วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 996 ขอความช่วยเหลือ



บทที่ 996 ขอความช่วยเหลือ

คำพูดของเขานั้น ทำให้ทุกคนเงียบลง

สีหน้าของกู้ซือเฉียนดูแย่มาก

ในความเป็นจริงของก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าจะตอบตกลงหนาน กงจีนแล้ว ว่าจะหาแผ่นหยกคัมภ์สวรรค์แทนเขา เพื่อมาแลกกับ การที่ยาที่ยับยั้งโรคของเฉียวได้

แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้อย่างสมบูรณ์ และมองหาวิธีอื่นที่จะช่วย

เธออยู่เสมออยู่เสมอ

แต่ว่าตอนนี้ เขาได้ทำลายความหวังสุดท้ายของเขาแล้ว

จนถึงตอนนี้เขาถึงจะตระหนักได้ว่า โรคของเฉียวนั้นไม่ ธรรมดา

กู้ซื้อเฉียนมีสีหน้าที่หนักใจพร้อมกับถามว่า “คุณเชว คุณ ทราบแหล่งที่มาของเซลล์ชนิดนี้ไหม? ”

ในใจของเขาคิดว่า ถ้าหากพอทราบแหล่งที่มาแล้ว อาจจะ

สามารถหาวิธีรักษาก็ได้

แต่แล้ว เซวกลับพยักหน้า

“ถ้าอยากรู้แหล่งที่มา ก็ควรไปถามคนของตระกูลหนาน นี่เป็น โรคทางพันธุกรรมของตระกูลหนานพวกเขา ตราบใดที่พวกเขา มีเลือดเนื้อของตระกูลนี้อยู่ ก็ต้องมีโรคนี้แน่นอน ถ้าจะสืบแหล่งที่มา กลัวว่าต้องสืบย้อนกลับไปเรื่องเมื่อนานมาแล้ว

ในขณะที่เขาพูดอยู่ ก็ได้ถอนหายใจอีกครั้ง

กู้ซือเฉียนตกตะลึงครู่หนึ่ง แล้วค่อยพยักหน้า

“โอเค ผมเข้าใจแล้ว”

เขาหันกลับไปมองดูเฉียว ดวงตาของทั้งสองก็จ้องมองกัน ต่างคนต่างมองเห็นร่องรอยของความห่วงใยและอาลัยอาวรณ์ น

สิ่งที่กู้ซื้อเฉียนเป็นห่วงคือเฉียวต้องคอยทนกับความทรมาน และความเจ็บป่วยจากโรคนี้ตลอด แต่สิ่งที่เฉียวเป็นห่วงคือ เพราะเรื่องของเธอแล้วกู้ซื้อเฉียนได้ทำงานหนักเพื่อเธอ

เธอยิ้มเบาๆ

“คุณเชว ขอบคุณนะคะ พวกเรารับรู้แล้ว

เธอยืนขึ้น ในขณะที่กำลังพูดอยู่

ในใจลึกๆของจิ่งหนิงก็รู้สึกแย่เล็กน้อย และเดินไปหาเธอแล้ว จับมือเธอไว้

“อย่าเสียใจไปเลย มันก็ยังมีวิธีอยู่ไม่ใช่หรือ? อย่างมากสุดก็ แค่กินยา คุณดูหนานกงจีน แล้วคนในตระกูลหนานอีกมากมาย พวกเขาก็ใช้ชีวิตจนแก่เฒ่าก็ยังไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรือ? หนานกง จิ่นได้พูดแล้ว ว่าเพียงแค่กินยาตลอดเวลา ก็จะไม่เป็นอะไร

เฉียว พยักหน้า
ถึงแม้จะรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดจะเป็นเรื่องจริง แต่ยังไงก็ต้องยอมรับ ว่าตราบใดที่เฉียวฉียังต้องกินยา กู้ซื้อเฉียนและเธอจะ ถูก ควบคุม โดยคนอื่นเสมอ

กลัวว่าในอนาคตข้างหน้า ไม่ว่าหนานกงจีนจะพูดอะไร พวก เขาก็จะต้องทำอย่างนั้น

นี้เป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะเป็นชื่อเฉียนหรือจะเป็นเฉียว ก็ไม่

ต้องการเห็นสิ่งนี้แน่นอน

ในขณะนั้น ดวงตาของ สิ่งหนึ่งก็สว่างขึ้นในทันใด

“เอ๊ะ ว่าแต่ คุณอาเซว คุณผสมยาเป็นไหม? ” เชวซูเหลือบมองเธอ และถอนหายใจอย่างเย็นชา “แล้วคุณ คิดว่ายังไงล่ะ? ”

วิ่งหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้างั้นเอาอย่างนี้ไหม เฉียว ต้องการยาชนิดหนึ่งเพื่อดูแลรักษาสุขภาพไว้ แต่เพราะว่ายา ชนิดนี้มีแต่ตระกูลหนานเท่านั้นที่มี หากพวกเขาจำเป็นต้องกินยา จากคนในตระกูลหนานอยู่ตลอดล่ะก็ มันยากที่จะหลีกเลี่ยงจาก การถูกควบคุมโดยผู้อื่น ไม่ก็รบกวนคุณมาช่วยหน่อย ช่วยดูส่วน ผสมของยาตัวนี้ ถ้าจะให้ดีที่สุดคือสามารถผสมยาออกมาได้”

คำพูดเหล่านี้กลับทำให้เฉียวและกู้ซื้อเฉียนมีความคิดใหม่ ขึ้นมา

ทั้งสองคนมองดูเชวอย่างมีความหวัง

สีหน้าของเซวซูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
อันที่จริง ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งหนึ่งกับ ไม่ไฉ่เวยอยู่ เพียงเพราะรู้ว่าเธอเป็นคนในตระกูลหนาน เขาก็ไม่ อยากจะสนใจอะไรแล้ว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาก็ดูหนักหน่วงลงเล็กน้อย และ เขาถามเฉียวว่า : “ตราบใดที่พวกคุณช่วยคนในตระกูลนั้นอยู่ พวกเขาก็ต้องให้ยากับคุณเป็นเรื่องปกติ คุณจะมาขอร้องผมเพื่อ อะไร? ”

ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

เฉียว ตกตะลึง เธอไม่ได้โง่ ฟังออกทันทีว่าในคำพูดนั้นมีอีก ค่าซ่อนอยู่

เธอพูดด้วยความงุนงง “คุณเชวดูเหมือนจะมีความคิดเห็น มากมายเกี่ยวกับตระกูลหนาน ขอถามหน่อยว่าคุณกับพวกเขา เคยมีความขัดแย้งหรือปัญหาอะไรมาก่อนหรือเปล่า? ”

เชาเยาะเย้ย “ก็ไม่ถึงขั้นมีปัญหาอะไร แต่ผมไม่ชอบสไตล์ การกระทำของตระกูลหนานอย่างมาก ตระกูลที่เห็นชีวิตคนเป็น ของเล่น จะมีอะไรดีล่ะ? ”

ในที่สุดเฉียวฉีก็ฟังออก ที่แท้ก็เคยมีความขัดแย้งมาก่อน

เซวซูนั้นไม่รู้เรื่องพัวพันอะไรเกี่ยวกับเธอและตระกูลหนาน เพียงแค่เห็นว่าเธอมีโรคชนิดนี้ ก็ตัดสินใจทันทีว่าเธอนั้นเป็นคน ของตระกูลหนาน

เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “คุณเชว ดูเหมือนว่าคุณจะเข้าใจอะไรผิดแล้ว ถึงในเลือดเนื้อของฉันจะไหลไปด้วยสาย เลือดของตระกูลหนาน แต่กลับไม่ใช่คนพวกเดียวกันกับพวก เขา”

เธอพูดพลางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ได้เล่าว่าตัวเธอเองรู้ได้ยัง ไงว่าตัวเองเป็นคนในตระกูลหนาน แล้วยังเล่าถึงเรื่องโดน คุกคามอย่างไร

อย่างว่าถ้าขอความช่วยเหลือจากคนอื่นก็ต้องมีท่าทีที่ร้องขอ ความช่วยเหลือ เฉียวไม่ได้โง่ เธอจะไม่แสร้งทำเป็นเหมือนผู้ สูงส่ง เธอรู้ว่า ถ้าหากโลกนี้ยังมีคนที่สามารถก๊อบปี้ยาของเธอที่ หนานกงจีนเป็นคนให้มานั้น งั้นเขาก็ต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่าง แน่นอน

เธอก็เคยคิดเรื่องนี้อย่างละเอียด คนของตระกูลหนานมี มากมาย จำนวนยาที่ต้องการมันเยอะมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะมี ของในคลังตลอด มันต้องมีคนหนึ่งที่มีหน้าที่ช่วยพวกเขาผสมยา โดยเฉพาะ

ถ้าเช่นนี้แล้ว บนโลกใบนี้ มีหนึ่งคนที่สามารถผสมยาได้ งั้นก็ ต้องมีคนที่เช่นกัน

ฉะนั้น พวกเขาไม่มีทางที่เอาความหวังไว้กับคนคนเดียว

พอคิดอย่างนี้แล้วเฉียวพูดอย่างเคร่งขรึม” “ฉันก็คิดแบบ คุณ ต่อต้านกับตระกูลหนานเช่นเดียวกัน แต่เพียงเพราะว่าชีวิต ในตอนนี้อยู่ในกำมือของเขา จึงจำเป็นต้องแสร้งแสดงความ นอบน้อมและคล้อยตามชั่วคราวพอถูไถ ให้รอดเท่านั้น หากคุณสามารถช่วยฉันแก้ปัญหานี้ได้ แน่นอนว่าพวกเราก็สามารถ รอดพ้นจากการทํามือของพวกเขาได้

เวมองดูเธออย่างลึกซึ้ง

“คุณพูดว่าพ่อของคุณหนีออกมา?

เฉียวพยักหน้า “ใช่”

“คุณมีหลักฐานอะไร มาแสดงตัวว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นเป็นความ จริง? ”

เฉียว สําลัก

หลักฐานเหรอ? เธอจะไปมีหลักอะไรได้ล่ะ?

พ่อที่เธอยังไม่เคยเจอเลยสักครั้งนั้น ได้เสียไปนานแล้ว และ แม่ของเธอก็เสียแล้วด้วย ปัจจุบันก็เหลือเพียงเธอคนเดียวใน โลกใบนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหนานมู่หรงมาหาเธอ เธอก็คงไม่รับรู้ว่าตัว เธอเองนั้นมีสายเลือดของตระกูลนี้อยู่ด้วยซ้ำ

เธอขมวดคิ้วอย่างลึกซึ้ง

ทันใดนั้น วิ่งหนึ่งทนดูไม่ไหวแล้ว จึงเอ่ยปากพูดออกมา

“คุณอาเชว คุณเชื่อเฉียวเถอะ ฉันสามารถเป็นพยานให้เธอ ได้ สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริงทุกประการ”

พอโม่ไฉ่เวยเห็นวิ่งหนึ่งพูดอย่างนี้แล้วก็ได้พูดตามว่า “นั่นสิ อะซู่ ว่ากันว่าช่วยคนหนึ่งชีวิต ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นอีก คุณก็ช่วยเธอหน่อยเถอะ ผมเห็นคุณเฉียวนั้นเป็นคนจิตใจดี ต้องเป็น คนดีอย่างแน่นอน เธอไม่หลอกพวกเรากันหรอก”

กู้ซือเฉียนก็ได้กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “หากว่าคุณเชาสามา รถช่วยได้ หากคุณมีความต้องการใด ๆ ในอนาคต ตราบใดที่ คุณเอ่ยปากพูดออกมา ผมตอบตกลงอย่างแน่นอน”

เซวซูได้เหลือบมองเขา

พูดอย่างเย็นชาและหยิ่งยโสว่า “พูดซะเหมือนผมช่วยคุณเพื่อ หวังผลตอบแทนอะไรอย่างนั้นแหละ

คําพูดของเขา ทําให้กู้ซือเฉียนสำลัก

แต่จึงหนิงกลับดีอกดีใจ เธอรู้ หากเชวพูดถึงขั้นนี้แล้ว งั้นก็ แสดงว่าตอบตกลงช่วยเขาแล้ว

เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “คุณอาเซว งั้นก็รบกวนคุณ

ด้วยนะคะ”

พอพูดจบ ก็หันไปหาเฉียว ให้เอาตัวยาออกมา

เพราะกลัวว่าเฉียว จะล้มป่วยกะทันหัน ฉะนั้นกู้ซื้อเฉียนจึงให้ เธอพกยาติดตัวไว้สองเม็ดตลอด และตอนนี้ ในตัวของเฉียวนั้น มีอยู่อีกหนึ่งเม็ดพอดี

เธอหยิบยาออกมา และเห็นเม็ดยาเล็กๆ ซึ่งวางอยู่ในกล่อง เล็กๆนั้น แสดงให้เห็นว่ามันมีค่าเพียงใดสำหรับพวกเขา เชวซูหยิบยาขึ้นมา เปิดดูและเห็นว่ามันเป็นยาเม็ดสีทองเล็ก ๆเขาวางมันลงบนปลายจมูกและดมมัน คิ้วเริ่มขมวดขึ้นมาเล็ก

น้อย

ทุกคนต่างดูเขาและพากันกังวล คาดหวังให้เขาพูดผลสรุป ออกมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ