วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 854 สถานการณ์ที่น่าอึดอัด



บทที่ 854 สถานการณ์ที่น่าอึดอัด

หัวใจของเฉียวฉีกระตุกไปเล็กน้อย พอเห็นว่าเขากำลังบีบยา ออกมา เหมือนว่ากำลังจะช่วยทามันให้เธอ เธอเลยรีบพูดขึ้นว่า “คุณไม่ต้องทำหรอก ฉัน ฉันทำเองทีหลังก็ได้”

กู้ซื้อเฉียนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมองมาที่เธอพร้อมรอยยิ้ม เย็นชา “คุณแน่ใจเหรอว่าทำเองได้?”

เอ่อ…..เดี๋ยวมองไปยังขาตัวเองที่ยังบวมอยู่ ดูเหมือนว่าถ้า ทําเองก็น่าจะค่อนข้างลำบาก

แต่ว่ายังไงเธอก็ยังไม่อยากให้ชายหนุ่มทำให้อยู่ดี จึงรีบตอบ กลับไปว่า “ฉันให้ เสี่ยวเยวช่วยทาได้ ถ้ายังไม่โอเค งั้นให้คุณ หมอมาทาให้เองก็ได้

กู้ซื้อเนียนยิ้มอย่างเย็นชา “เสี่ยวเยวก็เป็นแค่สาวใช้ หล่อนจะ ทำเรื่องพวกนี้เป็นเหรอ?”

เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “อีกอย่าง คุณคิดว่าหมอ ของผมมีเวลาว่างมากนักไง? วันวันหนึ่งจะต้องมานวดยาให้ คุณ? คนป่วยคนอื่นก็ไม่ต้องตรวจแล้วเหรอ?”

เฉียวฉีชะงักไป

เธอฟังเขาพูดจนรู้สึกมึนไปหมด

ไม่ใช่ว่าคุณหมอหญิงของที่นี่ ก่อนหน้านี้ถูกจ้างมาเพื่อดูแลอาการป่วยของเธอ โดยเฉพาะเลยไม่ใช่เหรอ? หรือว่าที่ปราสาทแห่งนี้ยังมีคนป่วยคนอื่นอยู่อีกด้วย? เฉียว ไม่แน่ใจ แถมยังไม่กล้าถามแทรกอีก ยังไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไร ชายหนุ่มก็ทายาลงไปที่ขาเธอแล้ว

ฝ่ามือของเขาค่อนข้างใหญ่ แถมยังมีความหยาบกระด้างเล็ก น้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกซ้อมการต่อสู้ รวมถึงการที่เขาต้อง ใช้ปืนมาเป็นเวลานานหลายปีด้วย

สัมผัสของยาที่บางเบาค่อย ๆ ซึมผ่านผิวหนังอันบอบบาง ทำให้ใจของเธอรู้สึกอ่อนปวกเปียกอย่างบอกไม่ถูก

เฉียวฉีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มยังไม่ได้ ทําอะไรเลย แต่ภายในใจของเธอกลับรู้สึกสับสนอย่างน่า ประหลาด

เธอต้องกัดฟันเอาไว้ ถึงจะกลั้นไม่ให้ตัวเองพ่นลมหายใจออก มาได้

ทั่วทั้งหน้าของเธอเลยเปลี่ยนเป็นสีแดง

กู้ซื้อเฉียนด้านหนึ่งก็ทายาให้เธออย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนอีก ด้านก็คอยสังเกตสีหน้าของเธอไปด้วย

พอเห็นว่าใบหน้าเล็กแดงขึ้นราวกับแอปเปิลสองลูก นัยน์ตา เขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นอย่างอดไม่ได้

อันที่จริง สัมผัสที่มือเขาได้รับ ก็ทำให้ใจของเขากระสับกระส่ายอยู่ไม่น้อย

ถึงอย่างไรเบื้องหน้าคือคนที่เขาชอบ จะผู้ชายสัก

สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ แต่เขารู้ว่า ตอนเฉียวยังไม่ยอมรับตัวเขา เพราะงั้น จะ

เด็ดขาด

กู้ซื้อเฉียนนวดยาเธออย่างรวดเร็ว

จากตอนแรกค่อนข้างบวม ตอนพอดู แล้วยุบ

นิดหน่อย

เขายกขาเธอเก็บก่อนจะจับไปขาข้าง พร้อมกับพูดขึ้นว่า เมื่อครู่ขาข้างเป็นตะคริว ไหม

เฉียว

กู้ซือเฉียนจับเบา ๆ ที่ข้อเท้าขาข้างนั้น จากนั้นค่อย ๆ นวด

เฉียวเงียบไปครู่หนึ่ง เดิมเธอไม่ได้ต่อ แต่คิดว่าครู่เขาลงมือนวดไปตอนดึงกลับมา ก็จะมารยาทเกินไปหน่อย

เธอเลยทําได้แค่ปล่อยให้เขาทําไป

กู้ซือเฉียนนวดให้เธออยู่สักพัก พอตะคริวนั้นเจ็บแล้ว เขาจึงค่อย ๆ วางมือลง
เฉียว รีบเก็บขาทั้งสองข้างเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที

ตอนนี้เธอเก็บทั้งตัวไว้ใต้ผ้าห่ม เหลือเพียงแค่ส่วนหัวกลม ๆ น้อย ๆ โผล่ขึ้นมา พร้อมกับส่งสายตาระแวดระวังมาทางเขา

“ตอนนี้ทายาเสร็จแล้ว คุณก็ออกไปได้แล้วใช่ไหม?” ลมหายใจของกู้ซื้อเฉียนชะงักไป

ในใจเริ่มรู้สึกน้อยใจ

เขายิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “ใช้เสร็จก็ไล่ผมเลยนะ คุณนี่มัน ไร้ความรู้สึกเกินไปรึเปล่า?”

เฉียวฉีเม้มริมฝีปาก ก่อนจะตอบกลับว่า “ฉันก็ไม่ได้ขอให้คุณ มาสักหน่อย”

ที่เธอพูดก็ถือว่าเป็นความจริง

แต่คาดไม่ถึงว่า พอกู้ซื้อเฉียนได้ยินประโยคนี้ กลับทำให้เขา รู้สึกโกรธมากกว่าเดิม

ทันใดนั้นเขาก็หยุดความคิดที่จะเดินออกไป ก่อนจะหันหน้า กลับมา พร้อมกับโน้มตัวลง ใช้มือทั้งสองข้างกดไปที่ไหล่ของ เธอ จากนั้นก็จ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือก

“ผมก็เพิ่งจะเคยเห็นผู้หญิงที่ใจจืดใจดำแบบคุณนะ คุณเชื่อ ไหม ผมสามารถจัดการคุณให้ราบคาบได้เลยในตอนนี้ ดูสิว่า คุณจะยังกล้าไล่ผมอยู่รึเปล่า?”

เฉียวฉีตะลึงไปชั่วขณะ
พูดกันตามตรงเลย ในใจเธอไม่ได้กลัวเขาสักนิด

เพราะเธอรู้ดี ว่าถึงแม้กู้ซื้อเฉียนจะเป็นคนที่ทำอะไรแหกกฎไป บ้าง แต่เขาก็มีศักดิ์ศรีของเขา นั่นก็คือเขาจะไม่มีทางทำอะไรที่ ข่มเหงจิตใจผู้หญิงเด็ดขาด

ดังนั้น เธอเลยไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย

ไม่ใช่แค่ไม่กลัว ตรงกันข้ามเธอกลับหัวเราะออกมาอย่างเย้ย

“อ๋อเหรอ? งั้นคุณก็ลองดูสิ ก่อนที่คุณจะจัดการฉันให้ราบคาบ ฉันคงได้เตะคุณออกไปจากห้องก่อนน่ะสิ”

กู้ซือเฉียน

ในใจของเขารู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย ราวกับถูกลูกศรนับพันลูก พุ่งตรงเข้าใส่

นั่นสิ ทำไมต้องมีแฟนสาวที่เก่งยูโดมากขนาดนี้ด้วยนะ

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้แรงเยอะเท่าเขา แต่ถ้าสู้กันขึ้นมาจริง ๆ เธอก็อาจจะไม่ใช่คู่มือของเขาก็ได้ แต่ถ้าโจมตีในระยะที่ใกล้เข้า มาหน่อย เขาไม่มีวันชนะเธอแน่

กู้ซือเฉียนหลับตาลงช้า ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นเขาก็ยกมุมปากยิ้มให้เธออย่างสว่างไสว

“ได้อยู่แล้ว เมื่อครู่ผมเผลอเสียมารยาทไป ผมจะออกไปตอน นี้ล่ะ คุณพักผ่อนเถอะ ผมไม่กวนคุณแล้ว”
พูดจบ เขาก็ยึดตัวขึ้น พร้อมกับจัดระเบียบลมหายใจ จากนั้น ก็ก้าวยาว ๆ ออกจากห้องไปเลย

เฉียว มองแผ่นหลังของเขาที่กำลังเดินออกไป ไม่รู้เหมือนกัน ว่าเพราะอะไร มุมปากของเธอถึงได้ยกขึ้นเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ ตอนเที่ยงเธอพักไปประมาณหนึ่งชั่วโมง

พอตกบ่าย หลังจากที่เฉียวตื่นนอน เธอก็รู้สึกเบื่อที่จะอยู่ใน บ้าน ก็เลยขอให้เสี่ยวเยว่เข็นรถเข็นพาเธอออกไปเดินเล่นเสีย หน่อย

เธอเองก็ถือว่าเชื่อฟังคุณหมออยู่เหมือนกัน เพราะงั้นเธอก็เลย ไม่ได้ใช้เท้าเดินอีก

แน่นอนว่าเสี่ยวเยว่ ดีใจมาก รีบเข็นเธอออกไปเดินเล่นที่สวน

ดอกไม้ด้านหลังทันที

ตอนนี้หลินเยว่เอ๋อร์ไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์นี่แล้ว ถ้าจะพูดถึงคนที่ ดีใจที่สุด คงจะไม่ใช่เฉียวแต่กลับเป็น เสี่ยวเยว่

เธอคนนี้ถือว่าเกลียดหลินเยว่เอ๋อร์อยู่พอตัว เมื่อก่อนหลินเยว่ เอ๋อร์ก็มีปัญหากับเธอค่อนข้างเยอะ ตอนนี้อีกฝ่ายไปแล้ว เธอก็ เลยดีใจเป็นธรรมดา

พอถึงด้านหลัง เดินเล่นไปจนถึงสระดอกบัว

ในฤดูนี้ ดอกบัวในสระบัวนั้นบานเต็มไปหมด

ทั้งสองคนมองดูใบบัวสีเขียวมรกตกับดอกบัวสีชมพูสวยงามอย่างมีความสุข

อยู่ ๆเสี่ยวเยว่ก็พูดขึ้นว่า “พี่ฉี ฉันไปเก็บดอกบัวมาให้พี่สัก สองดอกดีกว่า จะได้เอาไปใส่แจกันวางไว้ในห้องไงดีไหม?”

เฉียวพยักหน้ารับ “ได้สิ เธอไปเก็บเลย”

ดังนั้น เสี่ยวเยว่ก็เลยเดินออกไปเพื่อไปเก็บดอกบัว

ดอกบัวเหล่านั้นอยู่ไม่ไกลจากขอบสระเท่าไร เพียงแค่ยื่นมือ ออกไปก็เก็บได้แล้ว

หลังจากเก็บมาได้ เธอก็วิ่งกลับมาอย่างร่าเริง พลางหยิบ ดอกบัวออกมาให้เธอดู

“พี่ฉีดูสิ สวยมากเลย”

เฉียวฉพยักหน้ารับเบา ๆ

เธอไม่ใช่คนที่ชื่นชอบศิลปะหรืออะไรแบบนี้เท่าไร แต่ก็ไม่ได้ รู้สึกว่าการเด็ดดอกไม้ออกมาจะเป็นวิธีที่โหดร้ายเช่นกัน

ในสายตาเธอ ดอกไม้นั้นมีไว้ชื่นชม ถ้าไม่เด็ดดอกจะให้เด็ด ใบมาเสียบไว้ยังไง?

ดังนั้น ทั้งสองเลยพากันเก็บดอกไม้แล้วก็เดินจากไปอย่างมี

ความสุข

แต่สิ่งที่พวกเธอไม่เห็นก็คือ ที่ด้านหลังไม่ไกล มีดวงตาคู่หนึ่ง กำลังคอยแอบมองพวกเธออยู่

หลังจากที่เฉียวฉีเดินเล่นรอบสวนดอกไม้เสร็จ เธอก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก

พอกลับไปก็ให้เสี่ยวเยว่ เอาดอกไม้ไปเสียบไว้ทันที

ทั้งคู่เล่นกันอยู่ในห้องพักหนึ่ง จนกระทั่งด้านนอกมีคนมาบอก ว่าให้ลงไปทานข้าวเย็นได้แล้ว พวกเธอจึงออกไปพร้อมกัน

กู้ซื้อเฉียนเดินลงมาจากชั้นบน พอสบเข้ากับดวงตาเธอ

นัยน์ตาที่เย็นชาของเขาก็อ่อนโยนลง

เมื่อเดินไปถึงด้านข้างเธอ เขายังถามอีกว่า “ขาหายเจ็บ ยัง?”

เขาไม่ถามยังจะดีเสียกว่า พอถามออกมาเฉียว ก็พลันนึกถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอในห้องวันนี้ ทันใดนั้น ใบหน้านวลก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย

เธอพยักหน้า พร้อมกับพึมพำตอบกลับไปว่า “ไม่เจ็บแล้ว

“งั้นก็ดีแล้ว”

สีหน้าของชายหนุ่มยังคงปกติ ราวกับไม่ได้สังเกตเห็นอะไร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ