วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 985 รักและห่วงเธอมาก



บทที่ 985 รักและห่วงเธอมาก

จิ่งหนึ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย

ลู่หลินจืออดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน

“มันจะวุ่นวายได้สักแค่ไหนกัน? ฉันพาการ์ดไปด้วยไม่ได้รึไง? อีกอย่าง ตระกูลเราก็ขนาดนี้จะไปกลัวความวุ่นวายทำไม ใครจะ กล้ามาแหย็มกับเรา ใช่ไหมล่ะจึงเป็น?”

ขณะพูด เธอก็หันไปยิ้มประจบให้ลู่วิ่งเซินด้วย

ลู่วิ่งเซินก็ไม่ได้ห้ามที่เธอจะออกไปเที่ยวเล่น เพราะถึงยังไง เขาก็รู้จักนิสัยของลู่หลั่นลือ หล่อนเป็นคนที่ใครห้ามก็ไม่ฟัง หรอก

ดังนั้น เขาจึงหยิบบัตรออกมาใบหนึ่ง ก่อนจะยื่นให้เธอ ชายหนุ่มพูดต่อด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “อยู่กับการ์ดดี ๆ อย่า ก่อเรื่อง”

ลู่หลินจือรีบยิ้มจนตาหยีพร้อมกับพยักหน้ารับทันที “ตกลง ฉัน จะจําไว้ ขอบใจมากนะหลานชาย

จากนั้นลู่วิ่งเซินจึงพาวิ่งหนึ่งและทุกคนกลับไปทางโรงแรม

หลังจากกลับมาถึง โม่ไฉ่เวยก็รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย หลังจาก นัดแนะกับจิ่งหนึ่งเรียบร้อยแล้วว่าถึงเวลาทานอาหารเย็นค่อยลง มาเจอกัน เซวซูก็พาเธอเข้าไปพักที่ห้องก่อน
จิ่งหนิงเองก็ตามลู่จิ้งเซินเข้าไปพักที่ห้องด้วยเช่นกัน พอกลับมาถึงห้อง จึงหนิงก็อดที่จะโอดครวญไม่ได้ “คุณ

ตามใจคุณป้าเกินไปแล้วนะ พวกเรายังไม่ชินกับที่นี่เลย ยิ่งนิสัย ของเธอที่ชอบก่อเรื่องอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ การ์ดที่พา ไปจะช่วยอะไรได้?”

ลู่จิ่งเซินเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะโอบเธอจากด้านหลัง แล้วพูด

พร้อมรอยยิ้มว่า “หลานสะใภ้พูดถูก

ถึงแม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่มือกลับไม่เป็นอย่างที่พูด ชายหนุ่มย่อตัวลง จากนั้นก็จับเอวเนียนนุ่มของจิ้งหนึ่งไว้ แล้ว ค่อย ๆ เอาหูแนบไปที่ท้องของเธอ

“ให้ผมฟังหน่อย วันนี้ลูกชายพูดกับผมรึยัง?”

จิ่งหนึ่งยืนอยู่อยู่ที่เดิม ปล่อยให้เขาเอาหูแนบกับท้อง ก่อนจะ พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ยังไม่ทันคลอดเลย คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็น ลูกชาย?”

ลู่จิ่งเซินเงยหน้ามองเธอเล็กน้อย “ผมทำเองผมก็ต้องรู้สึ

จิ่งหนิง

เธออยากจะทุบผู้ชายคนนี้สักทีจริง ๆ

ลู่วิ่งเซินฟังไปสักพัก ไม่รู้ว่าเขาได้ยินอะไรรึยัง สุดท้ายเขายึด ตัวขึ้นอย่างพออกพอใจ ก่อนจะพยุงเธอไปนั่งที่โซฟาด้านข้าง

จิ่งหนึ่งหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ “คุณได้ยินลูกชายพูดอะไรกับคุณรึยัง?”

ลู่วิ่งเซินพยักหน้ารับอย่างจริงจัง “แน่นอนว่าได้ยินแล้ว

“งั้นเขาพูดกับคุณว่าอะไรเหรอ?”

ลู่วิ่งเซ็นตอบกลับอย่างมีลับลมคมนัยว่า “เขาพูดว่า ความลับ บอกไม่ได้”

จิ่งหนิงรู้ในทันทีว่าเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสักนิด เพียงแค่ อยากล้อเธอเล่นก็เท่านั้น

หญิงสาวจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาแล้วตีเขาไปหนึ่งที่

ลู่จิ่งเซินเองก็ไม่หลบ เขายอมให้เธอตีแต่โดยดี เพราะถึงยังไง ก่าปั้นน้อย ๆ ของเธอก็ทำให้เขาแค่นั้น ๆ เท่านั้น ชายหนุ่มแทบ จะไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย

ทั้งสองหยอกล้อกันอยู่พักหนึ่ง จนวิ่งหนึ่งเริ่มเหนื่อย หญิงสาว

เลยเอนกายลงบนโซฟาเพื่อพักผ่อน

ส่วนลู่วิ่งเซินก็ออกไปจัดการเอกสารบางอย่างที่เพิ่งจะส่ง มาให้ ซึ่งเป็นเอกสารที่จำเป็นต้องให้เขาตรวจเช็ค

ภายในห้องค่อย ๆ เงียบสงบลงอีกครั้ง

ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก ลู่วิ่งเซินเองก็ตั้งใจจัดการกับ เอกสารอยู่ ชายหนุ่มนั่งจัดการเอกสารอยู่ตรงนั้นจนเสร็จถึงจะ เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะพบว่าท้องฟ้าด้านนอกมืดไปตั้งแต่ตอน ไหนก็ไม่รู้
เขาเหลือบมองไปที่นาฬิกา แล้วก็เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาสอง

ทุ่มแล้ว หัวใจเขากระตุกไปเล็กน้อย อดตำหนิตัวเองไม่ได้ที่จมดิ่งกับ

งานเกินไป จนลืมแม้กระทั่งดูเวลา เขารีบยืดตัวขึ้นจากโต๊ะทำงาน ก่อนที่เขาจะเห็นภาพเบื้อง หน้า ไม่รู้ว่าอาจจะเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป หรือรอนานเกินไป

แต่ตอนนี้จึงหนิงนอนหลับอยู่บนโซฟาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ร่างบางของหญิงสาวนอนขดตัวอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ราวกับ ตุ๊กตากระดาษ

ตัวเธอขาวซีดจนทําให้คนที่เห็นอดรู้สึกเป็นห่วงและอยาก ปกป้องไม่ได้

ลู่วิ่งเซินเดินออกไปข้างหน้า ก่อนจะเอาเสื้อคลุมของตัวเอง

คลุมตัวให้เธอ จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือลูบไปที่หน้าผากเบา ๆ อย่าง

ใส่ใจ พอเห็นว่าอุณหภูมิเป็นปกติ เขาถึงค่อย ๆ วางใจลง เขาเห็นวิ่งหนึ่งนอนเหมือนร้อนมาก พอนึก ๆ ดูแล้วช่วงสอง วันนี้เธอวิ่งตามเขาไปแทบทุกที่ คงจะเหนื่อยไม่น้อย

เพราะงั้นชายหนุ่มเลยแข็งใจปลุกเธอขึ้นมาไม่ได้ เขาค่อย ๆ ช้อนตัวเธอขึ้นอย่างเบามือ จากนั้นก็วางเธอลงบนเตียง ห่มผ้า ให้ แล้วจึงหมุนตัวเดินออกมา

ขณะเดียวกัน โมไฉ่เวยกับ เซวซูก็ยังอยู่ที่ห้องของตัวเอง ลู่วิ่งเซินเดินไปทางห้องพวกเขา ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะเบา ๆ
ไม่นานคน ในห้องก็เปิดประตูออกมา

เชวสวมชุดสูทพอดีตัวยืนอยู่ที่หน้าประตู พอเห็นว่าเป็นเขา อีกฝ่ายจึงเบี่ยงตัวหลบเพื่อให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปด้านใน

ทว่าลู่จิ้งเซินกลับส่ายหน้าเบา ๆ

โม่ไฉ่เวยเองก็ได้ยินเสียงเช่นกัน เธอเลยเดินออกมาดู เมื่อ เห็นว่ามีแค่ลูจึงเป็นคนเดียว วิ่งหนึ่งไม่ได้ออกมาด้วย เธอเลยคิด ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จึงเอ่ยถามชายหนุ่มอย่างร้อนรนว่า “เกิด อะไรขึ้น?”

จึงเป็นยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะตอบว่า “ไม่มีอะไรครับ ผมแค่จะมาบอกว่า หนึ่งหญิงนอนหลับอยู่ น่าจะอีกสักพัก คงจะ ไปทานอาหารเย็นกับพวกคุณไม่ได้ ถ้าทั้งสองท่านหิว ไปทานกัน ก่อนดีไหมครับ ผมได้ยินว่าแถวนี้มีร้านอาหารอร่อย ๆ อยู่สอง ร้าน รสชาติไม่เลวเลย เดี๋ยวผมพาไปเอง”

โมไฉ่เวยชะงักไปชั่วขณะ เธอเองก็ไม่ได้โง่ แค่เคยได้รับ บาดแผลมาก่อน จนทำให้สภาพจิตใจอ่อนไหวและมีอุปสรรคใน การสื่อสารกับคนแปลกหน้าเท่านั้น

ดังนั้น เธอถึงเข้าใจขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร พวกเราไปเองก็ได้ เพราะยังไงหนิงหนิงก็เหนื่อยมาก แล้ว คุณอยู่พักเป็นเพื่อนเธอเถอะ”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้ารับ “งั้นเดินทางกันดี ๆ นะครับ มีเรื่องอะไร โทรหาผมได้ตลอดเลย
ทั้งสองพยักหน้า จากนั้นจึงเป็นก็เดินจากไป

พอกลับไปถึงห้อง ชายหนุ่มก็เห็นวิ่งหนึ่งที่ไม่รู้ว่ารู้สึกตัวตั้งแต่ เมื่อไรตีนอยู่

ลู่วิ่งเซินจึงรีบก้าวเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว

“เมื่อครูผมปิดประตูรบกวนคุณใช่ไหม?”

จิ่งหนิงเหลือบตามองเขา ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ

“เปล่า” เธอชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบตามองสำรวจ ตัวเองด้วยความสงสัย

“ฉันหลับไปได้ยังไงกัน?”

ลู่จิ่งเซินนั่งลง ก่อนจะลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน

“คุณเหนื่อยเกินไปน่ะสิ เมื่อครู่คุณนั่งรอผมอยู่ตรงนั้น นั่งไป นั่งมาก็หลับไปเฉยเลย

จึงหนิงก็เพิ่งจะคิดขึ้นได้ หญิงสาวเลยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับ ตัวเองเบา ๆ ก่อนที่เธอจะตกใจนึกถึงโม่ไฉ่เวยขึ้นมา

“เฮ้ ตอนนี้กี่โมงแล้ว? คุณแม่ได้เวลาออกไปทานข้าวแล้วใช่

ไหม?”

เธอพูดไปพลาง พร้อมกับควานหาโทรศัพท์เพื่อจะดูเวลาไป

ด้วย

ลู่จิ่งเซินจึงต้องรีบรั้งเธอไว้ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องรีบ ผมไปบอกคุณแม่คุณแล้ว พวกท่านจะออกไปทานเอง ไม่ได้รอพวกเรา”

จิ่งหนิงได้ฟังดังนั้น ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

บางทีอาจเป็นเพราะไม่ไฉ่เวยหายตัวไปนานกว่าสิบปี ซึ่งหนึ่ง เลยมักจะรู้สึกเหมือนกับกำลังจะสูญเสียหล่อนไป ยิ่งตอนนี้เธอ ให้ความสำคัญกับผู้เป็นแม่มาก เพราะงั้น เธอเลยเลี่ยงความ รู้สึกตื่นตัวตลอดเวลาแบบนี้ไม่ได้

ลู่วิ่งเซินก็เข้าใจความรู้สึกของเธอดี เขาจึงไม่ได้ว่าอะไร เพียง แค่เกลี่ยผมขึ้นทัดหูให้เธอเบา ๆ แล้วถามขึ้นว่า “หิวรึยัง?”

จิ่งหนึ่งรูปท้องตัวเองไปมา

ไม่น่าพูดเลย เมื่อครู่นี้ไม่พูดเธอก็ไม่รู้สึกอะไร พอตอนนี้อีก ฝ่ายพูดขึ้นมา เธอกลับรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหิวแล้วจริง ๆ

หญิงสาวพยักหน้ารับ

ลู่วิ่งเซ็นจึงพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “มีสองตัวเลือก หนึ่งคือให้คนขึ้น มาส่งอาหารแล้วทานในห้อง สองคือลงไปทานที่ห้องอาหารข้าง ล่าง คุณจะเลือกอะไร?”

จิ่งหนึ่งยิ้มพร้อมกับตอบว่า “ทำไมถึงมีแค่สองตัวเลือกล่ะ? เรายังออกไปเดินเล่นข้างนอก หาร้านอื่น ๆ ทานได้ไม่ใช่เหรอ?”

ทว่าลู่วิ่งเซินกลับส่ายหน้าไปมา “ไม่ได้ วันนี้คุณเดินนานเกิน ไปแล้ว จะออกไปเดินตะลอนอีกไม่ได้”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ