วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 890 ความรู้สึกผิด



บทที่ 890 ความรู้สึกผิด

เฉียว ยืนขึ้น และกอดเธอไว้เต็มแขน

“พี่เฉียวเฉียว ในที่สุดก็ได้เจอพี่ ที่แท้พี่ก็ไม่เป็นอะไร ฉัน ตกใจหมดเลย”

เธอกอดเฉียว ร่างกายสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว

เฉียว กอดเธอ ภายในใจซับซ้อน เธอเสียใจเล็กน้อย

เธอรู้ว่าเสี่ยวเยว่เป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดา บางทีเธออาจไม่ เคยถูกลักพาตัวมาก่อนเลยตลอดชีวิตนี้

ครั้งนี้เพราะตัวเธอเอง เลยทำให้เสี่ยวเยวต้องเข้ามาพัวพัน ด้วย

เป็นผลให้ความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกินในใจ เธอตบไหล่เบาๆ

แล้วพูดว่า “โอเคแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ

เสี่ยวเยวสะอื้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจากไหล่ของเธอ

ปาดน้ำตาและถามว่า “พี่เฉียวเฉียว นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ เฉียวฉีเหลือบมองลิ่วเจิ่น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู ด้วย ดวงตาที่เย็นชา

“ไม่มีอะไร ไม่ต้องกังวลนะ เธอจะไม่เป็นอะไร”

เมื่อลิ้วเสิ่นเห็นว่าเธอยังคงใช้สายตาไร้ความเมตตามองยังตัวเอง ก็รู้ทันทีว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้อนรับ เขายักไหล่ ก่อนจะเดินจาก

เฉียวทำสัญญาณบอกให้เสี่ยวเยวปล่อยตัวเอง ก่อนจะเดิน

ไปปิดประตู

หลังจากแน่ใจแล้วว่าด้านนอกจะไม่ได้ยินคำพูดของตัวเองได้ อีก เธอจึงค่อยหันกลับมามองเสี่ยวเยว่ เธอใช้สายตาสำรวจ ร่างกายของเสี่ยวเยว่ ให้มั่นใจว่าไม่มีบาดแผล ไม่โดนล่วงละ เมิดใดๆ จึงค่อยวางใจ

เธอเข้ามาจับมือของเสี่ยวเยว่ ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงแล้วถาม ว่า “เธอเป็นยังไงบ้าง? สองวันนี้ไม่ได้โดนทำร้ายใช่ไหม? พวก มันทำอะไรให้เจ็บไหม?”

เสี่ยวเยวส่ายหัว

เห็นได้ชัดว่า มีความกลัวบนใบหน้าของเธอ

เพราะว่ากลัวเฉียวจะกังวลและรู้สึกผิด ดังนั้นจึงพยายาม แสร้งว่าไม่กลัว

อย่างที่ทุกคนรู้ ยิ่งเธอเป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เฉียวฉีก็ยิ่งเป็น ทุกข์มากขึ้นเท่านั้น

เธอส่ายหัวและพูดว่า “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ พวกเขาแค่ขังฉันไว้ ไม่ได้ หรือทําร้ายฉันเลย แต่ก็ไม่ยอมบอกข่าวคราวของพี่ ให้ ฉันสักที ฮู้ ฉันกังวลจะตายอยู่แล้ว”

เฉียวมองดูเธอที่ร้องไห้ด้วยความเป็นทุกข์
เธอเอามือลูบหัว และปลอบโยน ไม่ต้องกลัวนะ ตอนนี้ไม่เป็น อะไรแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้ว”

เธอพูดพลาง ตบหลังเธอเบาๆ

เสี่ยวเยว่เงยหน้าขึ้นมองเธอ ด้วยความกังวลที่ไม่สามารถ ปกปิดได้บนใบหน้าของเธอ

“พี่เฉียวเฉียว พวกเขาเป็นใครคะ? ทำไมถึงต้องจับพวกเรามา ไว้ที่นี่ด้วย”

เฉียวฉีขมวดคิ้ว ครุ่นคิดเล็กน้อยในใจ และตัดสินใจที่จะไม่

บอกความจริงกับเสี่ยวเยว่ เพื่อไม่ให้เธอตกใจ

ดังนั้นเธอจึงอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “พวกเขาเป็นคนอีก กลุ่มหนึ่งนะ เราถูกจับมาเพราะเรื่องส่วนตัวของฉันเอง ส่วนเธอ แค่โดนลูกหลงเลยถูกนำมาที่นี่ด้วย ดังนั้นหากไม่มีอะไรเกิน ความคาดหมาย พวกเขาไม่ทำอะไรเธอหรอก ไม่ต้องกังวล”

เสี่ยวเยวส่ายหัวอย่างรวดเร็ว

“ฉันไม่ได้ห่วงตัวเองค่ะ ฉันเป็นห่วงพี่……..

เฉียวฉียิ้ม

“เด็กโง่ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก เธอเคยเห็นฉันถูกเอาเปรียบ ไหม?”

เสี่ยวเยว่คิดอยู่พักหนึ่ง เหมือนกับว่าไม่มี

เธอจึงยิ้มอย่างมีความสุข
“พี่เฉียวเฉียวเป็นคนที่เก่งที่สุดบนโลกใบนี้ ไม่มีใครสู้ได้!”

เฉียวพยักหน้า และพูดอย่างผ่อนคลาย ดังนั้นถ้ามีโอกาส แล้วฉันให้เธอหนีไป เธอต้องไป อย่าคิดถึงเรื่องอื่น เข้าใจไหม?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเสี่ยวเยวอันตรธานหายไป

เฉียวเพิกเฉยต่อปฏิกิริยาของเธอ และอธิบายต่อว่า “เป้า หมายของคนพวกนี้คือฉัน ตอนนี้ฉันไปไม่ได้ ไม่ว่าเฉียวเฉียว ของเธอจะเก่งแค่ไหน แต่ก็มีเพียงคนเดียวไม่อาจสู้คนหมู่มากได้ แต่เธอ จําไว้นะ ฉันจะหาโอกาสให้เธอออกไป หลังจากออกไปก็ รีบกลับไปหาซื้อเฉียนที่ปราสาท บอกเขาถึงสถานการณ์ที่นี่ ไม่ ว่าอย่างไรก็อย่าลังเลเพราะฉัน เข้าใจไหม?”

ใบหน้าของเสี่ยวเยว่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

เธอส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ไม่ ฉันไม่สามารถปล่อย ให้พี่อยู่คนเดียวได้”

เฉียวฉีขมวดคิ้ว

“นี่ไม่นับว่าเธอทิ้งฉันไว้คนเดียว เธอแค่ออกไปหาคนมาช่วย ก่อน ดีกว่ามีคนสองคนติดอยู่ที่นี่ด้วยกัน”

ขณะที่พูด เธอก็แหงนหน้ามองออกไปยังนอกหน้าต่างที่มืดมิด รู้สึกว่าในความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับมีดวงตาที่มองไม่ เห็นคู่หนึ่งจ้องมองมาที่ตัวเอง ทำให้รู้สึกร้อนตัว

เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนี้ แต่สถานที่นี้ทำให้เธอรู้สึก ไม่ปลอดภัยมาก ซึ่งเป็นเรื่องจริง
ถังซีซีเสียชีวิตเพื่อเธอแล้ว ไม่ว่าเธอจะคิดหนทางอะไร เธอก็ จะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเยวอีก

ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน และเธอจะไม่ยอมให้ใครเสียชีวิต เพื่อเธออีกต่อไป

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็กัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะหันไปพูดกับ เสี่ยวเยวว่า “ฉันจะบอกความจริงกับเธอ ผู้ชายเพิ่งมาส่งเธอเมื่อ กี้นี้ อาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นพี่ชายท้องเดียวกันกับฉัน ตอนเด็ก พวกเราอาจจะพลัดพรากกัน เพิ่งมาเจอกันตอนนี้ เขาต้องการให้ ฉันจำเขาได้มาโดยตลอด แต่เป็นเพราะเรื่องราวก่อนหน้า ดังนั้น ฉันเลยไม่อาจจําเขาได้

“ความรักความแค้นที่พัวพันในนั้นมันค่อนข้างซับซ้อนเล็ก น้อย เธอไม่จําเป็นต้องเข้าใจทั้งหมด แต่เพียงต้องรู้แค่จุดเดียว นั่นคือเขาจะไม่ฆ่าฉัน ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัย ของฉัน”

“ตอนนี้ สิ่งที่เราขาดคือคนที่บอกให้โลกภายนอกรับรู้ เมื่อเธอ ออกไปจากที่นี่ เธอก็ไปหาซื้อเฉียน เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะรู้วิธี ช่วยฉันออกมา เข้าใจไหม?”

เสี่ยวเยวมองมายังเธอ สักครู่หนึ่งจึงค่อยพยักหน้า

“เข้าใจแล้ว”

เธอนิ่งไปสักพัก ก่อนจะพูดอีก “แต่ว่า ฉันจะออกไปได้ยังไง” เฉียวฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
อันที่จริง จนถึงตอนนี้ เธอไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่าลิ่วเสิ่นจะ ไม่ได้โกหกเธอ

แต่ในใจของเธอ ความทรงจำที่คลุมเครือเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้น จริงๆ หากความทรงจําของเธอถูกต้อง ความสัมพันธ์ระหว่างคน ทั้งสองน่าจะเป็นจริงมากที่สุด

จุดประสงค์ของอีกฝ่ายในการจับเธอมา บางทีคงไม่บริสุทธิ์ อย่างที่เขาพูด แต่เขาไม่ต้องการชีวิตเธอ ข้อนี้ไม่ต้องสงสัย

ต้องมีสาเหตุอื่นที่ทำให้อีกฝ่ายกังวลมากจนต้องให้เธอ

ยอมรับความสัมพันธ์พี่น้อง

เมื่อคิดมาถึงเรื่องนี้ เธอก็พูดเสียงขรึม “ฉันจะหาวิธี อย่างมาก ก็แค่……..ไม่มีความจริงใจก่อน ไม่ให้อีกฝ่ายดำเนินแผนชั่วร้าย สําเร็จ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็มองไปที่เสี่ยวเยว่ และพูดจริงจังว่า “หลัง จากออกไปแล้ว ทุกอย่างต้องพึ่งเธอแล้ว เธอต้องดูแลความ ปลอดภัยของตัวเองนะ”

เสี่ยวเยวพยักหน้าอย่าหนัก

หลังจากที่ทั้งสองตกลงกัน เฉียว ก็ไม่ปล่อยให้เธอออกไป เพื่อความปลอดภัยของทั้งสองคน ปล่อยให้เธออยู่ในห้อง เดียวกันกับตัวเองและพักผ่อนด้วยกัน

วันรุ่งขึ้น ตื่นมาก็เป็นเวลาสายเสียแล้ว

เสี่ยวเยวตื่นเร็วกว่าเธอ และตอนนี้ก็จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเห็นเธอตื่นขึ้น จึงรีบพูดว่า “พี่เฉียวเฉียว พี่ตื่นแล้ว! จะ ล้างหน้าไหม?”

เฉียว พยักหน้า

เสี่ยวเยวส่งแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันไว้แล้วให้เธอ เฉียวเข้าไป ในห้องน้ำ ล้างหน้าและแปรงฟัน แล้วมองดูตัวเองที่อยู่กำลังสวม แว่น

เธอไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาของเธอหรือเปล่า เธอรู้สึกไม่ ค่อยคุ้นตัวเองตรงหน้าเท่าไหร่นัก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ