วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 301 กุหลาบเงิน



บทที่ 301 กุหลาบเงิน

ปกติแล้วคนดูแลที่นี่คือพ่อบ้านคนเก่าคนแก่ของตระกูลลซึ่ง

เป็นคนแช่น

เมื่อก่อนพ่อบ้านจีน เป็นผู้ติดตามของพ่อของลู่จิ้งเซิน หลัง จากพ่อของลู่จิ้งเซินเสียไป เขาก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านตระกูล อีก จากเดิมทีที่คิดจะเกษียณและกลับไปอยู่บ้านเกิด แต่ลู่จิ้งเซิน ย้ายให้เขามาอยู่และรับผิดชอบดูแลและบริหารร้านอาหารแห่งนี้

พ่อบ้านฉิน ในปัจจุบันก็อายุมากแล้ว อายุหกสิบปีและผม ขาวจนเกือบทั้งศีรษะแล้วอีกทั้งยังมีรังสีแห่งความเมตตาและ อ่อนโยน

ในห้องเพาะดอกไม้ที่โดยรอบเงียบสงบ

กวนเบาหวั่นยืนอยู่ด้านข้างมองดูพ่อบ้านฉิน เดินถือกระถาง ต้นไม้มาอย่างระมัดระวังและวางไว้บนโต๊ะ เปิดผ้าคลุมสีดำออก และดอกกุหลาบสีน้ำเงินบานสวยงามก็ปรากฏขึ้นทันที

เธออดไม่ได้ที่จะร้องอุทาน “ว้าว สวยจัง นี่คือดอกกุหลาบ

น้ำเงินเหรอคะ?”

พ่อบ้านฉัน ยิ้มหวานแล้วพูด “ไม่ใช่ ๆ นี่เป็นต้นที่ฉันเลี้ยง ไว้เอง ดอกกุหลาบที่เธอถามถึงนั่น คนอื่นเขาใช้สีย้อมเอา ไม่ เหมือนกันกับของ

ฉันหรอก”
“เหรอคะ? แต่ว่าอันนี้กับกุหลาบน้ำเงินก็ไม่ต่างกันเลยนี่นา”

พ่อบ้านจิน จ้องมองเธอและยิ้มเยาะ “พูดมั่ว ๆ ทั้งสองแบบ นี้ไม่เหมือนกันเสียหน่อย เธอดูเฉดสีของฉัน กลีบแบบนี้ ลวดลายแบบนี้ ดูดีกว่าดอกกุหลาบน้ำเงินอะไรนั่นตั้งเยอะ”

กวนเยว่หวั่นก้มลงดูอย่างละเอียดและคิดว่าอันที่จริงแล้วก็ ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย

เธอยิ้มกระอักกระอ่วนใจอย่างอดไม่ได้และลูบจมูก มันคงจะ ไม่ดีที่จะหักหน้าพ่อบ้านฉิน จึงได้แต่จำใจยอมรับ “เอ่อ ก็นะต่าง กันนิดนึง”

เมื่อได้รับความเห็นด้วยจากเธอ จึงได้ปรากฏรอยยิ้มบน ใบหน้าของพ่อบ้านฉิน

ทันใดนั้นก็ตาเป็นประกายเหมือนคิดอะไรขึ้นได้แล้วหัวเราะ และพูดขึ้น มา ๆ ๆ เธอช่วยมาถ่ายรูปฉันคู่กับดอกไม้ใน กระถางพวกนี้ที ฉันจะเอาไปโพสต์ในเวยโป

กวนเยว่หวั่นอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “อายุเยอะขนาดนี้แล้วยังเล่น เวยโป้ ด้วยเหรอคะเนี่ย?”

พ่อบ้านฉิน เบิกตาโพลง “ทำไม? มีแต่เด็กวัยรุ่นอย่างเธอที่ เล่นได้ ไง มันห้ามคนแก่อย่างฉันเลยเหรอ”

พูดแล้วก็ภูมิใจเล็กน้อยจึงต้องโม้เสียหน่อย “ฉันจะบอกเธอ ให้ ฉันน่ะเป็นเวยโป๊บัญชีใหญ่ ในด้านผู้เพาะพันธุ์พืชเลยนะ แฟนคลับของฉันเกือบจะถึงหนึ่งล้านแล้วนะ”
กวนเยว่หวั่นตกตะลึงเล็กน้อย “คุณเจ๋งขนาดนั้นเลย?” พ่อบ้านฉัน ยกคิ้วอย่างภาคภูมิ “เป็นไงล่ะ? ไม่ด้อยไปกว่า เด็ก ๆ อย่างพวกเธอเลยล่ะสิ!

กวนเยว่หวั่นเม้มริมฝีปากและยิ้ม “อุ้ม เก่งกว่าพวกเราอีก พ่อบ้านฉัน ยิ้มและพูด: “งั้นต่อไปก็มาเที่ยวบ่อย ๆ รอให้ ต้นไม้ที่ฉันมันโต เมื่อถึงเวลาฉันจะให้เธอกระถางหนึ่ง

“ดีเลยค่ะ งั้นขอขอบคุณล่วงหน้าเลยนะคะ

พ่อบ้านฉัน โบกมือไปมาและยิ้มจนตาหยีแทบจะกลายเป็น ขีดเดียว “ไม่ต้องขอบคุณหรอก เด็กอย่างเธอน่ะ ฉันชอบนะ ต่อ ไปถ้าว่างก็มาเที่ยวเล่นบ่อย ๆ และมาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่าง ฉัน”

กวนเยว่หวั่นยิ้มและไม่ตอบ

ในใจเธอรู้ชัด ถึงแม้ว่าวันนี้เธอกับจิ้งหนึ่งและพวกจะถือว่า เป็นเพื่อนกัน แต่อย่างไรเสียเธอก็แซกวน

วันนี้สี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงมีความสัมพันธ์ที่ละเอียด อ่อน วันนี้พวกเขายังคงเป็นเพื่อนที่ดีซึ่งไม่รู้ว่าจะกลายเป็นศัตรู ต่อกันในวันไหน

เดิมทีตระกูลและตระกูลกวนมีความสัมพันธ์กันด้วยเรื่อง แต่งงาน แต่สุดท้ายไม่เป็นผลสำเร็จ ลู่วิ่งเซินกลับไปสู่ขอผู้หญิง ธรรมดามาเป็นภรรยาตามใจตัวเอง สามตระกูลที่เหลือที่ ต้องการจะดองกับตระกูลลู่จึงหมดหวังเช่นกัน
เมื่อไม่มีหวังกับตระกูลจึงเป็นธรรมชาติที่จะต้องเบี่ยงเบน สายตาไปที่อื่น

เท่าที่เธอรู้ ล่าสุดตระกูลคนนั้นกำลังตามจีบกวนเวเฟอ ย่างบ้าคลั่ง

ถ้าหากตระกูลกวนดองกับตระกูลสำเร็จ สถานการณ์จะยิ่ง บอบบางมากขึ้น

และเธอ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ที่ไม่รู้จะ ห่างยังไงแล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้เธอก็ต้อง หลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้คนทางบ้านเกิดความกินแหนง แคลงใจ ดังนั้นจึงไม่สามารถใกล้ชิดกับพวกจิ้งหนึ่งเกินไป

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าในใจเธอจะคิดแบบนี้แต่เธอกลับไม่ได้พูดมันออก มา เธอเพียงรับโทรศัพท์มาและพูดพร้อมรอยยิ้ม: “คุณเขยิบเข้า มาใกล้อีกนิดสิคะ ให้ฉันหามุมแสงที่ดีกว่าให้คุณ

พูดแล้วก็ให้พ่อบ้านฉัน ยืนอยู่ข้างโต๊ะและตนเองก็เดินไป ทางประตู

เธอเดินไปพร้อมกับหาแสง เมื่อหาจุดที่ดีเป็นพิเศษได้แล้ว จึงพูดขึ้น “ตรงนี้แหละ ยิ้มหน่อย s-mile!

อย่างไรก็ตามทันใดนั้นก็มีเสียงไอเบา ๆ ของชายคนหนึ่ง อยู่ข้างหลังเธอ เธอสะดุ้งและกดชัตเตอร์ทันทีโดยไม่รู้ตัว เพียง คลิกแล้วภาพก็ถูกถ่าย
จากนั้นก็หันกลับไปและเห็นจี้หยุนซูยืนอยู่ตรงนั้นห่างจาก เธอเพียงครึ่งก้าว หากเธอถอยไปอีกคงจะเหยียบเท้าเขาแน่

“เอ้ รุ่นพี่ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ?”

เธอเขินอายเล็กน้อยและหน้าแดงระเรื่อ เมื่อพูดจบก็เห็นรอย จาง ๆ บนรองเท้าหนังของเขา

ทันใดนั้น ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นทันที

เธอก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว “ขอโทษค่ะ ๆ รุ่นพี่ ฉันมอง ไม่เห็นและเหยียบคุณเข้า

หยุนซูยิ้มอย่างอบอุ่นและโบกมือ “ไม่เป็นไรครับ

จากนั้นเขาก็เหลือบมองดอกไม้ในมือของพ่อบ้านฉิน แล้ว ถาม: “พวกคุณกำลังทําอะไรกันครับเนี่ย?”

เมื่อพ่อบ้านฉิน เห็นเขาก็โบกมือให้ด้วยรอยยิ้มกริ่ม “คุณ หมอ คุณเข้ามาดูดอกไม้ของผมในกระถางนี้สิ เป็นยังไง?

เห็นได้ชัดว่าจี้หยุนซูรู้ดีว่าเขาชอบสิ่งนี้ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึก แปลกใจมากนักแล้วจึงเดินเข้าไปดู

เขาพยักหน้า “อืม ไม่เลวเลยนะครับ ดูดีมากครับ

เมื่อได้รับคำชมจากเขาพ่อบ้านฉัน ก็ยิ่งดีใจและพูดพร้อม รอยยิ้ม: “คุณหมอ เป็นคนมีวัฒนธรรม ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยตั้ง ชื่อดอกไม้ให้ผมทีครับ ถึงเวลาที่คุณแต่งงานผมจะให้คุณ กระถางหนึ่ง
จี้หยุนซูยิ้มและพูด “โอ้ เป็นครั้งแรกของผมที่เห็นพ่อบ้านฉัน ใจกว้างแบบนี้ งั้นผมคงไม่พลาดแน่ คุณรอให้ผมคิดก่อนนะ ครับ”

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นดวงตาก็เป็นประกายและพูดขึ้น “ดอกไม้ของคุณคล้ายกับดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ผมเคยเห็นหรือจะ เรียกมันว่าชื่อนั้นก็ได้นะครับ

พ่อบ้านฉิน เบิกตาโพลงและสอบถาม: “ดอกอะไร?

“ดอกกุหลาบน้ำเงิน!”

“อุ๊บ”

กวนเยว่หวั่นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเป็นคนแรก

พ่อบ้านฉิน หน้าด่าคร่ำเ ดและทําตาโตใส่เขาจากนั้นจึง พูดขึ้นด้วยความโกรธ “พวกคุณล้วนแต่เป็นพวกที่ไม่รู้จักชื่นชม ไม่ให้พวกคุณตั้งชื่อแล้ว

พูดจบเขาก็อุ้มกระถางดอกไม้แล้วหันหลังเดินกลับไปด้วย ความโกรธ

จี้หยุนซูรีบร้องเรียก “นี่ พ่อบ้านฉิน ครับ ไม่ได้ให้ผมตั้งชื่อ หรอกเหรอ? ผมคิดว่ามีชื่อ ๆ หนึ่งดีมากเลยนะครับ

แต่พ่อบ้านฉิน กลับไม่สนใจเขาแล้วและเดินถือกระถาง ดอกไม้เดิมโกรธไปทางด้านนอก

เมื่อเห็นหลังของพ่อบ้านฉิน ที่เดินไป หยุนซูก็กูจมูกเบา ๆอย่างสมหวังในเจตนาร้าย

จากนั้นจึงหันหน้าไปมองกวนเบาหวั่นจึงพบว่าเขาล้อเล่นจน เลยเถิดจนลืมว่าตรงนี้ยังมียายเด็กคนนี้อยู่อีกคน

เพียงเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้น ยิ้มมองเขาเต็มไปด้วยความอ่อน โยนและชื่นชม

เขานิ่งไปเล็กน้อย ลูบหน้าตัวเองและคิดว่ามีอะไรติดอยู่บน หน้า เมื่อลูบแล้วพบว่ายังสะอาดดีอยู่จึงวางใจ

และอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น: “คุณจ้องผมทำไมครับ? หน้าผม เปื้อนเหรอครับ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ