วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 11 อย่าโชว์ความรัก



บทที่ 11 อย่าโชว์ความรัก

คำเย้ยหยันของ จิ่งหนิง ก็ไม่ได้บีบให้ มู่ยั่นเจ๋อ ถอยไปเลย

เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พอดีเลย คุณอยู่ที่นี่ ผมก็มี เรื่องจะถามคุณด้วย ตกลงว่าเมื่อคืนในที่สุดคุณไปไหนแล้ว หรือ? ผมโทรหาคุณทำไมไม่รับสายตลอดเลย?”

จึงหนิงกลอกตาเล็กน้อย

หลังจากเมื่อคืน มู่ยั่นเจ๋อ นั้นได้โทรหาเธออีกอย่างแท้จริง เพียงแค่ในตอนนั้นเธอกับลู่จิ่งเซินอยู่ด้วยกัน ไม่ได้ยินอะไร สักนิด

เช้านี้เธอกลับได้เห็นแล้ว แต่ก็ขี้เกียจสนใจเช่นกัน

ที่จริงแล้วไม่ว่าเป็นความห่วงใยหรือว่าตำหนิ จากความ สัมพันธ์ที่เธอกับเขามีในตอนนี้ ล้วนไม่เหมาะสมแล้ว

นึกถึงตรงนี้ เธอจับผมของตัวเองสักหน่อย ตอบอย่าง เกียจคร้านว่า “มู่ยั่นเจ๋อ คุณมีความสำคัญอะไรหรือ?”

มู่ยั่นเจ๋อ อึ้งชะงักไป “อะไรนะ?”

“ไม่ได้มีความสำคัญอะไรแล้วคุณโทรหาด้วยเหตุใดที่ฉัน จะต้องรับอย่างแน่นอนหรือ?” มู่ยั่นเจ๋อ อึ้งชะงักไปสักพัก ในที่สุดก็เข้าใจความหมายของเธอ โมโหอย่างมากในทันที

“จึงหนิง! คุณอย่าไม่รู้จักดีชั่ว! นี่ผมคือกำลังเป็นห่วงคุณ

อยู่!”

“โอ๊ะ? คุณเป็นห่วงฉันขนาดนี้ จึงเสี่ยวหย่า รู้รึเปล่า?”

หางตาของเธอยักขึ้น จ้องมองเขาด้วย ยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้ม

สีหน้าของ มู่ยั่นเจ๋อ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทั้งโมโหทั้งโกรธ แต่ก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ก็อยู่ในเวลานี้ หน้าประตูคฤหาสน์ส่งเสียงสดใสสวย หวานเสียงหนึ่งเข้ามา

“พี่ อาเจ๋อ!”

ทันทีที่หันหน้าไป ก็มองเห็น จิ่งเสี่ยวหย่า สวมใส่ชุดเดรส แขนยาวสีม่วงอ่อนทั้งตัววิ่งออกมา

มองเห็นเธอ สีหน้าของ มู่ยั่นเจ๋อ อ่อนลงเล็กน้อย เดินก้าว

ใหญ่ไปหาเธอ

“คุณทำไมออกมาล่ะ? แล้วยังสวมใส่น้อยนิดขนาดนี้? ข้างนอกลมแรงนะ”

“ฉันไม่เป็นไร ไม่หนาว” จึงเสี่ยวหย่า เงยหน้าไปยังเขายิ้ม แล้วยิ้มอีก จากนั้นสายตาตกอยู่บนกายของ จิ่งหนิง ชะงักไป เล็กน้อย
ต่อจากนั้นปรากฏรอยยิ้มที่สวยหวานออกมา เดินไปหา เธออย่างรวดเร็ว

“พี่สาว คุณยังไม่ไปล่ะ? ไม่ได้ขับรถมาหรือ? จะให้ฉัน เรียกคนขับรถไปส่งคุณหรือไม่”

จึงหนิง จ้องมองความอ่อนโยนและความหวังดีบนใบหน้า เธอ งอริมฝีปาก งอแล้วงออีกอย่างเยาะเย้ย “ไม่ต้องหรอก ฉันเรียกรถเองได้”

จึงเสี่ยวหย่า ซะงักไปหนึ่งที ยิ้มพูดว่า “พี่สาว คุณก็อย่า บังคับตัวเองอีกเลย ที่นี่เรียกรถไม่ง่ายนะ อีกทั้งดึกขนาดนี้ แล้ว คุณกลับเองคนเดียวก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน ก็ให้ฉันสั่งคน ขับรถไปส่งคุณเถอะ!”

เธอพูดอยู่ ก็กวักมือเรียกคนรับใช้คนหนึ่งมา

“คุณไปเรียกคนขับรถเข้ามา ส่งพี่สาวฉันกลับบ้าน” คนรับใช้พยักหน้ารับทราบ หมุนตัวก็จะไปเรียกคนขับรถ

จึงหนิง จ้องมองลักษณะที่เธอทำเหมือนกับเป็นเจ้าของ บ้านของตระกูลจิ่ง ไปแล้วนี่ อยู่ดีๆรู้สึกว่าคลื่นไส้เล็กน้อย

ลองคิดดูแล้วห้าปีก่อนเธอยังเป็นสาวน้อยบ้านนอกคน หนึ่ง อีกทั้งในเวลานั้นที่นี่ยังไม่มีสิทธิที่จะให้พวกเธอแม่ลูก พูด แต่ว่าผ่านไปไม่กี่ปีสั้นๆ สภาพการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่าง มากแล้ว
เธอยิ้มเย็นชาในใจ สีหน้าบนใบหน้าย่อมจะไม่ให้มีอะไร ดีๆอยู่ดี พูดอย่างเย็นชาว่า “จึ่งเสี่ยวหย่า คุณฟังภาษาคนไม่ เข้าใจหรือ? ฉันรับปากเมื่อไหร่ที่จะให้คนขับรถไปส่งฉัน ล่ะ?”

จึงเสี่ยวหย่า อึ้งซะงักไป ชนเข้าไปในลูกตาที่เย็นชาของ เธอ หดตัวถอยหลังทั้งตัวไปหนึ่งที่ ดูเหมือนว่าคือตื่นตกใจ กับคำพูดจารุนแรงสีหน้าเคร่งเครียดของเธอแล้ว

“พี่สาว คุณอย่าโมโห ฉันเพียงแค่เป็นห่วงคุณ”

“เป็นห่วงฉันหรือ?” จิ่งหนิง หัวเราะเยาะหนึ่งเสียง เข้าไป ข้างหน้าหยอกเล่นว่า “คนที่วินาทีก่อนยังร่วมมือด้วยกันกับ คุณย่าบีบบังคับฉัน ตอนนี้กลับมาพูดว่าเป็นห่วงฉันหรือ? จิ่ง เสี่ยวหย่า หน้ากากที่จอมปลอมสวมใส่มานานแล้ว คุณก็ไม่ กลัวว่าจะถอดออกไม่ได้แล้วหรือ?”

จึงเสี่ยวหย่า หน้าซีดเล็กน้อย นัยน์ตาที่อ่อนแอน้ำตาคลอ

ทันที

“พี่สาว ฉันเพียงแค่เป็นห่วงคุณ คุณพูดอย่างนี้ได้อย่างไร

ลักษณะเธอที่กายสั่นระริกเล็กน้อย ดูแล้วบอบบางอ่อนแอ จนน่าสงสารจริงๆ ในทันทีนั้น มู่ยั่นเจ๋อ ก็ทนไม่ไหวแล้ว เดิน ก้าวใหญ่ไปข้างหน้ากอดเธอไว้ในอ้อมอก
หันหน้าจ้องมอง จิ่งหนิง อย่างโหดเหี้ยม

“จึงหนิง ! ทุกครั้งที่คุณพูดอย่าซ่อนคำพูดส่อเสียดอย่างนี้ ได้หรือไม่ เหมือนดั่งเม่นตัวหนึ่ง ไม่ว่าใครเพียงแค่อยู่ใกล้ คุณก็จะถูกคุณที่มแทงจนบาดเจ็บ! เสี่ยวหย่า เพียงแค่หวังดี เท่านั้น คุณไม่อยากรับปฏิเสธก็พอแล้วจำเป็นต้องใช้คำพูด แบบนี้มาทิ่มแทงจนเขาบาดเจ็บหรือ?”

จึงหนิง จ้องมองลักษณะที่เขาปกป้อง จิ่งเสี่ยวหย่า อย่าง สุดกำลัง แล้วซะงักไปหนึ่งที่

จากนั้นงอริมฝีปากอย่างส่อเสียด ในใจเย็นชาไปหมด

นับขึ้นมาแล้ว อยู่ด้วยกันหกปี แท้ที่จริงแล้ว สำหรับเธอ มู่ ยั่นเจ๋อถือว่าไม่เลวเลย อีกทั้งนับได้ว่ามีความอ่อนโยนเอา อกเอาใจ

ถ้าไม่งั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมุ่งหน้าเข้ามา มุ่งเข้าที่ เดียวก็มุ่งไปแล้วถึงหกปี

เพียงแค่เธอไม่เข้าใจ ในเมื่อเขาชอบ จึงเสี่ยวหย่า ขนาด นั้น ทำไมไม่บอกเลิกกับเธอเร็วกว่านี้หน่อย?

เธอไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ไม่ได้คนหนึ่ง หากว่าเธอบอกเลิก อย่างเปิดเผยบริสุทธิ์ ค่อยอยู่ด้วยกันกับ จิ่งเสี่ยวหย่า ถึง แม้ว่าเธอเสียใจทรมาน ก็จะไม่พูดอะไรเช่นกัน

แต่เขากลับไม่ทำ จะต้องรอจนเธอจับซู้ได้อยู่บนเตียง ทุกคนฉีกหน้ากัน วุ่นวายถึงสภาพลำบากใจเช่นนี้!

จึงหนิง หันหน้าหนี พูดเสียงเย็นชาว่า “ไม่อยากถูกทิ่ม แทงจนบาดเจ็บก็ไสหัวไปให้ไกลๆ ฉันเคยเตือนพวกคุณแล้ว อย่าโชว์ความรักอยู่ต่อหน้าฉัน ไม่รู้หรือมีคำหนึ่งว่าโชว์ ความรัก ตายเร็วล่ะ?”

“คุณ!”

มู่ยั่นเจ๋อ โมโหสุดขีด จิ่งเสี่ยวหย่า รีบขวางเขาไว้ “พี่อา เจ๋อ ซ่างเถอะ! พี่สาวอารมณ์ไม่ดี พวกเราอย่าคิดเล็กคิดน้อย กับเธอเลย..”

มู่ยั่นเจือ ชี้ไปยังเธออย่างเกลียดชัง สุดท้ายก็ยังเป็นการ สะบัดมืออย่างแรง

“ได้! ผมไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคุณ! แต่ว่านิสัยที่เดี่ยวก็เย็น ชาเตี๋ยวก็มีหนามทั้งตัวอย่างคุณแบบนี้ คาดว่าจะหาผู้ชายที่ จะเอาคุณไม่ได้เช่นกัน ถึงเวลานั้นตนเองอย่าเสียใจภายหลัง ล่ะ! เสี่ยวหย่า พวกเราไปกันเถอะ!”

เขาพูดจบลงอย่างโมโห ดึง จิ่งเสี่ยวหย่า ก็เดินเข้าไปใน คฤหาสน์เลย

จึงหนิง ยืนอยู่ท่ามกลางลมเย็นในยามค่ำคืนด้วยตัวคน เดียว ก็ขนหัวลุก โดยไม่รู้สาเหตุ

ไม่มีใครต้องการเธอหรือ?
อยู่ดีๆ ในใจก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา น้ำตาคลอจากขอบตาเล็กน้อย

เช่นกัน

แต่ว่าเธอยังเงยหน้า กะพริบตาถี่ๆอย่างรุนแรง กดความ รู้สึกเหนื่อยเศร้านั้นลงไป

จากนั้นหัวเราะเยาะตัวเองหนึ่งเสียง

ร้องไห้อะไรล่ะ?

คำพูดที่ไม่น่าฟังขนาดไหนก็เคยได้ยินมาแล้ว งาช้างไม่ งอกออกจากปากหมา หรือว่ายังจะคิดเล็กคิดน้อยกับหมาตัว หนึ่งหรือ?

เธอสูดลมหายใจลึกๆหลายที่ สงบอารมณ์ในใจ

ก็อยู่ในเวลานี้ “ปัด-ปัด ” เสียงแตรสองเสียงดัง ขึ้นมาจากข้างหน้า

จึ่งหนิงเงยหน้ามองไป ท่ามกลางทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่มืด มิด Rolls-Royceสีดำคันหนึ่งขับมายังทิศทางที่เธอยืนอยู่

ไฟตารถที่แสบตาขาวสว่างไปทั่ว แสบจนเธอยกมือป้อง ยี่ ตาขึ้นมา รถก็ขับผ่านเธออย่างรวดเร็ว จอดอยู่ข้างหน้าเธอ

“คุณหนูจิ่ง! เจอกันอีกแล้ว!”

ที่ลงจากรถคือ ซูมู่ ผู้ช่วยของ ลู่จิ่งเซิน จิ่งหนิง ย่อมรู้จักอยู่ แล้ว ที่จริงเมื่อเข้ายังเคยเจอกันมาก่อน
เธอฝืนยิ้มแล้วยิ้มอีก อึดอัดใจเล็กน้อย “พวกคุณอยู่ที่นี่ได้

ยังไงหรือ?”

“ประธานลู่ เพิ่งร่วมงานเลี้ยงเสร็จงานหนึ่ง พอดีผ่านมา แถวนี้ มองเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างถนนเหมือนเป็นคุณ ก็สั่งผม จอดรถเลย”

พูดอยู่ เขายิ้มเบิกบานช่วยดึงประตูรถออกให้เธอ โค้ง ตัวอย่างเคารพ “คุณหนูจึ่ง เชิญ”

จึ่งหนิง ลังเลเล็กน้อย

เธอเงยหน้าจ้องมองไปยังผู้ชายที่นั่งอยู่ในรถ เขานั่งอยู่ที่ นั่นอย่างเงียบสงบ ข้อศอกข้างหนึ่งวางอยู่บนหน้าต่างรถ สายตาจ้องมองข้างนอกหน้าต่าง ก็ไม่รู้ว่าดูอะไรอยู่ ทั้งตัว แสดงถึงความเกียจคร้านเล็กน้อย

แต่หน้าด้านข้างที่หล่อสดใสอยู่ท่ามกลางการปกคลุมของ ทิวทัศน์ยามค่ำคืนก็ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน มีเพียงแรง พลังที่เย็นสดใสรินหลั่งออกจากกาย ทำให้คนรู้สึกถึงว่า ผู้ชายคนนี้คือห่างเหินและราบเรียบเช่นเดิม

เธอชะงักไปหลายวินาที ในที่สุดก็ยังขึ้นรถเช่นกัน ทันทีที่ขึ้นรถ ก็ได้กลิ่นเหล้าที่เข้มข้น

เธออึ้งชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยปาก โดยสัญชาตญาณถามว่า “คุณดื่มเหล้าหรือ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ