วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 956 ไปหาเธอเพื่อยืมเงิน



บทที่ 956 ไปหาเธอเพื่อยืมเงิน

จริงๆ แล้วความคิดของจิ้งหนึ่งก็คือ ผู้อาวุโสสองท่านอย่างไร ก็อายุมากแล้ว ทนความเหนื่อยไม่ได้ ฟังเสียงดังโวยวายก็ไม่ได้

ตอนนี้อานอานเก้าขวบแล้ว อารมณ์สงบนิ่งกว่าตอนเป็นเด็ก มาก ให้ผู้อาวุโสสองท่านช่วยดูแลเธอสักหน่อย แน่นอนว่าไม่ ต้องใช้กำลังเยอะ แค่ดูการบ้านเธอบ้าง รวมถึงอยู่เป็นเพื่อนเธอ ในแต่ละวัน

และอานอานมีนิสัยใส่ใจ ผู้อาวุโสสองท่านอายุมากแล้ว ถึงจะ บอกว่าชอบความสงบ แต่อย่างไรแล้วบางครั้งก็คิดถึงการอยู่ ด้วยของลูกหลาน ช่วงไม่กี่เดือนนี้ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนท่าน และนายหญิง มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

แต่จิ้งเจ๋อน้อยไม่เหมือนกัน

อายุสามสี่ขวบ เป็นช่วงที่เสียงดังมากที่สุด ทำให้บ้านวุ่นวาย เหมือนไก่บินเตลิดหมาวิ่งพล่านทั้งวัน ถ้าผู้อาวุโสสองท่านดูแล เขา เกรงว่าจะลำบากมาก

ทำไมนายหญิงจะไม่เข้าใจความคิดของเธอ จึงสงสารจิ่งหนึ่ง ไปอีกขั้น ลูบมือเธอ ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “หนิงหนึ่ง สองสามปี นี้เธอลำบากมากแล้ว”

จิ่งหนิงยิ้มเล็กน้อย “ไม่ลำบากค่ะ มันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำ” ลู่หลินจือเห็นพวกเธอคุยกันอย่างออกรส จึงพูดแทรกเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ

“จริงด้วยๆ ความลำบากของหญิงหนึ่งหลายปีที่ผ่านมานี้ฉันก็

เห็นเหมือนกัน ครอบครัวเราโชคดีที่มีเธอ ไม่งั้นยุ่งเหยิงแน่ เธอพูดไม่เป็น เมื่อพูดออกมา เดิมทีบรรยากาศที่อบอุ่น กลมกลืนก็กลายเป็นกระอักกระอ่วนอย่างมากทันที

นายหญิงจ้องเธออย่างไม่พอใจ “นี่เธอหมายความว่า เมื่อ ก่อนฉันจัดการแย่มากนั้นสิ

ลู่หลินจือตกตะลึง ในใจเกิดเสียง “ตึกตัก

รีบยิ้มประจบสอพลอ “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น นะแม่ ฉันหมายความว่าหนึ่งหนึ่งจัดการดี

จิ่งหนิงก็ยิ้มเช่นกัน

ตอนนี้นายหญิงไม่ดูแลจัดการแล้ว ตระกูลลู่ทั้งหมดปล่อยให้ เธอดูแล ลู่วิ่งเซินก็เชื่อใจเธอมาก หลั่นลือก็รู้ว่าการดูแลจัดการ ของตัวเองมันหมดหวัง ด้วยเหตุนี้จึงประสบประแจงเธอมากขึ้น เรื่อยๆ

ท่าทีของจิ้งหนึ่งคือเป็นคนประเภทที่ถ้าคุณดีกับฉัน ฉันก็ดีกับ คุณ เดินผ่านบันไดก็ต้องหลีกทาง

ด้วยเหตุนี้ก็ไม่เก๊ก ยิ้มพูดขึ้น “คุณย่าดีที่สุดอย่างแน่นอนค่ะ คุณน้าก็ไม่แย่ ก่อนหน้านี้ยังได้ยินมาว่า คุณลงทุนธุรกิจอะไร ทำ เงินได้มหาศาลเลยไม่ใช่เหรอคะ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าหลั่นลือก็แข็งที่อ

แต่ไม่นานก็คืนสู่สภาพเดิม ยิ้มแห้งๆ พูดขึ้น “ใช่ ทำเงินได้ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ฉันแค่เล่นๆ เท่านั้นแหละ ยังไงแล้วฉันก็ ไม่มีหัวธุรกิจอะไร ใช่ไหมคะ? แม่”

พูดจบ ก็ยังขอความเห็นด้วยจากนายหญิงโดยเฉพาะ นายหญิงทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ “เรื่องนี้เธอก็รู้ตัวเองดี

ลู่หลินจือมีสีหน้าอับอาย จึงหนึ่งก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก เห็นเวลา ใกล้หมดลง ก็สั่งป้าหลิวเอาอาหารมา

“คุณปู่ คุณย่า เราไปทานอาหารที่ห้องอาหารกันดีไหม?” ท่านปูลู่และนายหญิงหมิ่นล้วนพยักหน้า ผู้คนกลุ่มหนึ่งเดินไป ที่ห้องอาหารด้วยกัน

ทานอาหารเสร็จแล้ว นายหญิงและท่านก็กลับไปก่อน แต่ลู่

หลันจือไม่รีบร้อนกลับ

เธอนั่งในห้องรับแขก ประสานนิ้วเข้าด้วยกันนิดหน่อย มองจึง หนึ่งเดินลงมาจากชั้นบน ก็รีบลุกขึ้น “หนิงหนึ่ง เธอลงมาทำไม? เธอไม่พักกลางวันเหรอ?”

จิ่งหนึ่งรู้สึกตลกมาก ครุ่นคิดว่าเธอยังอยู่ที่นี่? ตัวเองจะไปพัก กลางวันได้อย่างไร?

แต่เธอก็ไม่พูดมันออกมา แค่ยิ้มแล้วถามขึ้น “คุณน้ามีเรื่อง อะไรเหรอคะ?”
ลู่หลินจือสีหน้าแข็งทื่อ รอยยิ้มกระอักกระอ่วน “ฉ-ฉันมีเรื่อง อยากคุยกับเธอสักหน่อย

จิ่งหนึ่งพยักหน้า

จริงๆ แล้วเธอก็เดาไว้นานแล้ว วันนี้ตั้งแต่หลันซื้อเข้ามา ความรู้สึกที่มอบให้มันผิดปกติ

เมื่อก่อนถึงแม้เธอจะเป็นมิตรกับตน แต่ไม่ถึงกับประจบประ แจง อย่างมากที่สุดคือเป็นมิตรเพราะให้เกียรติ

วันนี้กลับยกย่องเธอหลายครั้ง น่าจะมีเรื่องขอร้องตน

เมื่อคิดเช่นนี้ จึงหนิงก็เข้าใจขึ้นบ้าง เดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามเธอ “คุณน้ามีเรื่องอะไร พูดได้เลยไม่ต้องเกรงใจ

ลู่หลินจือก็นั่งลงเช่นกัน ลังเลพักใหญ่ ก่อนพูดขึ้นอย่างกังวล

“เรื่องนี้ถ้าฉันบอกเธอ เธอห้ามบอกนายหญิงกับท่าน และห้าม

บอกจิ่งเซิน ได้ไหม?

จิ่งหนิงคิด แล้วพยักหน้าตกลง

“ฉันไม่พูดก็ได้ค่ะ แต่ถ้าพวกเขารู้จากช่องทางอื่น นั่นก็โทษ ฉันไม่ได้นะคะ”

ลู่หลินจือรีบพยักหน้า “ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจ”

ขณะที่เธอพูด ก็ลังเลอีกครั้ง แล้วก็พูดออกมาเหมือนตัดสินใจ

แล้ว

“หนิงหนิง คืองี้นะ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ลงทุนธุรกิจใช่ไหมล่ะธุรกิจนั้นน่ะจริงๆ แล้วมันทำเงินได้ดีมากๆ ตลอดเลย ก็คือทําเงิน นี้ได้แล้ว แต่ก็ต้องลงทุนไปเรื่อยๆ ไม่ลงทุนเงินก็เอาออกมาไม่ได้ เธอเข้าใจฉันไหม?”

จิ่งหนึ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ปลายนิ้วแตะเข่าเบาๆ โดยไม่รู้ตัว ผ่านไปสักพักก็พยักหน้า “ฉันเข้าใจค่ะ

ลู่หลินจือผ่อนคลายทันที ยิ้มแล้วพูดขึ้น “เธอเข้าใจก็ดีแล้ว ตอนนี้ฉันน่ะลงทุนเข้าไปหนึ่งส่วนแล้ว แต่พบว่ามันไม่พอ ก็เลย อยากมาถามเธอว่าสะดวก ให้ฉันยืมเงินไหม เธอไม่ต้องห่วงนะนี่ คือเงินที่ฉันยืม รอฉันถอนเงินที่ลงทุนเข้าไปออกมาได้ก่อน ต้อง เอามาคืนแน่นอน!!

จิ้งหนิงมองเธอ ลู่หลินจือบิดมืออย่างประหม่า ทำหน้าคาด

หวัง

เธอถามเสียงเบา ไม่ทราบว่าคุณน้าลงทุนธุรกิจอะไรเหรอ

คะ?”

“อัญมณี เธอก็รู้ใช่ไหมล่ะ ฉันชอบทำมัน

จิ่งหนึ่งพยักหน้าอย่างเข้าใจ

ลู่หลันจือมีชื่อเสียงในการรักหยก เรื่องนี้ไม่เป็นความเท็จ เมื่อ ก่อนเธอชอบสะสมหยก ชอบซื้อหยก ต่อมาก็พัฒนาไปเป็นเล่น พนันหินหยก ตอนนี้…ฟังน้ำเสียงเธอ มันยิ่งใหญ่ขึ้น

เธอเลิกคิ้วนิดหน่อย ถามขึ้นหยั่งเชิง หรือคุณน้าจะทำเหมือง แร่เหรอ?”
ทันใดนั้นลู่หลินจือก็เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ สายตาที่มองวิ่งหนึ่ง เหมือนมองสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง “โอ๊ย ฉันบอกแล้วว่าหนึ่งหนึ่งของเราน่ะฉลาด ฉันยังไม่ได้พูด

ทําไมเธอเดาถูกล่ะ?”

จิ่งหนิงยิ้ม จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ยากอะไร

ก่อนหน้านี้ตั้งแต่หลันจือเล่นการพนันกับคนอื่น หลังจากสูญ เสียทรัพย์สินในครอบครัวทั้งหมดไป นายหญิงก็เข้มงวดกับบัตร การเงินของเธอมาก สองสามปีมานี้เธอก็ทำตัวดีขึ้นมาก

พอทำตัวดีขึ้น ก็เก็บเงินได้ไม่น้อย โดยธรรมชาติ ถึงแม้จิ้งหนึ่ง จะไม่รู้จำนวนเงินอย่างละเอียด แต่ต้องมีหลายร้อยล้านแน่นอน

เงินเยอะแบบนี้ แต่ตอนนี้กลับมาหาเธอเพื่อยืมเงินอีกครั้ง

แถมยังบอกว่าลงทุนธุรกิจขนาดใหญ่เกี่ยวกับหยก นอกจากซื้อ

เหมืองแล้วก็ไม่มีอย่างอื่น

เธอไม่คัดค้านที่หลันจือทำสิ่งเหล่านี้ แค่รู้ว่าเธอดูเหมือน ฉลาด แต่ความจริงสมองเรียบง่ายมาก จะถูกคนหลอกถ้าไม่ สนใจเต็มที่ ถึงแม้จะทรงพลังและมีรากฐานมั่นคงอย่างตระกูล บางครั้งก็ทำอะไรกับอีกฝ่ายไม่ได้

คิดเช่นนี้แล้ว เธอก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้น “คุณต้องการ ยืมเท่าไรคะ?”

ลู่หลินจือยิ้มชอบใจยกนิ้วขึ้นมา “ไม่เยอะหรอก แค่หนึ่งร้อย ล้านก็พอ”
จิ้งหนิงขมวดคิ้ว

หนึ่งร้อยล้าน ถึงแม้ว่าสำหรับตระกูล ก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย

เธอไม่ได้ตอบตกลงทันที แต่พูดเสียงเข้ม “เรื่องนี้ฉันต้อง ปรึกษาจิ่งเซิน ไม่สามารถผลีผลาม ให้คุณได้ ถ้าเขาตกลง ถึง ตอนนั้นฉันค่อยเอาเงินให้คุณ

ลู่หลินจือได้ยินดังนั้น ก็จ้องเขม็งทันที

“ไม่ได้ ฉันบอกแล้วไงว่าให้พวกเขารู้ไม่ได้ เธอฟังภาษาคน ไม่รู้เรื่องหรือไง?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ