วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 982 พบหน้าครอบครัวเดียวกัน



บทที่ 982 พบหน้าครอบครัวเดียวกัน

ณ ปลายสาย น้ำเสียงของท่านย่าเป็ นเต็มไปด้วยความอ่อน โยน

“หนิงหนิง ตอนนี้อยู่บ้านรึเปล่า?”

จิ่งหนึ่งค่อย ๆ วางตะเกียบลง จากนั้นจึงเดินออกมาด้านนอก ก่อนจะกระซิบเสียงเบาว่า “เปล่าค่ะ ท่านย่า มีเรื่องอะไรรึเปล่า คะ?”

ท่านย่าเชินตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “ย่าไม่มีอะไร แค่ อยากโทรมาถามนิดหน่อย ได้ยินว่า….อีกไม่กี่วันจะต้องไป ประเทศ T แล้ว?”

“ใช่ค่ะ คุณป้าถูกใจเหมืองหยกที่หนึ่ง หลานเองก็รู้สึกว่าไม่

เลว เลยกะว่าอีกสองสามวันจะไปดูพร้อมกับจิ่งเซ็นค่ะ”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง งั้นระหว่างทางก็ระวัง ๆ ด้วย หลานต้อง ใส่ใจสุขภาพตัวเองให้มากนะ มีงานอะไรก็ให้จึงเป็นไปทํา อย่า เหนื่อยเกินไปล่ะ”

จิ่งหนิงยิ้มออกมาเล็กน้อย “หลานรู้ค่ะท่านย่า ท่านย่าวางใจ ได้เลย”

“อืม”

แต่พอพูดจบ ท่านย่าเป็ นกลับยังไม่วางสาย พอท่านไม่วางจิ่งหนิงเองก็ไม่กล้ากดวางเช่นกัน

อีกฟากยังไม่ยอมพูดอะไรต่อ ส่วนวิ่งหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าท่านย่า

เชินต้องการจะสื่ออะไร ผ่านไปเกือบนาที สุดท้ายจิ้งหนึ่งก็ทนต่อไปไม่ไหว หญิงสาว จึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า “ท่านย่าคะ ท่านย่ามีอะไรอยากจะพูดกับ

หลานรึเปล่าคะ?”

ที่ปลายสาย น้ำเสียงของท่านว่าเป็นแลดูกระอักกระอ่วนใจ ไม่น้อย

“คืออย่างนี้นะ หนิงหนึ่ง ย่าได้ยินมาว่า….หลานเจอแม่ บุญธรรมของตัวเองแล้วเหรอ?”

จิ่งหนิงตกใจไปชั่วขณะ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที เธอหันหน้ากลับไปมองทางโม่ไฉ่เวยที่นั่งอยู่ในห้องรับรอง ก่อนจะเดินออกมาหาที่ที่สงบกว่าเดิม จากนั้นก็กระซิบเสียงต่ำว่า

“ท่านย่า ทราบได้ยังไงคะ?”

ท่านย่าเงินตอบกลับพร้อมรอยยิ้มว่า “เรื่องนี้น่ะ หลานอย่า

ไปโทษป้าของหลานนะเธอเป็นคนตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ไม่ได้มี

ใจคิดร้ายอะไรหรอก พอดีตอนนั้นกำลังคุยกันอยู่ แล้วป้าก็หลุด ปากพูดออกมาน่ะ พอย่าเค้นถามเพิ่มอีกหน่อย หล่อนก็เล่าออก มาจนหมดเลย”

จิ่งหนึ่งรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

ท่านย่าเชินยังพูดเสริมอีกว่า “แม่บุญธรรมของหลาน…สบายดีไหม? พวกหลานเจอกันรึยัง?”

จิ่งหนิงฝืนยิ้มพร้อมกับตอบว่า “ท่านสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ค่ะ แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อสิบปีที่แล้วส่งผลกระทบต่อจิตใจท่าน เป็นอย่างมาก ท่านเลยสูญเสียความทรงจํา ตอนนี้ยังจําอะไรไม่ ได้เลยค่ะ”

“โอ้” ที่ปลายสาย ท่านว่าเป็นอุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจ

“เห้อ จำไม่ได้ก็ดี เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร บางทีถ้าจำได้ ขึ้นมาอาจจะทำให้แย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ”

“ใช่ค่ะ” จึงหนิงตอบกลับเสียงเรียบ

ท่านย่าเงินถอนหายใจออกมาเบา ๆ อีกครั้ง

“หนิงหนิง หลานเองก็อย่าคิดมากนะ ที่ย่าโทรมาวันนี้ก็เพราะ เป็นห่วง ถึงยังไงเธอก็เป็นแม่บุญธรรรมของหลาน นั่นก็ถือว่า เป็นครอบครัวเดียวกันกับเรา ถ้าเธอมีปัญหาอะไร หลานต้องรีบ บอกนะ พวกเราตระกูลลู่จะเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของ หลานตลอดไป”

วิ่งหนึ่งยิ้มออกมาเล็กน้อย ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที “ขอบคุณท่านย่ามากเลยนะคะ หลานเข้าใจแล้ว”

“อืม วันหลังถ้ามีเวลาว่างล่ะก็ พาแม่บุญธรรมของหลานมา เจอพวกเราหน่อยดีไหม?”

จิ่งหนิงรู้สึกลังเลเล็กน้อย
“ช่วงนี้…เกรงว่าอาจจะยังไม่สะดวกเท่าไรค่ะ

“ทําไมเหรอ?”

จิ้งหนิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ท่านมีสภาวะป่วยทางจิตใจหลังจากเจอกับเหตุการณ์ที่ กระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง เลยไม่ชอบสื่อสารกับคนแปลก หน้า หลานจึงอยากรอให้สถานการณ์ของท่านดีขึ้นกว่านี้สัก หน่อย แล้วถึงจะพาท่านไปเจอท่านย่าค่ะ”

ท่านยาเชนเข้าใจในทันที “อย่างนี้นี่เอง งั้นก็ไม่เป็นไร เพราะ ถึงยังไงตอนนี้ก็ไม่จําเป็นต้องรีบร้อน เราควรดูสุขภาพร่างกาย เธอเป็นหลักอยู่แล้ว หลานเองก็ดูแลเธอดี ๆ นะ”

จิ่งหนิงพยักหน้ารับ

ทั้งสองคุยกับอีกสองสามประโยค ก่อนจะกดวางสายไป หลังจากวางสาย จิ่งหนึ่งก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ หนึ่งที ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องรับรอง

ภายในห้องรับรอง บรรยากาศเป็นไปอย่างสงบนิ่ง

พอเห็นวิ่งหนึ่งเดินเข้ามา ลู่วิ่งเซินก็กระซิบถามเสียงเบาว่า “มี อะไรเหรอ?”

จิ่งหนึ่งส่ายหน้าไปมา ไม่มีอะไร โทรศัพท์จากท่านย่าน่ะ” นัยน์ตาของลู่วิ่งเซินลึกล้ำลงไปเล็กน้อย เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
หลังจากที่ทุกคนทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย จึงหนิงกับลู่จึงเชิ นก็ไปส่งคู่สามีภรรยาไม่ไฉ่เวยกลับคฤหาสน์ด้วยกัน จากนั้นจึง พากันขับรถกลับบ้าน

พอถึงตอนที่พวกเขาอยู่กันแค่สองต่อสอง ในที่สุดลู่วิ่งเงินก็ เอ่ยปากถามถึงเรื่องที่ท่านย่าเซนโทรเข้ามา

จิ่งหนิงเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง

ตั้งแต่ต้นจนจบ

ลู่วิ่งเซินเอื้อมมือมากุมมือเธอไว้ ก่อนจะพูดปลอบใจเธอเบา ๆ ว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ทางท่านย่าเดี๋ยวผมช่วยคุยให้ เชื่อสิ ว่าถ้าท่านรู้เรื่องของคุณแม่แล้ว ท่านจะไม่รังเกียจหรอก”

จิ่งหนิงพยักหน้ารับ

ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน วิ่งหนึ่งก็พาโม่ไฉ่เวยกับ เซาเที่ยวเล่น รอบเมืองหลวงจนทั่ว

ในตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนเพิ่มขึ้นอย่างก้าว กระโดด แม้ว่าโม่ไฉ่เวยจะยังจำอดีตไม่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าหล่อน ไม่ปฏิเสธจิ่งหนึ่งอีกต่อไป แถมยังสนิทใจกับเธอมากขึ้นอีกด้วย

จิ่งหนิงเห็นท่าทางสดชื่นแจ่มใสของโม่ไฉ่เวยแล้ว มุมปากของ หญิงสาวก็ยกขึ้นเบา ๆ อย่างโล่งใจ

ห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ด้าน เจ้านายหยูก็จัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย ก่อนจะส่งคน มารายงานจิ่งหนึ่งว่า สามารถออกเดินทางได้แล้ว
จิ่งหนึ่งจึงพาอานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยไปฝากไว้ที่บ้านจากนั้นก็ มาเก็บของ เพื่อไปประเทศ T พร้อมกับพวกเจ้านายหยู

และเพราะว่าพวกเขามีเซวอยู่ด้วย เลยไม่จำเป็นต้องพาหมอ

ไปด้วย

เพราะถึงยังไงบนโลกนี้ ก็มีหมอไม่มากที่มีทักษะทางการ แพทย์ดีกว่า เชว

ครั้งนี้ลู่หลันจือเองก็ได้ประโยชน์จากสิ่งหนึ่งพอสมควร หล่อน จึงคอยให้ความร่วมมือมาตลอดทาง โดยไม่มีการก่อเรื่องอะไร เลย

มีเพียงหนุ่มน้อย เหอหยวนของหล่อนนั่นล่ะ ที่โทรศัพท์มาอยู่ หลายครั้ง เหมือนกับว่าอยากให้ลู่หลินจือพาเขาไปด้วย แต่กลับ โดนลู่หลันจือปฏิเสธ

ถึงแม้ลู่หลินจือจะชอบเล่นสนุก ทำตัวไร้สาระไปวัน ๆ แต่หาก เธอต้องทำอะไรที่เป็นงานเป็นการขึ้นมา เธอก็จะให้ความสำคัญ กับมันมากเลยทีเดียว

อีกอย่าง ครั้งนี้มีลู่วิ่งเซินตามมาด้วย เธอก็เลยไม่กล้าทำตัว เหลวไหลแบบเมื่อก่อนอีก

ลู่วิ่งเซินเองก็ขี้เกียจจะสนใจเธอ เพราะงั้นระหว่างทาง ทั้งคู่ เลยแทบจะไม่คุยกันเลย

เขาโมโหที่ลู่หลันจือแอบมาพบวิ่งหนึ่งเป็นการส่วนตัวอยู่ หลายครั้ง แถมยังฟ้องเธออีกว่า ลู่วิ่งเซินนั้นเป็นพวกเนรคุณตอนเด็ก ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณป้าคนนี้ ทุกคนคงไม่รู้หรอกว่าลู่วิ่ง เซ็นในตอนนั้นจะถูกคนข้างนอกรังแกไปมากเท่าไร ส่วนวิ่งหนึ่งก็ได้แค่ยิ้มออกมาอย่างหมดหนทาง แต่ก็ไม่ได้ว่า

อะไร มีเพียงแค่พูดปลอบใจเธอไม่กี่ประโยคเท่านั้น

ขณะเดียวกัน หญิงสาวก็แอบเตือนลู่จึงเป็นกราย ๆ ว่าพออยู่ ต่อหน้าคนนอกแล้ว ก็ไม่ควรทำให้ลู่หมั้นคือต้องรู้สึกเสียหน้า มากเกินไป

แม้ว่าในตระกูล ทุกคนค่อนข้างจะมีอคติกับหล่อน แถมยังไม่ ค่อยมีคนเชื่อถือสักเท่าไร

แต่ถึงยังไง ตอนนี้ก็มีคนนอกอยู่ด้วย ทั้งยังเป็นการทำธุรกิจที่ มีลู่หลินจือเป็นสะพานเชื่อมอีก

หากแสดงท่าที่เย็นชากับหลันจือมากเกินไป อาจจะทำให้คน

ข้างนอกรู้สึกได้ว่าเธอไม่มีฐานะหรือตำแหน่งในตระกูล

ซึ่งถ้าเรื่องแบบนี้ถูกเผยแพร่ ในอนาคตลู่หลันซื้อเองก็อาจจะ ใช้ชีวิตยากขึ้น

พอลู่วิ่งเซินได้ยินจิ่งหนึ่งพูดแบบนั้น ผ่านไปสักพัก ท่าทางของ เขาที่มีต่อลู่หลินจือก็ดีขึ้นมากพอสมควร

ลู่หลันจือเองก็รู้ดี ว่าคงเป็นฝีมือของคนกลางอย่างจิ้งหนึ่งแน่ ๆ ส่วนหนึ่งก็แอบดีใจ แต่อีกส่วนก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า ตัวเอง เลี้ยงเด็กหนุ่มคนนี้มาจนโต กลับจัดการไม่ได้เท่าหญิงสาวที่เป็น คนนอกเลยเหรอนี่
คำว่าได้ผู้หญิงแล้วลืมแม่ มันเป็นแบบนี้เองสินะ

ทว่ามันก็เป็นความคิดเพียงแวบเดียวที่ทำให้รู้สึกแทงใจนิด หน่อยเท่านั้น ไม่นานความคิดเหล่านั้นก็ถูกโยนออกไปจากหัว อย่างรวดเร็ว

พอทุกคนเดินทางมาถึงประเทศ T ก็เป็นเวลากว่าบ่ายสาม โมงแล้ว

เจ้านายหยูได้ทำการติดต่อคนให้มารอรับพวกเขาที่สนามบิน ไว้ตั้งแต่แรก

เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับหินหยกมานาน อีกทั้งในประเทศ T ก็มี เหมืองหยกอยู่ไม่น้อย ดังนั้น เจ้านายหยูจึงคุ้นเคยกับพื้นที่แถบนี้ เป็นอย่างดี

ชายหนุ่มจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อย รวมถึงนัดคนมารับพวก เขาด้วย ลู่วิ่งเซินเลยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม มีแค่พาวิ่งหนึ่งตามพวก เขาไปที่โรงแรมเท่านั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ