วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 456 ซับซ้อนเล็กน้อย



บทที่ 456 ซับซ้อนเล็กน้อย

ผู้หญิงเบื้องหน้ามีอายุไม่มาก เมื่อมองดูระยะใกล้นับว่าหน้าตา สวย แต่สายตาที่เห็นในตอนนี้กลับเย็นชา และใบหน้าก็ได้ อารมณ์ด้วย

เด็กผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างหันหน้าข้างมองประเมินเธอด้วยสีหน้า สงสัย เหมือนกับไม่เข้าใจเรียกเธอทำไมกัน

จิ่งหนิงจ้องมองพวกเขา และรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย มี หลายคําถามที่อยากซักถาม แต่กลับซักถามไม่ออกเลย

ไม่นานเธอก็ซักถามขึ้นว่า ดาKหรอ?” : “คุณเป็นครอบครัวของ

ฝ่ายตรงข้ามเผยสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น พร้อมเผยสายตา หวาดระแวงขึ้น

“คุณรู้จักตาKหรอ?”

“ฉัน…..”

จิ่งหนิงหยุดนิ่ง และพูดขึ้นว่า : “ฉันเป็นเพื่อนของเขา เมื่อก่อน เคยร่วมแข่งรถซิ่งด้วยกัน…….”

เธอยังไม่ทันพูดจบ ฝ่ายตรงข้ามก็เผยสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที

“ที่แท้เป็นคนของทางนั้นนี่เอง ทำไมหรอ? ไล่ตามและสกัดกั้น ในประเทศทุกวิถีทางเพื่อต้องการเค้นความจริงจากฉันยังไม่เพียงพออีกหรอ ถึงกับไล่ตามมาถึงต่างประเทศ? หรือว่าต้องการ จับพวกเราสองแม่ลูกกักขังเพื่อเค้นความจริง?

จิ่งหนึ่งนิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะตอบแบบนี้

จากนั้นเหมือนเธอนึกอะไรบางอย่างออก เลยขมวดคิ้วเล็ก น้อย

“คุณกำลังบอกว่ามีคนไล่ตามจับพวกคุณหรอ?”

ผู้หญิงจ้องมองเธอ ยิ้มและพูดว่า “แสร้งทำไมหรอ? คนดีคือ พวกคุณ คนเลวก็คือพวกคุณเหมือนกัน คุณคิดว่าไม่ยอมรับ แล้ว ฉันจะยอมโง่เชื่อบอกเรื่องที่ควรบอกหรือไม่บอกกับคุณหรอ? ฝัน ไปเถอะ”

จึงหนิงเผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“พี่สะใภ้ บางทีคุณอาจเข้าใจผิดแล้ว ถึงแม้ฉันกับตาเป็น เคียงบ่าเคียงไหล่กัน แต่ฉันได้ไปจากกลุ่มมังกรตั้งนานแล้ว ดัง นั้นเลยยังไม่เข้าใจถึงสถานการณ์สักเท่าไหร่

การตายของเขาไม่เพียงแค่พวกคุณที่เสียใจ ฉันเองก็เสียใจ เหมือนกัน ที่ฉันกลับมาประเทศครั้งนี้ก็เพื่อสืบการตายของเขา ดังนั้นถ้าหากเธอทราบ ได้โปรดบอกฉันด้วยนะคะ

คุณวางใจ ฉันไม่ใช่คนที่คุณหมายถึงหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่ อยากให้ตาKตายอย่างไม่กระจ่าง ฉันเชื่อว่าคุณก็คิดแบบนี้ เหมือนกันใช่ไหม?”

ผู้หญิงจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา โดยไม่พูดอะไร
เมื่อไม่หนานกับซู เห็นแบบนี้ก็เดินเข้ามา

พวกเขาก็รู้เรื่องของตาK และรู้ว่าวิ่งหนึ่งทุ่มเทมากแค่ไหนกับ เรื่องนี้บ้าง

ดังนั้นเมื่อพบกับครอบครัวของตาK พวกเขาก็หวังอยากให้

เธอบอกเบาะแสสักหน่อย เพื่อให้สามารถสืบได้สําเร็จ

ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงช่วยพูดว่า “ใช่ พี่สะใภ้ คุณสามารถ เชื่อใจพวกเราได้ พวกคุณเดินทางมาไกลก็เพื่อเค้นหาความจริง การตายของสามีของคุณไม่ใช่หรอกหรอ ในฐานะภรรยาของเขา คุณเองก็คงอยากทราบว่าใครเป็นคนฆ่าเขากันแน่ จริงไหม?”

แต่ผู้หญิงคนนี้ยังคงไม่พูดอะไร

เธอจ้องมองพวกเขาอย่างนิ่งเงียบสักพัก จากนั้นสายตา หวาดระแวงก็ค่อยๆจางหาย แต่ก็ไม่ได้มีท่าทางเชื่อใจมากสัก เท่าไหร่หรอก

“ไม่จําเป็น พวกคุณไม่ต้องซักถามฉันหรอก ฉันก็ไม่รู้อะไร เหมือนกัน เขาได้ตายไปแล้ว จากนี้ไปฉันอยากใช้ชีวิตกับลูกสาว อย่างเรียบง่าย ไม่อยากถูกใครรบกวนอีก ดังนั้นพวกคุณล้มเลิก ความตั้งใจเถอะค่ะ”

ขณะที่พูด เธอก็จูงเด็กผู้หญิงเดินจากไป

จิ่งหนิงรีบพูดขึ้นว่า

“ถ้าหากคุณกังวลถึงเรื่องความปลอดภัย ฉันสามารถรับ ประกันความปลอดภัยของพวกคุณ….
ผู้หญิงหันหน้าจ้องมองเธอ พร้อมกับยิ้มประชดขึ้น

“รับประกันความปลอดภัยของพวกเราหรอ? คุณรู้ไหมว่าฝ่าย ตรงข้ามคือใคร? คุณเอาอะไรมาพูดว่าจะสามารถรับประกัน ความปลอดภัยของพวกเราได้หรอ?”

เมื่อซูมคู่เห็นจิ้งหนึ่งถูกเล่นงานก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ทันทีว่า “ในเมื่อคุณรู้ว่าพวกเขาคือใคร ก็พูดออกมาให้พวกเรา กําจัดพวกเขาไม่ดีหรอกหรอ? อย่างน้อยแบบนี้ก็ปลอดภัยกว่า พวกคุณสองแม่ลูกเผชิญหน้าตามลำพังไม่ใช่หรอกหรอ”

ฝ่ายตรงข้ามนิ่งเงียบ

จากนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชาขึ้น

“ฉันไม่บอกหรอก ถ้าหากพวกคุณอยากรู้ก็ไปสืบเอาเอง แต่ เห็นแก่คุณเป็นเพื่อนของเขา ฉันขอเตือนว่าต่อให้คุณสืบความ จริงได้ก็คงไม่มีชีวิตรอดหรอก

อย่าหาเรื่องใส่ตัวเองเลย บนโลกใบนี้ไม่ใช่ว่าสามารถมีเรื่อง กับใครตามอำเภอใจได้หรอกนะ”

หลังจากที่เธอพูดจบก็ไม่มองพวกเขาอีก แต่หันหลังเดินจาก

ไปทันที

ซูมู่กับ โม่หนานรู้สึกโมโหมาก

“หนิงหนิง เธอเป็นใครกัน พวกเรามีเจตนาดีช่วยเหลือเธอ แต่ ท่าทางของเธอ….
“ไม่ต้องพูดแล้ว”

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว และไม่แสดงอารมณ์บนใบหน้า หลังจากมอง ดูแม่ลูกจากไปก็หันหลังเดินมาที่จึงเป็น

เหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อกี้ ลู่วิ่งเซินเห็นหมดแล้ว

เมื่อเห็นสีหน้าท้อแท้บนใบหน้าของเธอ เขาก็รู้สึกสงสัย เลย

ซักถามขึ้นว่า : “กำลังคิดอะไรอยู่หรอ?”

จิ่งหนิงพูดขึ้นว่า : “ไม่รู้ทำไม ฉันรู้ว่าเรื่องนี้อาจจะซับซ้อนกว่า ที่พวกเราคิดมาก”

ลู่จิ่งเซินนิ่งเงียบ โดยที่เผยสายตาสงสัย

จิ่งหนีงถอนหายใจ

“คงเป็นเพราะฉันคิดมากเองมั่ง แต่ตอนที่ฉันได้ยินเสียง ของเธอเมื่อกี้ ถ้าหากเรื่องนี้เป็นฝีมือของตระกูลจินจือ เธอคงไม่ ปกปิดอย่างมิดชิดขนาดนี้หรอกมั่ง สิ่งที่ฉันกลัวคือตาอาจจะไป เกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลอื่น หากเป็นแบบนั้นสถานการณ์คงยิ่งซับ ซ้อนแน่”

ลู่วิ่งเป็นไม่อยากให้เธอเป็นกังวล เลยยื่นมือกุมมือเธอไว้ “อย่าคิดมาก พรุ่งนี้เราไปสังเกตการณ์ที่นั่นกันก่อน บางทีอาจ ค้นพบอะไรก็ได้”

จึงหนึ่งพยักหน้าเล็กน้อย

ตอนแรกทุกคนเดินออกมาด้วยอารมณ์ดี แต่ตอนนี้กลับเดินออกมาด้วยอารมณ์อึดอัดใจ

หลังจากกินข้าวเสร็จ และกลับเข้าห้อง คุณผู้หญิงก็วิดีโอคอ ลมาหา เพราะอานอานคิดถึงวิ่งหนึ่ง อยากพูดคุยกับเธอผ่านทาง วิดีโอคอล ทำให้วิ่งหนึ่งอารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้อานอายอายุเจ็ดขวบแล้ว คุณผู้หญิงดูแลเธอเป็นอย่าง ดี และสุขภาพร่างกายของเธอก็ไม่เปราะบางเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้สามารถออกไปวิ่งเล่นกับกลุ่มเพื่อนในโรงเรียนได้แล้ว

ถึงแม้เด็กน้อยอายุยังน้อย แต่มีหน้าตาสวยโดดเด่น แถมมี ส่วนคล้ายคลึงกับลูจึงเป็นอย่างน่าประหลาดใจ

จิ่งหนึ่งจ้องมองเธอ และอดใจไม่หัวเราะออกมาไม่ได้ เป็น เสียงหัวเราะที่มีความสุขและเบิกบาน ซึ่งไม่มีสิ่งใดสามารถ ทดแทนได้เลย

“อานอาน ช่วงนี้หนูเชื่อฟังคุณยายไหมคะ?

อานอ่านยิ้มมุมปากขึ้น “แน่นอนค่ะ หม่า แล้วพวกคุณกลับ มาเมื่อไหร่คะ ไว้รอพวกคุณกลับมา เดี๋ยวหนูจะพาคุณไปปล่อย โคมไฟ โอเคไหมคะ?”

ได้ยินมาว่าช่วงนี้ที่โรงเรียนจัดกิจกรรมหนึ่งอยู่ โดยการให้ พวกเขาเขียนความปราณนาติดบนโคมไฟ และปล่อยให้โคมไฟ ลอยไปตามกระแสน้ำ ซึ่งถือเป็นการทำให้ความปราถนาของ เด็กๆราบรื่นเหมือนกัน

บางทีอาจเป็นเพราะเด็กน้อยยังไม่พอใจ ดังนั้นเลยอยากรอให้จิ้งหนิงกลับประเทศ แล้วพาเธอไปเล่นอีกครั้ง

จิ่งหนึ่งยิ้มและพูดว่า : “คงอีกสักพัก รอฉันกลับประเทศก่อน เดียวไปเป็นเพื่อนหนูแน่นอน โอเคไหม?” มะ

“ค่ะ”

“แล้วอานอานเขียนความปราณนาอะไรหรอ?”

อานอานกะพริบตาเล็กน้อย “หม่า หนูบอกคุณไม่ได้ค่ะ ห หาก บอกเดี๋ยวจะไม่ศักดิ์สิทธิ์”

จิ่งหนิงยิ้มแย้ม คิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยจะจริงจังมากขนาดนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ