วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 536 ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน



บทที่ 536 ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน

เฟิงเหยี่ยนนวดระหว่างคิ้วนวดแล้วนวดอีก มีความเสียใจเล็ก น้อย

ในที่สุด เขายังคงตัดสินใจประนีประนอมก่อน

ถึงยังไงจะประกาศความสัมพันธ์ทั้งสองคนก็เพื่อที่จะปกป้อง อานเฉียว แต่ถ้าหากว่าทำแบบนี้จะทำร้ายความหยิ่งในศักดิ์ศรี ของอานเฉียวล่ะก็ เขายอมที่จะอดทนไว้ไม่พูดก่อนเป็นเวลา ชั่วคราว ถึงยังไงทั้งสองคนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานแล้ว เธอก็ จะเข้าใจว่าเขาชอบเธอ ก็จะไม่ถือสาสถานะของเธออย่าง แน่นอน สําหรับคนในตระกูลของเขา

เฟิงเหยียนไม่เป็นห่วงเลย คุณปู่คุณย่าย่อมชอบอ่านเฉียว อย่างแน่นอน สำหรับบิดามารดาฝั่งโน้น เขามีวิธีการพูดเอง

นึกถึงตรงนี้ เขาพูดว่า “งั้นโอเค คุณนั่งสักพัก ต้องการอะไร บอกกับผู้บริการ ผมไปสักครู่เดี๋ยวก็กลับมา”

อานเฉียวยิ้มอยู่พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก

หลังจากเฟิงเหยี่ยนไปแล้ว อานเฉียวนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวค ทาวคน เดียว ลมพัดยามค่ำคืนเย็นสดชื่น พัดอยู่บนกาย รู้สึกสบายกาย สบายใจเป็นพิเศษ

อยู่ดีๆข้างหลังมีเสียงที่ตื่นตะลึงดังขึ้น “อานเฉียวหรือ?”
อานเฉียวหันหน้าไป ก็มองเห็นอานจือหลินสวมใส่กระโปรง ยาวสีเหลืองอ่อนทั้งชุด ยืนอยู่หน้าต้นไม้ดอกไม้ต้นหนึ่งตื่นตะลึง จ้องมองเธอ

อานเฉียวที่มีความแปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน ลุกขึ้นจากบน เก้าอี้ยาว “พี่สาวหรือ?”

“ที่แท้เป็นแกจริงๆ ฉันยังคิดว่าฉันดูผิดแล้ว”

อานจือหลินเดินเข้ามา พินิจพิเคราะห์ขึ้นลงอานเฉียวหนึ่งที ทันทีที่เห็นก็ดูออกว่ากระโปรงยาวตัวนั้นที่อยู่บนตัวเธอเป็นผล งานของKreisสไตลิสต์ผู้โด่งดัง บวกกับการแต่งหน้าที่ประณีต กับเครื่องประดับราคาแพง ในคืนนี้อีก อดไม่ได้ที่จะมีความอิจฉา เล็กน้อย

ความสัมพันธ์ของKreisกับเฟิงเหยี่ยนคนนอกไม่รู้ แต่ตนเป็น นักปรุงน้ำหอมระดับสูงของG.K เธอกลับเคยได้ยินมาก่อน

ได้ยินว่าKreisเกิดมาจากตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพล เนื่อง เพราะไม่พอใจการควบคุมในตระกูลที่มีต่อตนเอง บวกกับชอบ แต่งหน้าทำผมอีก ดังนั้นก็เปิดสโมสรด้วยตนเองเลย

Kreisกับเฟิงเหยี่ยน ยังมีเฟิงยี่ของตระกูลเฟิงซื่อกรุ๊ป ตั้งแต่ เด็กก็เล่นอยู่ด้วยกัน เป็นพี่น้องร่วมสาบาน เฟิงเหยียนสามารถ ช่วยแต่งหน้าทำผมให้อานเฉียว เห็นได้ชัดว่าอานเฉียวอยู่ในใจ เขาคือไม่เหมือนเดิมจริงๆ

อานเฉียวคนนี้ ออกไปต่างประเทศรอบหนึ่ง ฝีมือกลับเติบโต ไม่น้อย ถึงขนาดสามารถเหนี่ยวเกาะกับบุคคลอย่างคุณชายเฟิงแบบนี้ได้!

โดยอัตโนมัติอานจือหลินคิดว่าความสัมพันธ์ของอานเฉียว กับเฟิงเหยี่ยนเป็นเมียน้อยกับเสี่ยเลี้ยงกัน ถึงแม้ว่าในใจมีความ รังเกียจเล็กน้อย บนใบหน้ากลับตีหน้าตาย

เธอยิ้มเล็กน้อยหนึ่งที ดึงอานเฉียวนั่งลงอยู่บนเก้าอี้ยาว “อาน เฉียว แกไม่ใช่ไปต่างประเทศแล้วหรือ? ทำไมกลับมาแล้วล่ะ?”

อานเฉียวไม่อยากบอกกับเธอว่าพ่อเรียกเธอกลับมาร่วมงาน แต่ง ดังนั้นสะเปะสะปะถูไถไปประโยคหนึ่ง “อยู่ต่างประเทศไม่ ชิน ดังนั้นก็กลับมาเลย

“ก็ใช่สิ ตั้งแต่เด็กแกก็ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน มิน่าล่ะที่ จะไม่ชิน”

อานจือหลินบนใบหน้าแขวนรอยยิ้มไว้ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วย

สัดส่วนที่โอหังเล็กน้อย โดยไม่รู้ตัว

อานเฉียวเข้าใจถึงความรู้สึกที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของเธอ ยิ้มแล้ว ยิ้มอีก ก็ไม่ได้พูดมากกว่านี้เช่นกัน

ถึงแม้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่เนื่องด้วยคุณลุงใหญ่ของ ตระกูลอานตั้งแต่เด็กก็ออกไปสร้างเนื้อสร้างตัว ก่อตั้งไปกรุ๊ปที่ ถือเอาชุดแฟชั่นเป็นหลักทำด้วยมือตนเอง ตำแหน่งสถานะล้วน สูงกว่าตระกูลอานเฉียวเยอะมาก ยามปกติก็ไปมาหาสู่กันน้อย มาก บวกกับอานจือหลินอายุห้าขวบก็ถูกส่งไปต่างประเทศแล้ว เรียนต่อต่างประเทศมาโดยตลอดจนถึงปีที่แล้วจึงกลับมา ดังนั้น แท้จริงแล้วทั้งสองคนไม่ค่อยได้เจอกันเลย
อานจือหลินอยู่ดีๆ ทอดถอนใจพูดประโยคหนึ่งว่า “พูดมาแล้ว ถ้าหากว่าไม่ได้เนื่องเพราะเรื่องนั้น ในสองปีก่อนแกก็ไม่จำเป็น ต้องไปต่างประเทศเช่นกัน”

ดวงตาอานเดียวมืดครึ้มทันที ก้มหัวลงเล็กน้อย

เรื่องนั้น ในสองปีก่อน เป็นจุดมัวหมองที่เธอในชาตินี้ล้วนยาก ที่จะเช็ดออก

ถึงแม้ว่าเธอบอกกับตนเองครั้งแล้วครั้งเล่าอย่าไปคิดอย่าไป ถือสา แต่ว่าตอนที่เธอกลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า ได้ยินคำพูดที่ไม่น่าฟังเหล่านั้นจากปากของผู้อื่น ยังคงอดไม่ไหว ที่จะเสียใจ

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมคืนนี้เธอจะกังวลขนาดนี้

คนขับรถแท็กซี่คนหนึ่งล้วนสามารถจำข่าวเรื่องนั้น ในสองปี ก่อน จําเธอได้ ถ้าหากคนในบ้านของเฟิงเหยี่ยนจำเธอได้ อาน เฉียวไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นควรจะอธิบายยังไงจริงๆ เฟิงเหยียนก็จะ มองเธอยังไงอีกล่ะ

อานจือหลินจ้องมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องของเธอ ห่วงใยพูดว่า “อานเฉียว แกไม่เป็นอะไรนะ?”

อานเฉียวส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก “ไม่เป็นไร”

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” อานจือหลินเปลี่ยนคำพูดทันที “ใช่แล้ว วันนี้ฉันมากับผู้จัดการของเรา แกมากับใครหรือ?”

อานเฉียวลังเลเล็กน้อยหนึ่งที โดยจิตใต้สำนึกไม่ได้พูดถึงเฟิงเหยี่ยน

“เพื่อนคนหนึ่ง”

“เพื่อนหรือ?”

อานจือหลินเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ เหอะ! สถานะอย่างเพิ่งเหยียน แบบนั้น เป็นไปได้ยังไงจะเป็นเพื่อนกับเขาหรือ? บวกกับภาพ เมื่อกี้ที่กอดเธอไว้อีก ทั้งสองคนช่างรักใคร่มากเหลือเกินล่ะ

เธอคิดอย่างนี้อยู่ กลับไม่เปิดโปงออกมา เพียงแค่อมยิ้มพูด ว่า “อย่างนี้หรือ งั้นเพื่อนของแกคิดว่าน่าจะเป็นคนที่มีสถานะ มากคนหนึ่ง”

อานเฉียวฝืนใจยิ้มต่อๆกัน “ถือว่าใช่มั้ง!

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ แต่ก่อนเธอก็เคยเจออานจือหลิน มาก่อนเช่นกัน แต่อานจือหลินตั้งแต่ไหนแต่ไรล้วนไม่สนใจเธอ วันนี้กลับเหมือนดั่งเปิดหีบเสียง ทำให้อานเฉียวอึดอัดใจเต็ม ใบหน้า

พูดคุยไปสักพัก ส่วนมากล้วนเป็นอานจือหลินพูดอยู่ อาน เฉียวฟัง บางครั้งบางคราวตอบแค่ อืม อ่า ใช่ค่ะ

จนถึงอยู่ดีๆอานจือหลินมองไปที่ไม่ไกลจากนี้ ยิ้มพูดว่า “ใช่ แล้ว อานซินกับเฉียวอยู่ก็มาเช่นกัน แกจะไปทักทายกับพวกเขา สักหน่อยไหม?”

อะไรนะ?
อานซินกับเฉียว อยู่ก็มาเช่นกันหรือ?

อานเดียวยังไม่ทันมีปฏิกิริยา อานจือหลินลุกขึ้นมาแล้ว โบกมือแล้วโบกมืออีกพุ่งไปยังคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล

คนกลุ่มนั้นถือแก้วไวท์กำลังพูดคุยหัวเราะอ่อนโยน ก็ไม่รู้ว่า พูดอะไรอยู่ ลักษณะเหมือนมีความสุขมาก

อานจือหลินทันทีที่โบกมือ มีคนพบเห็นในทันที หันหน้ามา อานเฉียวไม่ประหลาดใจสักนิดก็มองเห็นอานซินที่สวมใส่ชุด ราตรีสีชมพูทั้งตัวกับเฉียวอยู่ที่สวมใส่อย่างเป็นทางการสีดำทั้ง ตัว

ทั้งสองคนข้าวใหม่ปลามัน ดูเหมือนความรักความผูกพัน เหลือเกินอานซินเกาะแขนของเฉียวอยู่ไว้ ชายหล่อหญิงงาม เด็กชายและเด็กหญิงที่ไร้เดียงสาคู่หนึ่ง

มองเห็นอานจือหลิน ทั้งสองคนเดินมายังฝั่งนี้

“พี่สาว ขอบคุณคุณพาฉันกับอยู่เข้ามา ที่นี่สนุกมากจริงๆ อีกทั้ง เมื่อฉันถึงขนาดมองเห็นคุณชายของเฟิงชื่อกรุ๊ปกับ ประธานกรรมการของหวงผู่กรุ๊ป”

อานซินปรากฏให้เห็นว่าตื่นเต้นดีอกดีใจมาก ทันทีที่ได้เห็น อานจือหลินก็พูดไม่หยุด ยากที่จะเห็นอานจือหลินชักสายตากับ เธอ

ทันทีที่เธอได้สังเกตเห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวอยู่ใต้ เงามืดของต้นไม้ใหญ่
“อานเฉียวหรือ?”

อานซินเบิกตาโพลงอย่างไม่กล้าเชื่อ แต่แค่พริบตาเดียว สายตากลายเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา “แกอยู่ที่นี่ได้ยังไง หรือ?”

อานเฉียวสงบเยือกเย็นลุกขึ้นมา ถามกลับว่า “ทำไมฉันจะอยู่ ที่นี่ไม่ได้ล่ะ?”

ใช้สี สถานที่ที่อานซินคุณสามารถมาได้ ทำไมฉันมาไม่ได้ล่ะ?

อานในคำพูดติดปากทันที นึกไม่ถึงว่าเธอจะพูดอย่างนี้ อาน เฉียวแต่ก่อนเจอกับสภาพอย่างนี้ไม่ใช่น่าจะต้องอธิบายทันที จากนั้น โดนเธอลบหลู่ก่อนจึงเดินออกไปอย่างเป็นเด็กดีหรือ?

อยู่ดีๆเธอนึกถึงทะเบียนสมรส ใบนั้น หรือว่า นั่นก็คือความ มั่นใจเต็มเปี่ยมที่เธอกล้าต่อต้านกับเธอในตอนนี้หรือ?

นึกถึงที่นี่ ลูกตาอานซินหมุนหนึ่งที อยู่ดีๆได้ไอเดียหนึ่ง

เธอหัวเราะเย็นชาพูดว่า “คุณย่อมมาได้อยู่แล้ว ผู้หญิงของคุณ ชายเฟิงล่ะ ถ้าหากว่าแม้แต่คุณก็มาไม่ได้ยังมีใครจะมาได้อีก หรือ?”

คุณชายเฟิงหรือ?

คนทั้งหลายที่ได้ยินคำนี้ล้วนอดไม่ได้ที่จะโผล่สีหน้าที่ตกตะลึง ออกมา ฟังน้ำเสียงของเธอ บวกกับสามารถมาที่ได้อีก คุณชาย เพิ่งที่เธอพูดอยู่คงไม่ใช่คุณชายเฟิงที่เล่าต่อๆ กันมาคนนั้นมั้ง? แขกผู้มีเกียรติในบริเวณนั้นล้วน โดนคำนี้ดึงดูเข้ามา อานเฉียวขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจคลุมเครือเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ