วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 935 ความโลภของมนุษย์



บทที่ 935 ความโลภของมนุษย์

“ว่ากันตามเหตุผลแล้วไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็ เป็นรุ่นน้องอยู่ดี ไม่รู้ว่าทำไมทัศนคติของ หนานกงยวที่มีต่อเขา จึงเหมือนกับทัศนคติที่มีต่ออาจารย์ยังไงอย่างงั้น เคารพเขา มาก”

หลังจากฟังจบ หลินซงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“อย่าบอกนะว่า นั่นคืออาจารย์ของเขาจริงๆ?

กู้ซื้อเฉียนขมวดคิ้วพร้อมกับเหลือบมองเขา

“อย่าไร้สาระน่า เรื่องของตระกูลหนานนั้นซับซ้อนมาก สิ่งที่ เราเห็นในตอนนี้เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น ไม่แน่ว่าอาจมี ความลับที่ลึกซึ้งกว่านั้นก็ได้ แล้วเรื่องนี้นายก็อย่าไปพูดสุ่มสี่สุ่ม ห้าเข้าล่ะ ทำเป็นว่าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้แล้วกัน”

หลินซง ทำท่าทางรูดซิปปาก แล้วยกมือขึ้นทำท่าโอเคอีกครั้ง

“เข้าใจแล้ว”

ขณะที่ทั้งสามคนพูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบ อีกด้านหนึ่งนั้น คนที่ต้องการขึ้นไปบนเวทีเพื่อดูสมบัติชิ้นนั้น ก็ดูกันเสร็จแล้ว

พิธีกรประกาศสิ้นสุดงานเลี้ยง และทุกคนก็เดินกลับออกมา ทั้งๆ ที่อารมณ์ยังค้างอยู่

กู้ซือเฉียนและเฉียวฉีก็ออกจากงานมาแล้วเช่นกัน
ทุกคนไม่ได้คาดคิดว่างานวินิจฉัยอัญมณีที่จัดขึ้นโดยหลินชิง นั้น แท้จริงแล้วผู้ที่เป็นตัวตั้งตัวที่อยู่เบื้องหลังคือกู้ซื้อเนียน

แถมยังประกาศสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่สะเทือน วงการได้เลย ทุกคนอยู่ในอารมณ์สับสนเป็นอย่างมาก และในขณะเดียวกัน ก็มีคนจํานวนไม่น้อยที่ในใจยังคงกระเหี้ยนกระหือรือในสมบัติ

เหล่านั้นอยู่

ท้ายที่สุด สมบัติอันน่าอัศจรรย์ที่ถูกเล่าต่อๆ กันไปทั่วโลกนั้น ใครกันจะไม่อยากค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่

ในเวลานี้ กู้ซือเฉียนและเฉียวก็อยู่บนรถที่กำลังจะกลับไปที่ ปราสาทเรียบร้อยแล้ว

ภายในรถเงียบสงัด คนขับคือฉินเยว่ และนอกจากกู้ซื้อเฉียน

และเฉียวฉีแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นอีก

เฉียว ถามด้วยความเป็นห่วง “ซื้อเฉียนคุณว่าการที่เราทำ แบบนี้ มันจะได้ผลจริงเหรอ? จะมีคนมาให้เบาะแสเราจริงๆ ไหม?”

กู้ซือเฉียนตอบเสียงขรึม “มีสิ”

“ทำไมคุณถึงมั่นใจขนาดนั้น?

ชายคนนั้นหันหน้าไปมองเธอ นัยน์ตาลึกของเขาเป็นประกาย ด้วยความคาดเดาไม่ได้
“เพราะความโลภของมนุษย์”

“Tan?”

“ใช่ ทุกคนต่างรู้ที่มาที่ไปของสมบัติชิ้นนี้ แต่ตอนนั้นพวกเขา ไม่รู้ว่ามันมีสิบสองชิ้น เพียงแค่ต้องรวบรมทั้งสิบสองชิ้นเข้าด้วย กันก็จะสามารถเผยให้เห็นอิทธิฤทธิ์ของมันได้ และตอนนี้พวก เขาทั้งหมดก็รู้แล้ว เมื่อเผชิญกับสิ่งล่อใจครั้งยิ่งใหญ่นี้ ไม่มีใคร สามารถต้านทานความอยากรู้อยากเห็นได้แน่ว่าสุดท้ายแล้วผล จะเป็นอย่างไร ตราบใดที่พวกเขามีเบาะแสอยู่ในมือ พวกเขาจะ มอบให้เราอย่างแน่นอน”

เฉียวฉีเงียบไป

เธอกระซิบ “ฉันแค่กลัวนิดหน่อย กลัวว่าเหตุการณ์นี้จะเหมือน กับเมื่อห้าปีก่อน ที่ทําให้เกิดการนองเลือดขึ้น”

ขณะที่เธอพูด เธอหันหน้าไปทางหน้าต่าง และทอดสายตาไป ยังที่ซึ่งอยู่ห่างไกล ราวกับว่าเมื่อมองผ่านหมอกที่หนาทึบออกไป เธอเห็นบางคนหรือเห็นสิ่งของบางอย่างอยู่ที่ไกลๆ นั่น กู้ซื้อเฉียนยื่นมือออกไป และกุมมือเธอไว้

เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “มันจะไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอน”

เสียงของชายผู้นั้นแหบพร่า เต็มไปด้วยความนุ่มลึกและ กังวานที่อธิบายไม่ถูก ราวกับว่าสามารถทำให้ผู้คนสบายใจได้

“ห้าปีที่แล้วก็คือห้าปีที่แล้ว ตอนนี้ก็คือตอนนี้ เราแข็งแกร่งขึ้น กว่าเดิม ไม่ว่าลมฝนจะหนักแค่ไหนก็ไม่มีอะไรต้องกลัว”
เฉียว หันหน้ากลับมา เห็นสายตาของเขาที่กำลังจ้องมองเธอ อย่างหนักแน่น ยกมุมปากขึ้นมา

เพียงไม่นานรถก็จอดอยู่หน้าปราสาทแล้ว

ประตูแกะสลักสีดำเปิดออก และในขณะที่รถกำลังจะเข้าไปใน ปราสาท ทันใดนั้นก็มีเสียงของบางคนดังมาจากที่ไม่ไกล

“รอด้วย! คุณกู้ รอด้วยครับ!”

ทั้งสองคนตกตะลึง กู้ซื้อเนียนบอกให้ฉินเยวหยุดรถ จากนั้นก็ หันกลับไปมอง และเห็นชายวัยกลางคนกำลังวิ่งตรงมาทางนี้

คนคนนั้นก็คือคนที่มาหาหลินซึ่งก่อนหน้านี้ และต้องการมอบ ที่ดินผืนนั้นให้เขา ซึ่งก็คือเจียง ประธานเจียง

ดวงตาของกู้ซือเฉียนลึกลง เขาลดกระจกรถลง และมองไปที่ คนคนนั้น

“ประธานเจียงมีอะไรหรือเปล่าครับ?”

ใบหน้าซื่อๆ และอวบอ้วนของเจียงเผยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ออกมา เขาพยักหน้าพร้อมกับโค้งด้วยความเคารพ และพูดว่า “คุณกู้ครับ สิ่งที่คุณพูดในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้ คุณพูดจริงใช่ ไหม?

มุมริมฝีปากของกู้ซือเฉียนกระตุก “แน่นอน หรือว่าประธาน เจียงมีเบาะแสอะไรอย่างนั้นเหรอ?”

ประธานเจียงปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของตัวเอง และยิ้ม“มีครับมี ถ้าคุณอยากรู้ ผมจะบอกคุณทันที

สายตาของกู้ซือเฉียนหนักแน่นขึ้น แต่ก็ไม่รีบร้อนที่จะให้เขาพูดตอนนี้ แต่สั่งฉินเยว่ว่า “เปิด ประตู ให้ประธานเจียงขึ้นมา”

จากนั้น เขาก็หันหน้าไปพูดกับคนที่อยู่นอกกระจกรถว่า “ถ้า ประธานเจียงไม่รังเกียจ เข้าไปดื่มกันสักแก้วนะครับ แล้วเราค่อย ดื่มกันไปคุยกันไป

สีหน้าของเจียงตำแสดงความพึงพอใจ และตกลงอย่าง รวดเร็ว “เอ๊ะ ได้ครับ ขอบคุณมากๆ ครับคุณกู้ ”

เจียงเป็นนักธุรกิจในเมืองหลิน ที่กล่าวได้ว่าจะยิ่งใหญ่ก็ไม่ ยิ่งใหญ่เสียทีเดียว และจะว่าเล็กไม่ได้เล็กขนาดนั้น

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเขา มักจืดชืดไม่มีขึ้นไม่มีลง เขาทำ เงินได้ก็จริง แต่ก็ขาดทุนมากเช่นกัน ดังนั้นหลังจากทำงานหนัก มาหลายปี เขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จให้ชื่อของตัวเองเป็นที่ ประจักษ์ไปทั่วโลก แต่ก็ยังดีที่ตระกูลของเขานั้นร่ำรวย

หากเป็นเมื่อก่อน คนที่มีฐานะทางสังคมแบบเขา คงเป็นไปไม่ ได้เลยที่จะรอาจมาตีสนิทกับคนอย่างกู้ซื้อเฉียนได้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาถึงปราสาทแห่งนี้

แต่วันนี้แตกต่างออกไป

ก่อนหน้านี้กู้ซื้อเฉียนได้พูดออกไปแล้วว่า ใครก็ตามที่ให้เบาะแสที่เป็นประโยชน์ สามารถขออะไรเขาก็ได้หนึ่งอย่าง ข้อกําหนดนี้ ตราบใดที่ไม่ละเมิดหลักการ เขาจะช่วยให้อีก ฝ่ายหนึ่งบรรลุผลตามนั้น

ซึ่งเทียบเท่ากับเช็คเปล่าหนึ่งใบ

ถ้าได้เช็คเปล่าจากคนอย่างกู้ซื้อเฉียน ก็เท่ากับได้ขึ้นสู่ ตำแหน่งสูงได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงตัวเองเลย แล้วจะไม่ให้ทุก คนหวั่นไหวได้อย่างไร?

ด้วยเหตุนี้ เมื่อกู้ซือเฉียนกล่าวว่า เขายินดีที่จะร่วมมือกับทุก คนทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่ การตอบสนองของทุกคนจึงดูธรรมดาๆ น่าเบื่อ

แต่ในตอนสุดท้ายที่เขาบอกว่า เขาเต็มใจที่จะเป็นหนี้บุญคุณ ของอีกฝ่าย และพร้อมทำตามคำร้องขอของอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ เสียงจากด้านล่างก็คึกคักขึ้นมา

ในเวลานี้ เจียงตขึ้นรถอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง จากนั้น รถก็เคลื่อนตัวเข้าไปในปราสาท หลังจากเข้ามาแล้ว ทิวทัศน์ ภายในนั้นเหนือจินตนาการของเขามากจริงๆ และสายตาของ เขามองตรงไปตลอดทาง

ในใจเขาอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ เขาเคยได้ยินถึงความ วิจิตรตระการตาของปราสาทแห่งตระกูล มานานแล้ว แต่ตอนนี้ ที่เขาได้เข้ามาถึงรู้ว่า สิ่งที่คนอื่นร่ำลือกันนั้นเป็นความจริง

จากนั้นรถก็หยุดอยู่หน้าประตูของปราสาท ฉินเยวลงมาเปิดประตูรถให้พวกเขา ทั้งสามลงจากรถ จากนั้นกู้ซื้อเฉียนก็ทําท่า ทางเชื้อเชิญ “ประธานเจียงเชิญเข้ามาข้างในก่อนครับ”

เจียงต่กลัวเพราะชีวิตนี้เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่า เขาจะ ได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพจากคนอย่างกู้ซื้อเนียน

เขารีบตอบรับอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว และทั้งสามคนก็เข้าไป ในบ้าน หลังจากนั่งลง ลุงโอก็นำชาที่ชงด้วยตัวเองออกมาเสิร์ฟ กู้ซื้อเฉียนจิบชา ก่อนจะถามขึ้นมาว่า “เมื่อครูประธานเจียงเพิ่ง บอกว่า มีเบาะแสเกี่ยวกับแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ใช่ไหมครับ?”

เจียงที่เดิมที่กำลังดื่มชา เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบวางแก้วชาล งอย่างรวดเร็ว พยักหน้าและตอบอย่างระแวดระวัง “ใช่แล้ว ครับ”

“เบาะแส นคืออะไร? เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิครับ”

เจียงตากลืนน้ำลายลงคอ แล้วเล่าด้วยเสียงอ้อมแอ้ม เดิมที ก่อนหน้านี้ที่เขาได้ยินเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์อันน่าอัศจรรย์ ของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ ก็รู้สึกสนใจของสิ่งนี้ขึ้นมา

แต่เขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของตัวเอง จึงไม่กล้าคิด ดั่งคำ พังเพยที่ว่า ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมี ความผิด ซึ่งหมายความว่าการที่มีสมบัติอยู่กับตัวสามารถก่อให้ เกิดภยันตรายได้ ดังนั้นต่อให้มีใครอยากจะมอบมันให้กับเขา เขาก็ไม่กล้ารับมันไว้อยู่ดี

ดังนั้น โดยปกติแล้วเขาจะเพียงสนใจมันอย่างเงียบๆ และไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเขาจะค้นพบมันด้วยตัวเขาเอง

แต่สวรรค์ก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ คนที่ตามหา กลับไม่พบ แต่เป็นคนเหล่านั้นที่ไม่ได้ต้องการตามหาเลย แต่โดยไม่ได้ ตั้งใจ พวกเขาพบมันภายใต้การล้อเล่นของโชคชะตา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ