วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 126 รับปากเรื่องขอโทษ



เธอลุกขึ้นยืน ดวงตาที่แหลมคมทั้งคู่จ้องมองไปที่ จิ่งหนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นซาว่า “ฉันคิดเสมอว่า แม่เธอ ได้ตายไปแล้วตั้งแต่สมัยเธอเด็กๆ ดังนั้นฉันจึงไม่อยากจะ ค่าว่าเธอ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะกลายเป็นคนที่ ร้ายกาจ และหน้าด้านขนาดนี้เ

คุณชายตระกูล กับน้องสาวของคุณชอบกัน คุณ อิจฉาน้องสาวของคุณงั้นสิ ถึงได้เข้าไปเป็นมือที่สาม ม่ ไม่ เพียงแค่นั้นร้งแกน้องสาวหลายต่อหลายครั้ง พลิกผันจาก ค่าเป็นขาวหาว่าเธอแย่งของๆเธอ!

จิ่งหน่ง ฉันขอถามหน่อยเถอะ เธอมีจิตสํานึกบ้าง ไหม? น้องสาวของเธอก็ออกจะดีกับเธอ อยู่ที่บ้านก็อดทน รับภาระหนัก แล้วตัวเธอล่ะ?

ทำตัวมีปัญหา ไร้ซึ่งเหตุผล ตอนนี้ยังส่งเขาตรง เข้าโรงพยาบาล! ตกลงเธอต้องการอะไรกันแน่?

ข้างนอกสำนักงาน พนักงานกลุ่มหนึ่งที่เบียดเสียด กันฟังคำนินทาต่างแปลกใจเล็กน้อย พากันแสดงท่าทาง

คิดไม่ถึงเลยว่า ประธานจิ่งที่โดยทั่วไปดูเผินๆเป็น คนที่มีเหตุผลและอ่อนโยนขนาดนั้น นิสัยส่วนตัวจะเป็น แบบนี้

มีคนหนุนหลังดี อาศัยความเป็นเด็ก** คิดที่จะแบ่ง แฟนเศรษฐีของพี่สาว

ไม่เพียงเท่านี้ ทางบ้านเป็นห่วงภาพลักษณ์ของ เธอ จึงแนะนําให้เธอออกเตท เธอเล่นงานพวกนั้นจึงต้อง ส่งเข้าโรงพยาบาล

พระเจ้า! ทําไมเธอถึงเป็นคนแบบนั้น? ไร้ยางอายและเลวสําคั

ความลับของคนรวย มักเป็นที่โจทก์ขานของคน ทั่วไปเสมอ

ไม่เว้นแม้กระทั่งพนักงานในบริษัท

วันนี้คนมากมายได้ยินเรื่องเหล่านี้ แน่นอนอีกไม่ นาน ก็ต้องแพร่สะพัดไปจนรู้กันทั่วทั้งเมืองจิ้น

ณ เวลานี้ จู่ๆก็มีเสียงเข้มดังขึ้นมาจากข้างหลัง “เวลางาน! พวกเธอมัวทําอะไรกันอยู่? หรือว่าไม่ อยากทํางานกันแล้ว?

ทุกคนตกใจ หันหลังไป จึงพบว่าเป็นเสี่ยวเหอ เสี่ยวเหยทําหน้าเย็นชา สายตาเฉียบคมดุจน้ำ แข็ง กวาดตามองไปที่ทุกคน

“กลับไปทํางานกันเดี๋ยวนี้!”

ทุกคนจึงได้รีบสลายตัว

ในสํานักงาน

จิ่งหนึงมองไปที่ฝั่งตรงข้ามเผชิญหน้ากับคนที่เย่อ หยิ่ง ยิ้มเยาะในใจ และอดไม่ได้ที่จะปลง

เสียงเอะอะข้างนอกเมื่อกี้ เธอได้ยินอยู่แล้ว

หวังเสบู่เหมยต้องจงใจเพราะรู้ว่าข้างนอกนั่นเต็ม

ไปด้วยพนักงานที่สอดรู้สอดเห็น ดังนั้นจึงตั้งใจพูดออก

ไปแบบนั้น ไม่เพียงแค่เพื่อทำให้เธออับอาย แต่ต้องการให้ทุก คนเห็นว่าสิ่งที่หล่อนพูดนั้นเป็นเรื่องจริง จิ้งหนังให้อภัยไม่ ได้

ตระกูลจิ่งถูกบังคับมาที่บริษัทอย่างเร่งด่วน ทำให้ เรื่องราวลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นเรื่องราวน่าอับอายส่วนคนข้างนอกพวกนั้น ได้ยินเรื่องพวกนี้แล้ว ไม่ ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ มันจะต้องแพร่สะพัดไป อย่าง รวดเร็ว

ดังนั้นบางครั้ง ความจริงก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไป

ที่สําคัญก็คือ คนที่พูดมีศิลปะในการแสดง มีวุฒิ ภาวะมากพอ ทำให้ผู้คนที่ได้ฟังเชื่อเธอไปแล้วเกินครึ่ง โดยที่ไม่ได้ไตรตรองให้ดี

จิ่งหนึ่งยิ้มเย็นมาเงียบๆ

เหตุการณ์เช่นนี้ เธอเคยมีประสบการณ์มาแล้วเมื่อ ห้าปีก่อน ใช้พลังความเห็นของคนหมู่มาก กดดันหลานสาว แท้ๆของตัวเอง บังคับให้เธอต้องลาออกจากโรงเรียน ไป

ต่างประเทศ ตั้งแต่นั้นมาก็หลบซ่อนตัวจากผู้คน ไม่กล้า

ไปไหนมาไหนตามใจชอบ

ตอนนั้นเธอไร้เดียงสามาก คิดว่าขอเพียงตัวเอง อธิบายให้ชัดเจน ก็จะมีคนเชื่อ และสามารถคืนความ บริสุทธิ์ให้ตัวเองได้

ดังนั้นเธอจึงพยายามไปขอร้องคนเหล่านั้น ขอให้ พวกเขาเชื่อเธอ บอกพวกเขาว่าให้โอกาสตัวเองได้พิสูจน์ ความบริสุทธิ์ใจ

…โลกใบนี้ คนบางคนเรื่องบางเรื่อง คุณ เห็นมันเองกับตา ประสบเองกับตัว ถึงจะรู้ ว่าพวกเขาเลว ร้ายแค่ไหน

พวกเขาไม่สนใจความยุติธรรม ไม่สนใจความ จริง พวกเขาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและผลประโยชน์ของ ตัวเองสามารถพลิกคดีจากดำเป็นขาวได้ง่ายๆ
กินหมั่นโถวจุ่มเลือดมนุษย์ แม้ว่าคนที่ถูกข่มเหงจะ คุกเข่าลงอ้อนวอนต่อหน้าพวกเขา ก็ไม่สะทกสะท้าน ไม่ ปลายตามอง

จิ่งหนึ่งสูดลมหายใจเข้าลึก

หวังเสว่าหมยก็ยังเป็นหวังเสบู่เหมยคนเดิมเมื่อห้าปี

ก่อน

เห็นแก่ตัว การกระทำเหี้ยมโหด

น่าเสียดายที่เธอไม่ใช่คนเดิมเมื่อห้าปีก่อน จิ่งหนึ่ง ที่อ่อนแอไร้เดียงสา ใครๆต่างพากันเวทนาอีกต่อไป

หวังเสว่เหมย ฉันรับรองว่า เธอจะต้องเสียใจใน ภายหลังกับทุกสิ่งที่เธอพูดออกมาในวันนี้” ทุกคําที่เธอพูด ออกมาด้วยความเย็นชา แววตา

เฉียบคมดจ าแข็ง

ไม่รู้ว่าทำไม หวังเสว่เหมยตกตะลึงในท่าทีของเธอ เพียงครู่เดียว ในใจก็เกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมา

เป็นไปได้อย่างไรกัน? ไม่ เป็นไปไม่ได้

เธอเป็นหัวหน้าตระกูลจิ่ง ทุกคนในตระกูลจึงต้อง ฟังเธอสิ รวมถึงคนๆนี้ที่อยู่ต่อหน้าเธอด้วย

แม้แต่คุณแม่ของเธอ คนที่ร้ายกาจขนาดนั้น ก็ เพราะไม่ฟังคำพูดเธอ ก็เสียชีวิตด้วยน้ำมือเธอมาแล้ว? นับประสาอะไรกับเด็กเมื่อวานซืนคนนี้ มันจะแน่

สักแค่ไหนกัน?

คิดถึงตรงนี้ หวังเสวีเหมยมั่นใจมาก กล่าวด้วย เสียงเย็นชาว่า : “ทำไมหรือ? เธอยังรังแกฉันไม่พอ?” เธอหยุดไปครู่หนึ่ง สูญเสียความมั่นใจภายใต้สายตาอันเป็นมาของจังหนิง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉัน ไม่ได้อยากจะให้เธอทําอะไรหรอก ก็แค่อยากให้เธอไป โรงพยาบาลกับฉันสักหน ขอโทษกับทุกคน ไม่ว่า อย่างไร เธอก็เป็นคนทำร้ายพวกเขา ดีที่สุดก็ควรไป ขอโทษซะ!

จึงหนิงเบ้ปากอย่างเย็นชา

“ขอโทษงั้นหรือ? ก็ได้ ฉันจะไปกับคุณ”

หวังเสวีเหมยตกตะลึงอีกครั้ง

เธอมองไปที่ท่าทางเยือกเย็นของจิ่งหนึ่ง ครู่หนึ่งจึง เริ่มไม่แน่ใจว่าคำพูดเธอจริงหรือหลอก

“เธอ เธอจะไปจริงๆหรือ?”

“แน่สิ ทำไม? ฉันรับปากแล้ว เธอไม่กล้า?”

ทำไมฉันจะไม่กล้า!” ”

หวังเสวีเหมยแอบขมวดคิ้ว

ให้ตายสิ! วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น?

เธอถูกสาวน้อยคนนี้ข่มขู่หลายครั้งแล้ว ที่เธอเคย เจอมามากกว่าหล่อนหลายเท่า แต่ไม่ได้มีเรื่องมานาน หลายปีแล้วทําไมจะต้องกลัวหล่อนด้วย?

คิดถึงตรงนี้ เธอกัดฟัน

*ได้ งั้นพวกเราไปกันเลยดีกว่า”

พูดจบ เธอเดินนําหน้าออกไปก่อน

จิ่งเซี่ยวเต๋อและคนอื่นๆรีบตามไปทันที

จิ่งเสียวหย่าตามไปเป็นคนสุดท้าย เมื่อเดินผ่านวิ่ง หนิง ใบหน้าที่นุ่มนวลและอ่อนโยน จู่ก็กลายเป็นเยาะเย้ย และยกตนข่มท่าน

“พี่สาว คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะยอมลดตัวจริงๆ? เมื่อก่อนเรานั้นเป็นคุณก็คงไม่ทำ แล้วดูวันนี้สิ มันแย่ขนาด ไหน! สวี่เทียนหงทำกับคุณขนาดนั้น คุณยังต้องไป ขอโทษ….

จู่ๆ เป็นไปได้ไหมว่า คุณชายลูชอบของใหม่และ เบื่อของเก่า จึงทิ้งเธอไป? จึงทำให้เธอร้อนรนไม่แยกแยะ ถูกผิด กระทั่งคนอย่าง สวี่เทียนหง ก็ไม่ลืมหูลืมดาคว้ามา ได้

จิ่งหนิงมองเธอด้วยสายตาเย็นชา

เธอไม่พูดอะไร แต่สายตาของเธอฟ้องว่ากำลัง มองพวกปัญญาอ่อนอยู่

คนธรรมดาขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกับพวก ปัญญาอ่อน เพราะฉะนั้น…..อย่าไปเสียเวลาเสวนากับคน โง่เลย!

จึงเสี่ยวหย่าเคยถูกใครมองด้วยสายตาแบบนี้ หรือ? เธอโกรธขึ้นมาทันที

เธอกัดฟัน ครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกสะกดความ โกรธไว้ในใจ หัวเราะเย็นชาขึ้นมา

“พี่สาว ฉันเตือนคุณด้วยความหวังดี ระวังไว้ เถอะ! เป็นเมียน้อยไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ฉันเคยได้ยินมา ว่า ภรรยาของคุณชายลู่เป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมือง หลวง ไม่ใช่ว่าใครจะมาเป็นกันได้ง่ายๆ ดังนั้นฉันขอเตือน คุณให้ถอยห่าง ถึงแม้คนอย่าง สวี่เทียนหงจะไม่ดีเท่า ไหร่ แต่ครอบครัวเขาก็มีเงินไม่ใช่หรือ? ดูแลชีวิตที่เหลือ อยู่ของพี่สาวได้สบายๆแหละ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ