จะไม่ยุ่งเรื่องระหว่าง พวกเขาหนุ่มสาวสองคนอีก

จนถึงตอนนี้ แม่ถึงก็ยังไม่เคยถาม เกี่ยวกับปัญหาทัศนคติของ ทางตระกูลเฟิงต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง

ไม่ว่าอย่างไรเมื่อก่อนเคยตามพ่อถังไปอยู่ตระกูลเฟิงอยู่ช่วง หนึ่ง

เธอรู้ดีว่ากูยิงคนนี้บางครั้งจะค่อนข้างเจ้าอารมณ์เล็กน้อยแต่จะบอกว่าเป็นคนไม่ดี กลับไม่ใช่

และก็เป็นเพราะเช่นนี้ เธอถึงวางใจให้ถังลั่วเหยากับเฟิงอยู่ ด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตระกูลเฟิงจะเป็นตระกูลผู้สูงศักดิ์ แต่ ลูกสาวเธอก็ไม่ได้แย่

ถ่ายละครมามากเช่นนี้ ความนิยมสูงเช่นนี้ รายได้ก็ไม่เลว และรักนวลสงวนตัวแล้วยังสวยด้วย

ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ดีเลิศมากแล้วไม่ใช่หรือ

กลับไม่รู้ว่า ความดีในสายตาแม่ถังพวกนี้ ในสายตาของบาง คน ที่จริงแล้วเป็นเพียงนักแสดงที่ไม่อาจพาออกมาโชว์ได้ก็ เท่านั้นเอง

เมื่อกูยิงได้ยินคำพูดของแม่ถัง อารมณ์หงุดหงิดในทีแรก

กลับมีความสุขขึ้นเล็กน้อยจริงๆ

แต่เมื่อเห็นใบหน้าของถังลั่วเหยา ก็นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงตรง หน้าคนนี้ แย่งลูกชายไปจากเธอ

นอกจากนี้ยังทำให้เธอต้องทำข้อตกลงที่ไร้สาระเพื่อพนันกับ ลูกชายของเธอแบบนั้น ก็อารมณ์ขึ้นทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ