วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 787 จะทำอย่างไร



บทที่ 787 จะทำอย่างไร

เมื่อพบว่าเธอนิ่งเงียบไป เขาก็เงยหน้าขึ้นมองดูเธอ

เฉียว เม้มริมฝีปากอยู่สักพักแล้วพูดว่า “ฉันคิดดีแล้วค่ะ”

สีหน้าของซื้อเฉียนยังไม่ได้เปลี่ยนไป ดวงตาดำเข้มของเขา มีแสงผ่านเข้ามาแวบหนึ่ง

“คุณคิดว่ายังไงครับ?”

เฉียวฉพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉันยอมรับว่าเมื่อสี่ปีก่อน พวก เราถูกหลอกจริงๆ แต่การที่คุณไม่สนใจคำวอนขอของฉัน และ ฆ่าพี่น้องของฉันนั้นก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน และฉันไม่อาจทำ เป็นเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นได้

คิ้วของกู้ซือเฉียนขมวดเข้าหากัน

“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าจะเป็นปรปักษ์กับผมยังงั้นเห รอ?”

เฉียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ก่อนหน้านี้ฉันคิด เสมอว่าเมื่อฉันได้ออกมาแล้ว ฉันจะต้องตามแก้แค้นคุณให้ได้ จึงจะคุ้มค่าแก่การตายของพวกเขา”

“แต่ตอนนี้ฉันเพิ่งจะรู้ว่า ที่จริงแล้วไม่ใช่พวกเขาโลภ แต่มี ใครบางคนในกลุ่มหงส์แดงที่ละทิ้งสโมสรไป พวกเขาหันไปพึ่ง พิงกลุ่มชาว จึงทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนั้น
“แค้นนี้ฉันจะต้องไปคิดบัญชีกับพวกเขาให้ได้ แต่ว่ากู้ซื้อ เจียน บัญชีของฉันและคุณ ก็ยังไม่จบง่ายๆแบบนี้แน่

กู้ซือเจียนมองดูเธอและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

หลังจากที่เฉียว กล่าวจบแล้ว เธอเองก็รู้สึกว่ามันช่างเยือก เย็นเกินไป เพียงแต่ในแต่ละวันละคืนในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา และ การปรากฏตัวของเขาซึ่งไร้ความปรานีตอนที่เธออยู่ในคุก ภาพ นั้นยังคอยหลอกหล่อนจิตใจของเธออยู่เสมอไม่เคยเลือนหายไป เธอจะโบกมือให้ทุกสิ่งทุกอย่างสลายไปอย่างไม่สนใจ คงทำไม่ ได้

เธอให้ความสนใจมันมากทีเดียว

ดังนั้นเธอจึงไม่อาจตกลงข้อเสนอของกู้ซื้อเฉียนได้ หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ กู้ชื่อเฉียนจึงได้พูดขึ้นว่า “แล้วคุณ คิดจะทําอย่างไร?”

จะทำอย่างไรเหรอ?

เฉียวฉียืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น

บอกตามตรงว่าคำถามนี้เธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน

เธอไม่รู้ว่าตนควรจะทำอย่างไร รู้เพียงแต่ว่าไม่สามารถทำ แบบนี้ต่อไปได้

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบลงอีกครั้ง

กู้ซื้อเฉียนดูเหมือนจะคาดเดาได้ว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ เขาจึงได้หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วพูดว่า “ถ้าคุณยังคิดไม่ออกก็คิดดู ใหม่นะ ตอนนี้ทานข้าวก่อนเถอะ

เมื่อพูดจบพวกเขาก็ลงมือรับประทานอาหารกันอย่างเงียบๆ เมื่อคืนนี้เฉียวไม่ได้รับประทานอาหารเย็น ตอนที่ตื่นมาเช้านี้ เธอหิวมาก เมื่อเห็นดังนั้นเธอก็ไม่ได้ทำตัวอิดออดอะไรแต่ยก ตะเกียบขึ้นมาและรีบกินมันทันใด

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว โทรศัพท์มือถือขอ งกู้ซือเฉียนก็ดังขึ้น

เขาหันหลังเดินออกไปรับโทรศัพท์ เฉียวนั่งอยู่สักพัก และ มองดูคนรับใช้เก็บจานชามเข้าไปในครัว เดิมทีเธอตั้งใจว่าจะ ใช้โอกาสนี้คุยกับกู้ซือเฉียนให้รู้เรื่อง

แต่จู่ๆเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อสักครู่นี้เขาถามคำถามกับเธอ

เธอเองก็ไม่ตอบเขาออกไปทันที ช่างมันเถอะ

เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินไป

กู้ซือเฉียนยืนรับโทรศัพท์ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ราวกับว่า

เขาไม่เห็นท่าทางของหญิงสาว เมื่อตอนที่ร่างของหญิงสาวเดินออกไปจากประตู ริมฝีปากของ

เขาก็เผยอขึ้นเล็กน้อย

วันนี้อากาศดีมาก ดวงอาทิตย์ส่องแสงสดใสมาจากด้านนอก หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว อารมณ์ของเฉียว ฉีก็ผ่อนคลายลงบ้าง ความง่วงเริ่มเข้ามาครอบงำเธออีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงได้เดินกลับไปในห้องและนอนหลับ เมื่อตอนที่เธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าเป็นเวลาบ่ายแล้ว

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วรีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนลงจากเตียง

ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก เธอก็พบกับหลินเยว่เอ๋อร์ ยืนทำ ใบหน้าโกรธเคืองอยู่ตรงประตู

สำหรับคนสนิทของกู้ซือเฉียนคนนี้นั้น เฉียวไม่ได้รู้สึกอะไร เลย

แม้เธอจะไม่ชอบที่เห็นผู้หญิงแบบนี้อยู่ข้างกายเขาเท่าไรนัก แต่เธอก็รู้ดีว่า จากความเย่อหยิ่งของเขาคงไม่เอาผู้หญิงแบบนี้ แน่ๆ

เหตุผลที่เก็บผู้หญิงคนนี้ไว้ข้างกาย เกรงว่าจะมีเหตุผลอื่น

หรือเพราะต้องการทำให้เธอโมโหกันนะ?

เฉียว ทําหน้ามุ่ยแล้วถามว่า “มีเรื่องอะไรคะ?”

หลินเยว่เอ๋อร์ที่เผชิญหน้ากับความเยือกเย็นของเธอ ทำให้ใน ใจเย็นวูบ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าจุดประสงค์ของการเดินทางมาใน วันนี้คืออะไร เธอก็เงยหน้าขึ้น

เธอเชิดหน้ายึดอกและทำเหมือนตัวเองสูงส่งพูดว่า “สร้อยคอ ของฉันหายไปเส้นหนึ่ง เธอเอามันไปใช่ไหม?”

เฉียว ขมวดคิ้วเข้าหากัน
เธอไม่รู้ว่าหลินเยว่เอ๋อร์กำลังคิดแผนการอะไรอยู่ แต่สร้อยคอ อะไรนั่นเธอไม่เคยเห็นเลย

ดังนั้นเฉียว จึงพูดอย่างหนักแน่นว่า “เปล่า

หลินเยว่เอ๋อร์หัวเราะออกมาด้วยความเยือกเย็น

“แกบอกว่าเปล่าก็คือเปล่าอย่างงั้นเหรอ? เรือนนี้มีแต่พวกเรา สองคน คนรับใช้เหล่านั้นไม่กล้าหยิบของสุ่มสี่สุ่มห้าหรอก มีแต่ แกนั่นแหละที่เป็นไปได้

เมื่อพูดจบเธอก็ใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามมองไป ตั้งแต่หัว

จรดเท้า

“เชอะ! แต่จะว่าไป คนที่ต้องแต่งตัวแบบนี้ไม่เหมาะสมที่จะ มาพักที่นี่ด้วยซ้ำ เป็นเพราะกู้ซื้อเฉียนจิตใจโอบอ้อมอารีและไม่ อยากเห็นแกต้องไปนอนอยู่ข้างถนนสินะ ไม่ตอบแทนบุญคุณยัง ไม่ว่า นอะไรมาขโมยของฉันอีก คุณเฉียวคุณมีศักดิ์ศรีบ้างหรือ เปล่า?”

สีหน้าของเฉียวฉีเยือกเย็นลงทันใด

คิ้วเข้มเข้ารูปของเธอขมวดเข้าหากัน ดวงตาอันเย็นชามองไป และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณหลินคะ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงด้วย กัน ฉันไม่อยากจะลงไม้ลงมือกับคุณ ดังนั้นฉันขอแนะนำว่าคุณ ควรระวังคำพูดเอาไว้ให้ดี! ”

หลินเยว่เอ๋อร์หยุดนิ่งไป ดูเหมือนเธอจะกลัวเล็กน้อย เนื่องจากความสามารถของเดียว เธอเองก็เคยเห็นมาก่อน
แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธออยู่ในคฤหาสน์ของกู้ซื้อเฉียน ต่อ ให้เธอจะลงมือกับตน ก็ควรจะนึกถึงหน้าของอเนียนบ้าง

หากจะตีหมาก็ควรดูเจ้าของด้วยไม่ใช่หรือไง?

เมื่อคิดได้ดังนั้นความกลัวในใจของเธอก็จางลงเล็กน้อย

เธอจึงได้หัวเราะเยาะเย้ยและพูดว่า “ถ้ากล้าเอาก็ต้องกล้ารับ สิ ทำไมล่ะ?คุณขโมยของไป แต่ฉันไม่มีสิทธิ์พูดอย่างงั้นเหรอ?”

เฉียว จ้องไปที่เธอด้วยสายตาเย็นชา และไม่อยากพูดอะไร ออกมาอีก

เธอจึงได้หันหลังกลับเข้าไปด้านใน และเปิดประตูกว้าง

“เข้ามาสิ”

หลินเยว่เอ๋อ ตกตะลึง

เธอรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

จิตใต้สำนึกของเธอคิดไปว่าเฉียว จะต่อสู้กับตน ดังนั้นจึงได้ ถอยหลังออกไปทําท่าทางระแวดระวัง “อะไร?”

สีหน้าของเฉียวมองไปยังเธอโดยไม่ได้รู้สึกอะไรและพูดว่า “คุณบอกว่าฉันขโมยสร้อยคุณไปไม่ใช่รึไง? ถ้าอย่างนั้นคุณก็ เข้ามาค้นหาเอาเอง ถ้าหาเจอคุณเอาคืนไป

เมื่อพูดจบเธอก็นั่งลงที่บนโซฟา และขี้เกียจแม้แต่จะชายตาไป มองหล่อน
ขณะนี หลินเยว่เอ๋อร์รู้สึกลังเลเล็กน้อย

เนื่องจากสร้อยเส้นที่เธอทําหายไปนั้น นับตั้งแต่เมื่อวานที่เธอ ออกไปตีกอล์ฟกับกู้ซือเฉียน เมื่อกลับมาก็หาไม่เจอแล้ว

และสร้อยเส้นนั้นเธอสวมมันอยู่ที่คอตลอด แต่ไม่ได้มีค่า มากมายอะไร ไม่เช่นนั้นตอนที่เธอถูกแฟนเก่าขายให้กับพวกค้า

มนุษย์ คนเหล่านั้นเห็นเข้าคงจะไม่เอาเธอไว้แน่

เพียงแต่ว่าสร้อยเส้นนั้นเป็นสร้อยที่แม่ของเธอทิ้งไว้ให้เพียง ชิ้นเดียว เธอจึงหวงแหนมันมาก

เมื่อคิดได้ดังนั้น สายตาของหลินเยว่เอ๋อร์ ที่มองไปยังเธอ ก็ รู้สึกสงสัยเล็กน้อย

เนื่องจากท่าทีของเฉียวค่อนข้างจะเปิดเผย และดูไม่เห็นมี กลิ่นอายของความไม่ซื่อตรงหรือเงาอันชั่วร้ายอยู่เลย

หลินเยว่เอ๋อร์ก็เก็บกดเอาไว้เป็นเวลานาน ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ ได้พูดอะไรออกมามาก

เพียงแต่สร้อยคอเส้นนั้นสำคัญกับเธอมากจริงๆ คนรับใช้รอบ ข้างไม่น่าจะมีโอกาสหยิบไปได้ ต่อให้พวกเขาจะหยิบไป เครื่อง ประดับมากมายล้ำค่าที่ลุงโอจัดเตรียมเอาไว้ให้เธอก็ไม่ได้หาย ไปแม้แต่ชิ้นเดียว ยกเว้นแต่ชิ้นนี้

เห็นได้ชัดว่าคนที่ขโมยสิ่งของชิ้นนี้ไปนั้นไม่ได้ต้องการเงิน ถ้าไม่ใช่เพื่อเงิน ก็คงเป็นเพราะเพื่อต้องการระบายความโกรธ เท่านั้น
ในคฤหาสน์หลังนี้ คนที่มีปัญหากับเธอมาก่อนนอกจากลุงโอ แล้ว ก็คือเฉียวจีนี่แหละ

แต่ลุงโอเป็นคนดีและมีการศึกษาระดับนั้น ประกอบกับวัยวุฒิ มากกว่าและเป็นผู้ชาย เขาคงไม่คิดใช้แผนการต่ำๆแบบนี้ จัดการเธอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ