วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 251 าอายเป็นพิเศษ



บรรยากาศได้น่าอึดอัดขึ้นมาทันที

นายหญิงก็ได้รับลากอานอานมา ก็ได้ ม

แบบทําตัวไม่ถูก

“เด็กคนนี้ ชอบพูดอะไรเพ้อเจ้อ! เสวีเฟย เธออย่าถือสาเลยนะ เด็กพูดอะไรไม่คิด!”

เหอะๆ …….

เด็กพูดอะไรไม่คิด แต่ว่ามันเป็นความจริง

กวนเสวีเฟยจะบอกว่าไม่โมโห นโกหก

เพราะว่าเธอเป็นนางแบบ ต้องคงรูปร่างให้ ผอมมากๆ มาตลอด ถึงแม้จะพูดไม่ได้ว่ามีรูปร่าง ได้ดีแบบจิ่งหนิงแบบนั้น โค้งเว้าได้ส่วน แต่ก็ไม่ ถือว่าน่าเกลียดนะ

อีกอย่าง หน้าตาของเธอนั้นก็ได้เป็นที่ ยอมรับมาโดยตลอดว่าสวย ใบหน้าถึงแม้ว่าไม่ได้ มีอะไรโดดเด่นอะไรมาก แต่ว่าพอเอามารวมกัน แล้วก็ให้คนอื่นมีความรู้สึกว่ามันเหมาะสมมอง แล้วสบายตามากๆ

เพราะงั้น ในวงการต่างคนก็ได้เรียกเธอว่า ——สโนว์ไวท์

ที่เรียกเธอว่าสโนว์ไวท์ ก็ไม่ได้เป็นเพราะว่า เธอหน้าตาเหมือน แค่ผิวขาวมาก อีกอย่างได้มีรูปร่างที่ผอมบาง บรรยากาศที่แผ่ออกมานั้นดูหรู ยืนอยู่ตรงนั้นทำให้คนรู้สึกว่าได้มีความรู้สึกที่ สูงส่งอิสระ ใช้คำว่าเจ้าหญิงมาอธิบายเป็นอะไรที่ เหมาะสมมากๆ

ทั้งหมดนี้ ในสายตาของอานอาน คือไม่ ถึงว่าได้กลายเป็นว่าเธอสู้จิ้งหนึ่งไม่ได้?

ในใจของกวนเสวีเฟยอยากจะหัวเราะออก มาอย่างเย็นชา แต่ดูจากเหตุการณ์ ก็ได้พยายาม ปลอบใจตัวเอง

ก็แค่เต็ก สายตาของเด็กไม่เหมือนกัน สายตาของผู้ใหญ่

เด็กนั้นก็ชอบตุ๊กตาบาบี้ อกใหญ่เลย! หรือ

ว่าเธอยังต้องเอาตัวเองไปแข่งกับบาบี้เหรอ? กวนเสวีเฟยพอได้ปลอบใจตัวเองไปแบบนี้

ในใจก็ได้รู้สึกสบายใจขึ้นมา

ก็ไม่ได้เอ่ยเรื่องที่จะสอนอานอานว่ายน้ำอีก ก็ได้เปลี่ยนเรื่องคุย ให้พูดแล้ว ตอนนี้ด้านนอก ได้ลือกันให้แซ่บเลยว่าคุณจึ่งได้ถูกลักพาตัว ไม่รู้ ว่าอยู่ไหน แต่ว่าหนูก็ได้เห็นแล้วว่าเธอยังอยู่ดีๆ อยู่ๆ หรือว่าเรื่องที่ลือกันในเน็ตเป็นเรื่องโกหก?”

นายหญิงหมิ่นมองเธออย่างยากจะอธิบาย ออกไป

“เรื่องนี้ถ้าให้พูดมันยาว ฉันสามารถบอกหนู ได้ แล้วว่าหนูต้องรับปากกับฉัน ห้ามที่จะเอาเรื่องที่หนังหนังอยู่ที่นี่ไปบอกให้กับคนอื่นรู้ หนูทําได้

ไหม?”

กวนเสรีเฟยพยักหน้า

เพราะงั้น นายหญิงหนก็ได้เล่าเรื่องราว ต่างๆ กับเธอ

ก็ไม่โทษที่นายหญิงหมินพูดออกมา กวนเส ว่เฟยได้มาถึงที่นี่แล้ว ต่อให้ไม่บอกเธอ เธอเองก็ สามารถที่จะเดาออกมาได้เอง

เทียบกับการที่จะให้เธอนั้นเดาเองไปมั่ว งั้น บอกไปตรงๆ ดีกว่า

เธอต้องเห็นแก่การร่วมธุรกิจระหว่างสอง ตระกูล ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป

กวนเสวีเฟยได้ฟังที่นายหญิงเล่า ก็ได้เงียบ ไปอยู่นาน

คุณหญิงก็ยังไม่วางใจเหมือนเดิม กลัวว่า ต่อไปในสายตาของเธอ จิ่งหนิงจะกลายเป็นผู้ หญิงที่มีพิษสง

เพราะงั้นก็ได้รับอธิบายออกไปว่า “ที่หนิง หนิงทำแบบนี้ก็เพราะว่าช่วยไม่ได้ แม่เธอตายได้ น่าสงสารเกินไป เธอก็แค่กตัญญู ไม่มีทางอื่นที่จะ มายืนยัน ถึงได้คิดแผนนี้ออกมา หนูอย่าไป ทําลายแผนของเธอเด็ดขาดนะ”

กวนเสวีเฟยก็ได้ยิ้มอย่างอ่อนโยน“ท่านวางใจเถอะค่ะ เรื่องนี้หนูทําเป็นว่าหนู ไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่ว่ายังไงก็ไม่เกี่ยวกับหนู หนูไม่ไปบอกใครแน่ๆ”

คราวนี้คุณหญิงก็ได้พยักหน้าอย่างวางใจ

ไหนๆ กวนเสวีเฟยก็ได้มาแล้ว แน่นอนว่าไม่ กลับไปเร็วแบบนั้นแน่

พอลู่จิ่งเซินรู้ว่าเธอมา ที่จริงก็ไม่พอใจเล็ก น้อย

แต่ว่าจิ่งหนิงก็ได้ตักเตือนเขา เพราะงั้นก็ไม่ ได้แสดงออกมา

ดินเนอร์ทุกคนได้ทานข้าวด้วยกัน อานอาน

นั่งอยู่ข้างๆ จิ่งหนิง ก็ได้ตัวติดกับเธออยู่ตลอดไม่

หยุด

ก็ได้กลายเป็นเด็กน้อยที่ที่ติดผู้ใหญ่มากๆ ไป

คุณหญิงกับลู่จิ่งเซินก็ได้ชินไปนานแล้ว ก็ รู้สึกว่าไม่มีอะไร แต่กวนเสบู่เฟยกลับประหลาดใจ

เรื่องว่ายน้ำก่อนหน้านี้ คิดว่าเพราะเด็กน้อย นั้นไม่ได้เจอเธอมานาน ก็ได้รู้สึกไม่คุ้นเคยกับเธอ แต่ไม่กี่วันนี้จึงหนิงได้อยู่เป็นเพื่อนเธอมาตลอด เด็กน้อยจะเชื่อใจเธอก็ไม่แปลก

แต่ว่าพอมาดูตอนนี้แล้ว จิ่งหนิงเหมือนว่า ได้รับความไว้วางใจจากอานอานทั้งหมด
ไม่เพียงแค่นั้น ความชอบที่อานอานมีให้ เธอ เหมือนว่าได้มากกว่าที่มีให้ลู่วิ่งเขิน นี่มันเป็นไปได้ยังไง ?

กวนเลว่เฟยได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย นัยน์ตาได้

ประกายความเครียดออกมา ลู่จิ่งเซินที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ใส่ใจจิ่งหนิงมากๆ

สายตาและน้ำเสียงที่อ่อนโยนแบบนั้น เธอ ไม่เคยที่จะเห็นมาก่อน แม้ว่าตอนที่พวกเขาทั้ง สองคบหากันอยู่ กับเธอเหมือนว่าเขาจะเย็นชาใส่ เป็นส่วนใหญ่ ไม่เคยที่จะใส่ใจอะไรเลยแม้แต่ น้อย

กวนเสวีเฟยได้ปวดใจเล็กน้อย พูดไม่ออก ว่าเป็นความรู้สึกแบบไหน

แต่แค่รู้สึกว่า ตัวเองที่นั่งอยู่ตรงนี้ มองสาม พ่อแม่ลูกที่รักกันแบบนี้ ก็เหมือนคนนอกที่ทำ

อะไรไม่ถูกเลย ทั้งน่าอายและน่าสมเพช

เธอได้เม้นปาก หน้าได้ตึง แต่ก็ไม่ได้ แสดงออกมา

จนกระทั่งทานข้าวเสร็จ พักผ่อนไปสักพัก คุณหญิงได้พาอานอานไปอาบน้ำ ลู่จิ่งเซ็นได้ ประชุมแบบวิดีโอคอล และจิ่งหนิงก็ได้ยืนตากลม ที่ระเบียง
เธอถึงได้รวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไป

จิ่งหน่งหันหน้ามา เห็นว่าเป็นเธอ ก็ได้ย้มให้

“คุณกวนก็ออกมาตากลมเหรอคะ?”

“ค่ะ ในห้องมันอึดอัดนิดหน่อย ออกมายืน

สักพัก”

จิ่งหนิงก็ได้ทําท่าทางแบบตามสบาย แล้วก็ หล็กพื้นที่ข้างๆ ให้

กวนเสวีเฟยได้เดินไปข้างๆ เธอ ก็ได้ทํา ตามเธอ ได้เอาร่างกายไปพิงที่ระเบียงสีขาว

“เย็นนี้ คุณย่าลู่ได้พูดเรื่องคุณกับฉัน เพราะงั้นตอนนี้ฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงได้ มาหลบที่เกาะเล็กๆ นี้ไม่แสดงตัว แต่ว่าคุณวางใจ เถอะค่ะ ฉันได้รับปากคุณย่าลู่แล้ว ไม่บอกคนอื่น”

สีหน้าของจิ่งหนิงไม่เปลี่ยน ก็ได้ยังใบหน้า

ที่ดูเหมือนขี้เกียจที่จะรับรู้ ไม่ได้มีสีหน้าที่ร้อนรน

ตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย

“งั้นก็ขอบคุณคุณกวนมากๆ ค่ะ”

กวนเสวีเฟยนิ่งไป

เผชิญกับจิ่งหน่งที่ไม่ร้อนไม่หนาวแบบนี้ เธอเหมือนรู้สึกว่าได้กําหมัดต่อยไปที่กองไหม อย่างไร้เรี่ยวแรง

ตั้งแต่เล็กจนโต จากการอบรมสั่งสอนของที่บ้านทําให้เธอไม่มีทางที่จะพูดอะไรที่ดูฉีดหน้า ออกไป แต่ว่าความไม่สบายใจที่อยู่ในใจนั้นเป็น ของจริง เธอไม่สามารถที่จะมองข้ามได้

แต่คุณรู้ไหม ถ้าเกิดเรื่องที่คุณอยู่ที่นี่ถูก คนมาพบเข้า มันง่ายมากที่จะถูกต่อว่า ถึงตอนนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่คุณ ขนาดพี่เซินก็ต้องพล่อยโดน ไปด้วย”

จิ่งหนิงเลิกคิ้วเล็กน้อย

เหมือนว่าคาดไม่ถึง กวนเสวีเฟยได้เน้นปาก

“ฉันรู้ค่ะ การที่ฉันพูดพวกนี้ อาจจะดูล้ำเส้น

เกินไป แต่สําหรับเพื่อน ฉันไม่อยากให้พี่เซินต้อง เข้ามายุ่งกับเรื่องแบบนี้ ฉันรู้ คุณจึ่งเป็นคนฉลาด วางแผนที่ใหญ่

แบบนี้เพื่อที่จะให้อีกฝ่ายหลงกล อาจเป็นเพราะ ตัวเองมั่นใจ แต่ที่คุณไม่รู้ก็คือ ตระกูลลู่ที่อยู่ใน เมืองหลวงถึงแม้ดูแล้วดูราบรื่นสูงส่ง แต่ที่เขาว่า กันว่าต้นไม้ต้นใหญ่จะเรียกพายุ ตระกูลลู่ก็ไม่ได้ ปลอดภัยขนาดนั้น

สี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ลู่ กู้ กวน เฟิง ภายนอกนั้นดูแล้วสันติสุขกันดี แต่ว่าภายในนั้น ได้มีการต่อกรกันไปมา เป็นเรื่องที่คนภายนอกนั้น ไม่รู้

โดยเฉพาะตระกูลกู้ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ได้196444343_841353320093587_6436997791994202730_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ