วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 658 กลับไปทางใต้



บทที่ 658 กลับไปทางใต้

ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ก็ตามใจลูกเถอะ! ลูกโตแล้ว ได้เวลา สําหรับการตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองแล้ว”

“พ่อก็แค่หวังว่า ไม่ว่าลูกจะเจอเรื่องอะไรในอนาคต ขอให้ลูก จําเอาไว้ว่าลูกยังมีบ้านหลังนี้อยู่ พ่อกับพี่ชายของลูกจะคอยเป็น กำลังใจให้ลูกอยู่เสมอ เข้าใจไหม?”

นําตาของหัวเหยาค่อย ๆ ไหลลงมาเงียบ ๆ เธอฝังใบหน้าเข้าไปในอ้อมแขนของพ่อ ก่อนจะพยักหน้าทั้ง

น้ำตา

“ฉันเข้าใจแล้ว”

พ่อหัวเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย เขาตบไหล่เธอเบา

ๆ ราวกับกำลังกล่อมเด็ก พร้อมกับกระซิบเบา ๆ ว่า “ร้องเถอะ ร้องออกมามันจะดีขึ้น

เยอะเลย”

ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ในห้องเป็นเวลานาน ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ถึงจะคุยกันเสร็จ พอลงไปด้านล่าง ขอบตาของหัวเหยามีอาการแดงเล็กน้อย แต่ก็ดูออกว่า เธออารมณ์ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

จี๋หลินยวนกำลังรอเธออยู่ที่ชั้นล่าง พอเธอเห็นเธอเดินลงมาเขาก็เข้าไปทักทายอย่างเป็นธรรมชาติ

“เป็นไงบ้าง?”

เขาเอื้อมมือไปกุมมือเธอ ก่อนจะดึงเธอไปทางห้องของเขา หัวเหยายิ้มพร้อมกับพยักหน้า แล้วพูดว่า “คุยกันเรียบร้อย แล้ว”

จี๋หลินยวนเลิกคิ้วขึ้น

หัวเหยาเม้มปากเล็กน้อย พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “พ่อยังคง รักเราเหมือนเดิม หลินยวน ต่อไปไม่ต้องฝืนเผชิญหน้ากับเขาอีก แล้ว เขา…”

ขณะเดียวกัน ทั้งสองก็เดินมาถึงห้องของตัวเอง

หลังจากที่หลินยวนปิดประตู เขาก็ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน ทันที

“เขาทําไมเหรอ? อืม?”

เขาพูด พร้อมกับก้มหน้าลงมาจูบเธอ

หัวเหยาถูกเขาทำให้ลมหายใจไม่มั่นคง เธอค่อย ๆ พูดขึ้น อย่างติดขัดว่า “เขาแก่แล้ว ที่ทำไปทุกอย่างก็เพื่อฉัน อย่า…” คุณ

ชายหนุ่มจูบเธอพร้อมรอยยิ้ม

ทั้งยิ้ม ทั้งจูบ ก่อนจะพาร่างเธอตรงไปที่เตียง
“เหยาเหยาแต่ไหนแต่ไรมาผมไม่เคยต่อต้านอะไรเขาเลย มี แต่เขาที่ไม่ยอมปล่อยผมไปแค่นั้นเอง ผมเคยบอกแล้ว แค่เขาไม่ ขัดขวางการคบกันระหว่างเรา เรื่องอื่นผมก็ไม่สนใจ

หัวเหยาถูกเขาพาไปถึงเตียงในพริบตาเดียว

เธอตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปผลักที่หน้าอกเขาอย่าง ไม่รู้ตัว พร้อมกับอุทานว่า “หลินยวน คุณกำลังจะทำอะไร… แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ คำพูดที่เหลือก็ถูกจุมพิตชายหนุ่มกลืน

กินเข้าไปเสียก่อน

กลายเป็นค่ำคืนที่เกินกว่าจะยับยั้งชั่งใจไปอีกหนึ่งคืน

วันรุ่งขึ้น เนื่องจากหัวเหยายังคงมีการประกาศที่คอยเธออยู่ ข้างหลัง เพราะงั้นเธอจึงไม่สามารถอยู่ที่เมืองจิ้นนานเกินไปได้

ยิ่งไปกว่านั้นการฉลองวันตรุษจีนก็จบลงแล้ว ในระหว่างวัน ตรุษจีนทั้งพ่อหัวและหัวต่างก็ยุ่งอยู่กับงานเลี้ยงส่วนตัวต่าง ๆ โดยไม่ค่อยมีเวลาให้กับเธอเท่าไร ดังนั้น หัวเหยาเลยพาเจ้าตัว เล็กกับจี๋หลินยวนกลับเมืองหลวงไปพร้อมกัน

ส่วนอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ถังลั่วเหยาฉลองวันตรุษจีนเสร็จ ซู หงก็รับบทละครสมัยใหม่ให้เธอเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ก็เลยกำลังยุ่ง อยู่กับการถ่ายทําที่ค่อนข้างตึงเครียด

ช่วงนี้ เธอก็ไม่ค่อยได้เจอกับ กูยิงเพราะงั้นก็เลยไม่มีความ ขัดแย้งระหว่างทั้งสองเกิดขึ้นอีก

เวลาผ่านไปแต่ละวัน อาการป่วยของแม่ถึงก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากถ่ายละครไปถึงกลางเรื่อง ถังลั่วเหยาก็มีเวลาว่าง หนึ่งวัน เธอจึงขอลาเพื่อพา แม่ถังไปที่โรงพยาบาลซึ่งเฉียวเพื่อ ตรวจอาการอย่างละเอียด

ถึงแม้จะมีแพทย์ประจำบ้านคอยช่วยตรวจอาการแม่ตั้งอยู่ บ่อย ๆ แต่ถังลั่วเหยาก็ยังรู้สึกว่าการไปโรงพยาบาลซึ่งเขียว เพื่อพบผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ ที่เคยทำการผ่าตัดแม่ถังมา ก่อนน่าจะดูน่าเชื่อถือกว่า

เนื่องจากยังมีความสัมพันธ์ของเฟิงอยู่ อีกฝ่ายจึงไม่น่า

ปฏิเสธ

นอกจากนี้แม่ถึงยังเคยเป็นคนไข้ของเขาอีกด้วย

หลังจากตรวจอาการแล้ว ผลปรากฏว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ปัจจุบันอาการของแม่ถึงนอกจากเคลื่อนไหวไม่ได้มากกับไม่ สามารถออกแรงเป็นเวลานานได้ ที่เหลือก็ไม่มีปัญหา เหมือนกับ คนปกติทั่วไป

หลังจากที่ถังลั่วเหยากับ แม่ถึงรู้ผล ทั้งสองคนก็ดีใจมาก

หลังจากกลับมาถึงบ้าน เธอก็ให้แม่บ้านทำอาหารเย็นมื้อ พิเศษขึ้น เพื่อเป็นการฉลองเสียหน่อย

ด้วยความดีใจ แม่ถังที่ไม่ค่อยได้เข้าครัวเอง ก็ลงมือทำเครื่อง เคียงเพิ่มอีกสองอย่าง

อาหารเหล่านี้ ล้วนเป็นฝีมือที่ถังลั่วเหยาเคยกินมาตั้งแต่เด็ก นานแล้วที่ไม่ได้กลับมากิน แต่พอได้ลองอีกครั้งรสชาติก็ยังเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนเด็ก ๆ ที่เธอเคยกิน หัวใจของเธอ ตอนนี้เต็มไปด้วยความสุขใจและความอบอุ่นที่เกินจะบรรยาย

พอสองแม่ลูกมีความสุข ก็เป็นธรรมดาที่บรรยากาศแบบนี้จะ ทำให้เพิ่งมีความสุขตามไปด้วย

คืนนี้เป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลย

แม้แต่ปัญหาทางเทคนิคบางอย่างที่เกิดขึ้นที่สถาบันวิจัยใน วันนี้ ความรำคาญใจทั้งหมดที่มีก็หายวับไปในพริบตา

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รับประทานอาหารเย็นเสร็จ ทุกคนใน ครอบครัวก็นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาด้วยกัน ก่อนที่อยู่ ๆ แม่ถึงจะ เสนอเรื่องกลับไปเมืองจิ้น

ข้อเสนอนี้ทำให้ถังลั่วเหยาและเฟิงต่างก็ตกตะลึงไปพร้อม ๆ

กัน

ถังลั่วเหยาเริ่มแสดงอาการไม่พอใจออกมาเป็นครั้งแรก

“แม่ เอาดี ๆ นะ แม่จะกลับไปทำอะไรที่เมืองขึ้น? แม่ไม่มีเพื่อน หรือญาติอยู่ที่นั่นเลยสักคน กลับไปแล้วแม่จะไม่เหงากว่าเดิมอีก เหรอ?”

แต่ แม่ถึงส่ายหน้าไปมาพร้อมกับรอยยิ้ม

“แม่คงจะคอยเกาะติดเธอไปตลอดชีวิตไม่ได้ เธอก็มีงานของ ตัวเองที่ต้องทำ ยิ่งไปกว่านั้นคือมีชีวิตของตัวเองที่ต้องใช้ การที่ แม่อยู่ที่นี่ไปตลอด มันจะเป็นภาระสำหรับเธอเกินไป”
ทันทีที่ประโยคนี้ถูกพูดออกมา ท่าทีของถังลั่วเหยาและเพิ่ง ค่อย ๆ สงบลง

ถังลั่วเหยาจึงพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “แม่คะ ภาระอะไรกัน? ฉันไม่ชอบใจประโยคนี้เลย แล้วแม่ก็คือแม่แท้ ๆ ของฉันนะ มัน ไม่มีปัญหาเรื่องเป็นภาระหรือไม่อยู่แล้ว อีกอย่างตอนนี้สุขภาพ แม่ก็ดีขึ้น กำลังสั่งสมช่วงเวลาที่มีความสุขกับครอบครัวอยู่ แม่ จะกลับไปทําอะไรที่เมืองจิ้นคนเดียว?”

เฟิงยี่รีบพูดเสริมทันที

“ใช่ ๆ แม่อย่าคิดมากเลย วางใจอยู่ในเมืองหลวงเถอะ ถ้าอยู่ ໆ บ้านคนเดียวแล้วรู้สึกไม่สบายใจหรือเบื่อ วันหลังผมจะแนะนำ คุณยายคนอื่น ๆ ให้เข้ามาเล่นด้วยกันก็ได้”

ประโยคนี้ของเฟิงคือจริงจังมาก เพราะโดยปกติเขาก็ต้อง

ทํางาน ถังลั่วเหยาก็ต้องถ่ายละคร

แม่ตั้งอยู่บ้านคนเดียวก็คงจะเบื่อ เพราะนอกจากแม่บ้านแล้วก็ ไม่มีใครมาคุยกับเธอได้อีก

เธออยู่ที่นี่ยังไม่มีเพื่อนเลย นับประสาอะไรกับการออกไปข้าง

นอก

พอคิดได้ดังนี้ ความรู้สึกผิดก็ค่อย ๆ เกิดขึ้นในใจเขาอย่าง ช่วยไม่ได้

คิด ๆ แล้วก็ต้องโทษตัวเขาเอง ที่เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ตัวเขากลับยังละเลยสิ่งนี้อยู่
ถ้าแม่ถังจากไปในครั้งนี้ ลั่วเหยาคงจะเสียใจมากแน่ ๆ แม่ถังมองท่าที่ร้อนรนของทั้งคู่ ก่อนจะยิ้มอย่างโล่งใจ

“พวกเธอนี่ เข้าใจผิดไปหมดแล้ว” เธอถอนหายใจเบา ๆ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่สงบนิ่งและ อ่อนโยน

“แม่แก่แล้ว พอมาอยู่เมืองหลวงทางเหนือ อากาศมันค่อนข้าง หนาว ร่างกายของแม่ไม่ค่อยชิน อีกอย่าง แม่อยู่ทางใต้มานาน กว่าสิบปี แม่คุ้นเคยกับอาศัยอยู่ที่นั่นมาตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนก็ เพราะเป็นห่วงเหยาเหยาก็เลยตามมาถึงนี่

“แต่ตอนนี้ แม่เห็นพวกเธอมีความสุข ความรักก็ราบรื่น แม่ก็ วางใจแล้ว”

“แม่ไม่อยากให้ชีวิตที่เหลือของแม่ต้องมาผูกติดอยู่กับลูก ๆ

แบบนี้ หลังจากที่ป่วยหนักคราวนั้น แม่ก็คิดอะไรได้เยอะขึ้น

“ถึงแม่ยังไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเหลืออีกกี่วัน แต่แม่ก็คิดเสมอ ว่า ต่อให้เหลือเวลาแค่วันเดียว แม่ก็จะทำวันนั้นให้เป็นวันพิเศษ ของแม่อีกวัน”

“เป้าหมายในชีวิตคนเราแตกต่างกัน ขอแค่สามารถบรรลุเป้า หมายในชีวิตได้ ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะเกิดมาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ครั้งนี้ที่พวกเธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อยื้อชีวิตของแม่ กลับมา จากประตูสู่ความตายด้วย”

หลังจากที่แม่ถังพูดจบ ทั้งห้องก็เงียบสงัดทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ