วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 418 เธอดื่มจนเมาแล้ว



บทที่ 418 เธอดื่มจนเมาแล้ว

เช่น เมียน้อยไปเด็ดดอกไม้ กลับตกลงไปในน้ำ หลับใส่ร้ายเมีย หลวงเป็นคนผลักเธอตกลงไปในน้ำ แต่รอบๆก็มีแต่เธอสองคน เมียหลวงจะแก้ตัวยังไงก็ไม่มีคนเชื่อ

เธอหันไปรอบๆทั้งสี่ทิศ มีแต่เธอสองคนจริงๆด้วย ไม่มีใครอยู่ ด้วยเลย

เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว

“เออ……อย่าเด็ดเลยนะ! รอให้ดอกบัวบานจะสวยกว่านี้ เด็ด ตอนนี้น่าเสียดายจริงๆ

“เห้อ ——- หยุนหัวเราะออกมา “ไม่ใช่มั้งซื้อเล็ก แค่

ดอกไม้ดอกเดียวเอง พี่ก็ยังเสียใจเสียดายเชียวเหรอ?”

พูดจบ เห็นเธอไม่ยอมดึงตัวเขา จึงไม่ฝืนจะเด็ดต่อไป จึงจับ ราวเหล็กด้วยตนเอง ก้มตัวลงและเอามือยื่นไปเด็ด

จิ่งหนึ่งเห็นแล้ว จับจมูกของตนเอง เหมือนตนเองจะคิดมากไป หรือเปล่า

“เด็ดได้แล้ว! ดูสิ เป็นดอกบัวจริงๆด้วย เดือนนี้เพิ่งจะได้เห็น ครั้งแรกเลยนะ”

ซูหยุนยิ้มแย้มด้วยความดีใจและยื่นดอกบัวไปให้จิ่งหนิงดู จิ่ง หนิงพยักหน้า “เห็นได้ยากจริงๆนะ
“อเล็ก ฉันมอบให้ข้อ” ซูหยุนเอาดอกบัวยักใส่มือ ให้เธอ

ไม่รู้ว่าทำไม มองดูดอกบัวนี้ ดมกลิ่นดอกไม้นั่นแล้ว จึงหนึ่งรู้ สึกมึนๆอย่างน่าแปลกใจ

หรือว่าเหล้าจะออกฤทธิ์สักแล้ว

ก็ไม่ใช่นะ ตอนที่ทานข้าว เธอแค่ดื่มไปแก้วเดียวเอง ถึงเธอจะ

ดื่มไม่ค่อยเก่ง แต่ก็ไม่แย่ขนาดนั้นนิเ “อเล็กคะ พี่เป็นอะไรไป? สีหน้าไม่ค่อยดีเลย” เสียงของซูหยุ

นดังขึ้น แววตาหมองมัว

“ไม่เป็นไร” จิ่งหนิงโบกมือ “อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยแล้ว”

“อย่างนั้นเหรอคะ งั้นฉันพยุงพี่ไปพักผ่อนก่อน หยุนยื่นมือจะไปพยุงเธอ แต่ถูกจึงหนิงปฏิเสธ “ไม่ต้อง ฉัน เดินเองได้”

เธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเธอจะคิดไม่ดีไม่ร้าย

ในใจจึงต้องคอยระวังตัว ทำให้เธอไม่อยากจะเข้าใกล้ผู้หญิง คนนี้เกินไป

จิ่งหนิงเดินโซเซไปข้างหน้าด้านหลังของเธอ ซูหยินยืนอยู่ใน ศาลา มุมปากยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น

“โจวเหวินจง ครั้งนี้ฉันช่วยคุณแล้ว ต้องบุญคุณไว้นะ”

เธอถือ โทรศัพท์ไว้ในมือ แววตาจ้องมองด้านหลังของคนๆนั้น ที่ไปไกลแล้ว “คนเพิ่งจะไป รอบตัวไม่มีคน คุณลงมือได้เลย
จิ่งหนิงไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรไป เวียนหัวมาก เท้าเหมือน เหยียบสำลีอย่างนั้น หนักหัวแต่เบาขา

เธอคิดว่าเหมือนมีอะไรผิดปกติ ก่อนหน้านั้นยังดีๆอยู่เลย ตั้งแต่ซูหยุนเอาดอกบัวนั่นยัดให้เธอ ก็รู้สึกเวียนหัว ดอกบัวนั่นมี ปัญหา…….

ผู้หญิงคนนี้จิตใจเจ้าเล่ห์ร้ายจริงๆ

เธอแอบด่าในใจ ในสมองคิดได้อย่างแรกคือต้องรีบเดินไป ที่ๆมีคน ไม่อย่างนั้น ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคิดจะทำอะไรเธอ

ในขณะนั้นพอดี ด้านหลังมีเสียงของคนเดินดังขึ้น

จิ่งหนิงตกใจ รีบๆเดินหน้าไปอย่างเร็ว ขาช่วงล่างอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง แต่ก็คอยเตือนตัวเองรีบๆเดิน รีบๆเดินเร็วอีก หน่อย

คนที่อยู่ด้านหลังเหมือนสังเกตเห็นเธอเดินเร็วขึ้น ก็รีบวิ่งตาม

มา

อีกไม่กี่ก้าวก็ตามเธอทันแล้ว ด้านหน้ามีเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น กะทันหัน “ซ้อรอง?”

วิ่งหนึ่งลืมตาทั้งสองข้างที่มัวๆขึ้นมา เงยหน้ามองไป เป็นเย่ไป

“เย่ไป๋” จิ่งหนิงรีบยื่นมือที่สั่นนิดๆ

เย่ไปรีบเข็นวีลล์แชร์เดินหน้าไปถึงตรงหน้าของเธออย่าง รวดเร็ว จากนั้นพยุงตัวเธอไว้
เห็นเธอสีหน้าไม่ค่อยดี รีบถามด้วยความเป็นห่วง: “คุณเป็น อะไรครับ?”

“ไม่เป็นไร” จิ่งหนิงส่ายหัว แค่เวียนๆหัวนิดหน่อย

แววตาของเย่ไปลึกๆ

“เพราะเหล้าออกฤทธิ์หรือเปล่า? ไม่เป็นไร ผมให้คนพยุงคุณ กลับไปพักผ่อนที่ห้องรับแขกเดี๋ยวนี้”

จิ่งหนิงก็ยังส่ายหัว “ลู่จิ่งเซินอยู่ไหน?”

“พี่รองเหมือนจะอยู่ที่ห้องรับแขกด้านหน้า

“ฉันจะไปหาเขา”

จิ่งหนึ่งพูดแล้วก็เดินไปด้านหน้า

ตอนนี้เธอไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น เธอเชื่อใจจึงเป็นเพียงคน

เดียว

เย่ไปเห็นขาของเธอเดินเซไปเซมา หันกลับไปมองดูทางศาลา

ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ซ้อรองครับ ผมส่งคุณไปนะครับ”

เย่ไปพูดแล้วก็สั่งให้คนรับใช้ที่ช่วยเขาเข็นวีลล์แชร์ด้านหลัง ให้เดินหน้าไปพยุงวิ่งหนึ่ง จากนั้นเป็นตนเองไปทางห้องรับแขก ด้านหน้า

ลู่จึงเป็นกำลังคุยธุระกับจิ้นชิงซานอยู่ในห้องรับแขกด้านหน้า หันหน้าไปเห็นคนรับใช้คนหนึ่งกำลังพยุงจิ้งหนึ่งเดินเข้ามา เขาขมวดคิ้ว นทันที

คนรับใช้พยุงจิ่งหนิงไปนั่งข้างๆของเขา พอได้กลิ่นของผู้ชาย ของเธอ หัวใจที่กำลังหวาดผวาจึงหนึ่งค่อยรู้สึกโล่งใจ ครึ่งตัว ข้างบนพิงไปที่ตัวเขา

“เป็นอะไร?”

เย่ไปยิ้มๆเล็กน้อย “น่าจะเป็นเพราะตอนที่ทานข้าวดื่มไป หลายแก้ว ตอนนี้เหล้าออกฤทธิ์แล้วล่ะมั้ง”

พอเขาพูดเช่นนั้น จิ้นชิงซานที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา “เหล้าขวดนั้นเป็นของปี86 จะออกฤทธิ์ตอนหลังๆแรงที่สุด อาจ จะเป็นเพราะหนิงหนิงดื่มแล้วไม่รู้สึกแรง จึงคิดว่าเหล้าขวดนั้น คงจะไม่แรงมาก จึงดื่มไปหลายแก้ว ตอนนี้คงรู้แล้วล่ะ!

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วนิดๆ

ก้มหน้าลงไป คางแตะตรงหน้าผากของเธอ รู้สึกว่าร้อนมาก จึงถามเบาๆ: “เมาจริงๆแล้วเหรอ?”

สติของจิ่งหนิงไม่ค่อยรู้สึกตั้งนานแล้ว ได้ยินเสียงของลู่วิ่งเซิน แต่ไม่มีแรงอธิบาย ได้แต่พยักหน้าโดยไม่รู้สึกตัว

“ไปพักผ่อนที่ห้องรับแขกก่อนไหม! ผมให้คนต้มน้ำซาแก้เมา ไปให้” จิ้นชิงซานแนะนำ

“ไม่ไป ฉันอยากกลับโรงแรม” จึงหนิงเอ่ยปากพูดเบาๆ ลู่วิ่งเซินโอบเธอมากอดไว้ในอก “โอเค งั้นผมพาคุณกลับไปเดี๋ยวนี้”

พูดจบ ก็วางแก้วน้ำซาในมือลงบนโต๊ะ จากนั้นอุ้มตัววิ่งหนึ่ง ขึ้นมาทั้งตัว “งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ

เห็นเขาบอกว่าจะกลับก็กลับเลย ขึ้นชิงซานตกใจนิดๆ “พวก คุณไม่พักค้างคืนที่นี่เหรอ?”

“ไม่ครับ” ลู่วิ่งเซินตอบอย่างมีมารยาทและตอบกลับไปห่างๆ “หนิงหนิงไม่ชินกับการพักบ้านคนอื่น กลัวเธอจะไม่คุ้นเคย ไม่ รบกวนพวกคุณดีกว่า”

จิ้นชิงซานได้ยินดังนั้นอยากจะพูดอะไรอีก แต่คุณหญิงย่า เข้าใจมากกว่าอีก

เห็นเช่นนั้นแล้ว จึงโบกมือ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่

ตนเองสบายก็พอ พักที่ไหนก็เหมือนกัน แต่ถ้ามีอะไรก็บอกฉันมา

ได้เลยนะ”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า แล้วรีบอุ้มตัวจึงหนิงเดินออกไปด้านนอก

รู้ว่าแฟนหนุ่มเห็นด้วยว่าจะกลับโรงแรม จิ่งหนึงถึงรู้สึกโล่งใจ ในที่สุด ทำท่าที่สบายในอ้อมอกของเขา ปล่อยให้ตนเองหมด สติและหลับไปในที่สุด

ลู่วิ่งเซินอุ้มเธอออกไปนอกประตู ก็เห็นโจวเหวินจงวิ่งมาทางนี้ ด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว พอเจอพวกเขา ก็รีบหยุดชะงัก

ลู่วิ่งเซินไม่เคยมองคุณลุงตระกูลจิ้นท่านนี้อยู่ในสายตาเลย ดังนั้นก็ไม่ได้ทักทายกับเขา จากนั้นเดินออกไป
โจวเหวินจงรีบพูดออกมากะทันหัน “คุณหญิงคงจะเมาเหล้า แล้วล่ะ? เวลาเมาห้ามพักลมเย็นนะ หรือไม่พักที่นี่สักคืนเถอะ ครับ”

เขาวิ่งจนหายใจอย่างแรง ยังไม่ลืมที่จะเป็นห่วงสุขภาพของจึง

หนิง ทำให้ลู่วิ่งเซ็นรู้สึกแปลกใจอยู่สักพัก แววตามองไปเห็นที่เท้าของเขามีที่ดินติดอยู่

“ไม่ครับ เธอชอบนอนที่โรงแรม

พูดจบ ก็ไม่สนใจเขาอีกเลย หันหลังเดินก้าวออกไปกว้างๆ

คนขับรถได้ขับรถมารอที่หน้าประตูนานแล้ว จึงเป็นอุ้มตัวจึง

หนึ่งขึ้นรถ ตนเองก็นั่งเข้าไปด้วย กลัวเธอไม่สบายตัว จากนั้นคุ้ม ตัวเธอขึ้นมาวางบนขาของตนเองและโอบเธอมากอดไว้ในอก รถขับออกไปข้างหน้า ในขณะนั้นพอดี มือถือของเขาก็ดังขึ้น

กะทันหัน “ติง”

เขาหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ สไลด์เปิดออกมาดู


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ