วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่400 เข้ามาขอพบที่หน้าประตู



บทที่400 เข้ามาขอพบที่หน้าประตู

จิ่งหนิงตก ใจ และรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

เธอคิดไม่ออกว่าทำไมจู่ๆท่านกวนถึงได้มีท่าที่เปลี่ยนไปเป็น อย่างนี้

เพิ่งที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกสับสน จนกระทั่ง กวนจี้หมิง และท่าน กวนจากไป พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เขาหันไปมองลู่จิ้งเซิน “พี่รอง พวกเขาทําแบบนี้ทำไม? ทำไม ผมถึงรู้สึกว่าท่าทีที่ท่านกวนปฏิบัติต่อพี่สะใภ้มันดูแปลกๆ

จิ่งหนึ่งไม่ได้พูดอะไร จริงๆแล้วไม่ได้มีเพียงแต่เพิ่งที่รู้สึก แบบนั้น ตัวเธอเองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน

ลู่วิ่งเซ็นมีแววตาลุ่มลึกขึ้นเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ได้เข้าร่วมในหัวข้อสนทนานี้ แต่พูด อย่างเคร่งขรึมว่า “พอได้แล้ว นี่มันดึกมากแล้ว พวกเรากลับกัน ได้แล้ว”

พูดจบ ก็ดึงจิ่งหนิงออกไป

ขณะที่อยู่บนทางกลับบ้าน ซึ่งหนึ่งพูดอย่างสงสัย “กวนและ คุณลุงมีอะไรจะคุยกับฉันงั้นเหรอ?”

ลู่จิ่งเซินกลอกตามองไปที่เธอ “อยากรู้?”

จิ่งหนิงพยักหน้า
“พรุ่งนี้ไปเดี๋ยวเธอก็รู้เอง”

“หา?” จิ่งหนึ่งแสดงให้เห็นสีหน้าที่ผิดหวัง “ฉันนึกว่าคุณจะรู้ เสียอีก ถ้าหากว่าต้องไปที่ตระกูลกวนถึงจะรู้ งั้นฉันก็เลือกที่จะ

ไม่รู้ดีกว่า” เมื่อเห็นสีหน้าที่ผิดหวังของเธอ ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาพร้อม

แววตาลุ่มลึก

“หนิงหนิง เธอบอกฉันได้ไหมว่าทำไมเธอถึงได้กีดกันตระกูล กวนออกขนาดนั้น”

จิ่งหนิงอึ้ง “กีดกันตระกูลกวน? ฉันทำแบบนั้นเหรอ?”

ฝ่ายชายตอบอย่างมั่นใจ

จิ่งหนิงอุทาน “คงเป็นเพราะไม่ถูกชะตาด้วยล่ะมั้ง บ่อยครั้งที่ ฉันรู้สึกว่าคนของตระกูลกวนแปลกๆ ถ้าจะให้ลงรายละเอียดว่า แปลกยังไงก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน จะยังไงเสียก็ไม่ชอบพวกเขา”

ลู่จิ่งเซินครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะพูดว่า “เป็นไปได้ไหมว่าเธอ โพยตีพายไปเอง เพราะเรื่องของกวนจี๋หลี่และจึงเสี่ยวหย่าทำให้ ค่อนข้างมีอคติต่อพวกเขา?”

จิ่งหนึ่งขมวดคิ้ว มองไปที่เขาอย่างสงสัย

“ทำไมคุณถึงชอบพูดแก้ต่างให้พวกเขาด้วย หรือว่าคุณมีเรื่อง อะไรที่ปิดบังฉันอยู่?”
ฝ่ายชายสีหน้าเคร่งขรึม รีบพูดว่า “ไม่มี”

จิ่งหนึ่งมองไปที่เขา “จริงรึเปล่า?”

ฝ่ายชายพยักหน้า “จริงเสียยิ่งกว่าจริง

ในความเป็นจริงเขาก็ไม่แน่ใจในการคาดเดาของตัวเขาเอง แต่เมื่อเห็นท่าทีของท่านกวนและกวนจี้หมิงเขาก็อดไม่ได้ที่จะ นึกถึงคำถามนี้ก็เท่านั้น

“แต่หากพูดตามความจริงแล้วนั้น ฉันรู้สึกว่าลุงรองกวนก็ไม่ เลวนะ เป็นคนดีเลยล่ะ ฉันจะไม่กีดกันเขาออก ส่วนท่านกวน นั้น….อืม รู้สึกว่าเขาคนนี้เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม มันเป็นแค่ ความเห็นส่วนตัวของฉันนะ”

ลู่จิ้งเซินยิ้มบาง “ทั้งหมดนี้เธอก็ดูออกหมดแล้ว ดูเหมือน ว่าการฝึกฝนของกวนกว่าสิบปีมานี้ ก็ยังคงใช้ไม่ได้

จิ่งหนิงรู้สึกอึดอัดใจเมื่อถูกเขาชม

“พอได้แล้วน่า พวกเราเลิกพูดเรื่องพวกเขาดีกว่า รู้สึกเหมือน พูดลับหลังพวกเขายังไงไม่รู้

“อื้ม โอเค”

ทั้งสองคนก็ไม่ได้ถกเถียงในหัวข้อสนทนานี้ต่อไป

วันต่อมา แน่นอนว่าวิ่งหนึ่งก็ไม่ได้ไป แม้ว่าท่านกวนจะผิดหวัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เดิมทีเขาต้องการที่จะเพิกเฉยและบอกความ จริงไปตรงๆ แต่กวนจี้หมิงก็ได้หยุดเขาไว้
ความหมายของกวนจี้หมิงก็คือ เนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทำให้จิ่งหนึ่งมีอคติต่อตระกูลกวนอยู่แล้ว ถ้าหากบุ่มบ่ามพูดไป ตรงๆ ในเวลานี้ เธออาจไม่เต็มใจที่จะยอมรับในตัวตนนี้และเธอ อาจจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับคนนี้

ท้ายที่สุดแล้ว หลังจากที่ได้ผ่านเรื่องไปทำให้มองนิสัยของจึง หนิงออกได้มากขึ้น

รักแรงเกลียดแรง ไม่ชอบการประจบสอพลอ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอยังเป็นคุณผู้หญิงของตระกูล จริงๆมันอาจไม่คู่ควร กับฐานะในการเป็นหลานสาวของตระกูลกวนท่านกวนไม่พอใจ ในความคิดของกวนจี้หมิงเป็นอย่างมาก แต่ความเป็นจริงกลับ บอกเขาว่า ความเป็นจริงคงจะเป็นอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ เดิมที จึงหนิงก็ไม่ให้ค่ากับการยึดติดอยู่กับตระกูลกวนอยู่แล้ว

แค่เธอปฏิเสธการมางานเลี้ยงวันนี้ก็เพียงพอให้เข้าใจได้แล้ว

การเชื้อเชิญครั้งนี้ ถ้าหากเป็นเด็กผู้หญิงคนอื่น คงเข้ามาแย่ง ชิงกันเป็นแน่ แต่สําหรับเธอแล้วกลับไม่แยแสใดๆ ถึงขั้นว่าได้ กีดกันออกไปแล้วด้วย

ชายชราไม่อยากที่จะยอมรับว่าเธอไม่ชอบตระกูลกวนจริงๆ จะทำไงได้ล่ะ?

แสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างชายชรามองไป นอกหน้าต่างที่เขียวขจี หลงอยู่ในความคิดของตนเอง

ในตอนนั้นเอง มีเสียงหนึ่งเข้ามาแทรกในห้วงความคิดของ
“นายท่าน สุภาพบุรุษนามสกุล เกือมาขอพบ

ชายชราดึงสติกลับมา หันหน้ากลับมามองไปที่พ่อบ้าน “ว่าไง นะ? ใครอยากพบฉัน?”

“ท่านจูเก๋อ นี่คือนามบัตรของเขาครับ”

พ่อบ้านส่งบัตรสีบรอนซ์ให้กับมือของเขาด้วยความนอบน้อม เป็นบัตรที่เรียบง่าย มีดอกเสี้ยวขาวสลักเป็น โลโก้สีม่วง และ สลักชื่อว่าจูเก่อหลิวเฟิง

ชายชรารู้สึกตกใจ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“เขาอยู่ที่ไหน?”

“อยู่ที่ห้องรับแขกด้านล่างครับ”

ชายชราพยายามดึงสีหน้ากลับ นัยน์ตาลุ่มลึก พูดด้วยน้ำ เสียงเยือกเย็น “พาฉันลงไปด้านล่าง

วันนี้โรคเก่าของชายชราได้กำเริบ เจ็บที่หัวเข่าเล็กน้อย ดังนั้น ทำได้เพียงนั่งบนวีลแชร์

เมื่อพ่อบ้านเข็นเขาเข้าไปในห้องรับแขก เห็นได้ชัดว่าร่างกาย ของชายชราสั่นเล็กน้อย

ชายหนุ่มที่อยู่ในห้องรับแขกลุกขึ้นยืน

ชายชราโบกมือ โบกมือให้พ่อบ้านและคนรับใช้ออกไป เหลือ เพียงพวกเขาสองคนในห้องรับแขกขนาดใหญ่
“ท่านเก่ง ไม่เจอกันนานเลยนะ”

ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

จูเก่อหลิวเพิ่งมองไปที่เขา ใบหน้านั้นยังคงไม่แยแส “นายท่า นกวน หลายปีมานี้ยังดีอยู่ใช่ไหมครับ?”

ท่านกวนหัวเราะอย่างเย็นชา “ต้องขอบคุณคุณ ที่ฉันยังไม่

ตาย!”

จูเก๋อหลิวเฟิงยิ้มอ่อน “ดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่ยอมทิ้งอคติที่มี ต่อผมไปนะ”

ท่านกวนแสดงแววตาที่โกรธเกรี้ยว พูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัด “แกยังมีหน้ามาพูดเรื่องวางอคติลง? คนที่ตายไปนั้นไม่ใช่ ลูกสาวของแก แกก็ปล่อยวางมันได้ง่ายๆอยู่แล้ว! จูเก๋อหลิวเฟิง ฉันบอกแกไว้เลยนะ! ชาตินี้ฉันจะไม่มีวันลบอคติที่มีต่อตระกูล เก่อแน่นอน! ”

ชายชราพูดอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน หลังจากพูด เสร็จเขาก็ตกจากบนรถเข็น ใบหน้าแดงไปจนถึงใบหู จนแทบ หายใจไม่ออก

จูเก่อหลิวเฟิงมองไปที่เขาอย่างเมินเฉย พูดแนะนำต่อไปว่า “ดูเหมือนว่าสุขภาพคุณตอนนี้จะแย่ลงมากนะ ผมแนะนำว่าคุณ ควรจะสงบสติอารมณ์ไว้ก่อนจะดีกว่า”

ชายชราหัวเราะอย่างเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร

แต่กลับพยายามสงบสติอารมณ์ลงเงียบๆ
อยู่ๆ เก่อหลิวเฟิงก็พูดขึ้นมา “คุณโทษมาตลอดว่าลูกสาวของ คุณตาย แต่ดูเหมือนคุณจะลืมไปว่า ผมเองก็ได้สูญเสียพี่ชายของ ผมไป ถ้าคุณต้องการคิดบัญชีจริงๆล่ะก็ เกรงว่าคงจะไม่มีใครได้ หรือเสียไปมากกว่ากัน!”

ชายชรากัดกระพุ้งแก้ม และจ้องเขาด้วยความโกรธจัด

“แบบนั้นเขาเรียนว่าแส่หาเรื่องให้ตัวเอง! ลูกสาวฉันก็ถูกเขา หลอกถึงได้ตกไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นได้!!

ดูเหมือนว่าจูเก๋อหลิวเฟิงไม่ได้อยากจะโต้เถียงกับเขา เรื่องนั้น มันก็ผ่านมาแล้วสิบกว่าปี คนตายก็ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ไม่มี เหตุผลอะไรที่จะต้องไปโต้เถียง

เขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็ง “เรื่องระหว่างพวกเขาสองคน พวก เราไม่มีสิทธิ์จะไปยุ่มย่าม ครั้งนี้ที่ฉันกลับประเทศเพียงแค่อยาก จะถามคุณเรื่องหนึ่ง เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่? ”

สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปทันที

“เด็กอะไร? ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดถึงเรื่องอะไร

“เด็กที่คุณกวนให้กำเนิดมาในตอนนั้น ลูกสาวของพี่ชายผม เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน คุณบอกผมเรื่องเด็กคนนั้นมาก็สิ้นเรื่อง ยี่สิบ ปีมานี้พวกเราพยายามตามหากันมาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีเบาะ แสใดๆ เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้ยินว่าหลานสาวของตระกูลกวนได้ ถูกพาตัวกลับมาแล้ว ฉันรู้สึกว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตามฉันควรกลับ มาดูสักหน่อย นายท่านกวน ได้โปรดส่งเด็กคนนั้นมาเถอะ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ