วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 617 พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน



บทที่ 617 พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน

แต่ว่า จะให้เธอวางใจลงได้ยังไง?

เธอเคยผ่านเรื่องที่สุดจะทนมามากมายขนาดนั้น พื้นหลังของ ครอบครัวของเธอ อดีตของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอล้วนแต่ เผยออกมาอยู่ต่อหน้าเขาอย่างที่ไม่สามารถสงวนเอาได้เลยสัก นิด มาอยู่ต่อหน้าโลกใบนี้ โดยที่ไม่มีการปกป้องเลยสักนิด

ถ้าเธอไม่สามารถสงวนใจดวงนี้เอาไว้ได้จริงๆแบบนี้ แล้วจะ ได้รับสิ่งตอบแทนและความรักที่ตนเองควรจะได้รับจริงๆไหม?

เฟิง พอเห็นว่าในตาเธอมีความลังเล สายตาก็มืดมน ยื่นมือ ออกมา ปลายนิ้วไปลูบๆที่ตาของเธอเบาๆ

“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนี้ เหยาเหยา สายตาแบบนี้จะ

ทําให้ใจผมแตกสลาย

ในคําคําคืนที่เงียบสงัด เสียงของเขาแหบแห้ง แฝงไปด้วยลม หายใจที่ราวกับว่าหมดแล้วซึ่งหนทาง

เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสียงแบบนี้ออกมาจากปากของเขา

เมื่อก่อนเขาทั้งเย่อหยิ่งทั้งทะนงตัว กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา ตอนนี้ กลับเหมือนนักเดินทางที่เดินทางมานานมากแล้ว กอด เธอไว้พลางทอดถอนใจออกมาแบบนี้

ขอบตาของถังลั่วเหยาเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาไม่น้อย
เธอขัดขืน โชคดีที่เฟิง ไม่ได้กอดเธอต่อ ยอมให้เธอยืนขึ้นมา ได้สําเร็จ

ถังลั่วเหยาถอยหลังไปยืนตั้งหลัก ไม่กล้ามองเขา แค่ก้มลง มองที่พื้น ฝืนยิ้มออกมา

“ตึกดื่นปานนี้แล้ว มาพูดอะไรแบบนี้ทำไม? ฉันเหนื่อยแล้ว มี

อะไรก็ค่อยคุยกันพรุ่งนี้แล้วกัน”

พูดจบ ก็หันกำลังจะเดิน เฟิงเห็นแบบนี้ ก็ขมวดคิ้ว กำลังจะเปิดปาก แต่ก็ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นมา จู่ๆก็ปิดปากกลืนลงไปก่อน เขาแค่ลุกขึ้นยืน มองเธอ ก่อนจะพูดขึ้น“ดึกมากแล้ว คืนนี้ก็ นอนที่นี่ก็แล้วกัน ถ้าคุณอยากกลับไป พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณเอง” ถังลั่วเหยาหยุดฝีเท้าลง คิดๆ สุดท้ายก็ตอบรับ ไม่ได้ปฏิเสธ ช่วงค่ำ ถังลั่วเหยานอนอยู่ในห้องรับแขกชั้นบน

เธออาบน้ำเสร็จ ก็นอนลงบนเตียง มองดวงดาวเต็มท้องฟ้า ผ่านหน้าต่าง ในใจรู้สึกสับสนวุ่นวายสุดๆ

หลายปีก่อน น้ำเสียงที่เย็นชาหยาบกระด้างเสียงนั้นดังขึ้นมา ข้างๆหูเธออีกครั้ง

เธอไม่รู้ พฤติกรรมในตอนนี้ของตนเอง ตระหนี่มากเกินไป

หรือระมัดระวังตัวมากเกินไป แต่เธอเหนื่อยมากจริงๆ เธอไม่เต็มใจที่จะไปเผชิญหน้าอีกแล้ว ไม่อยากเจอกับความรักที่เจ็บปวดทรมานหัวใจแบบนั้นอีก แล้ว

เธอรู้ดี ว่าเพิ่งดูผิวเผินอาจจะเป็นคนที่ทีเล่นทีจริง ไม่จริงจัง กับอะไรทั้งนั้น

แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับเป็นคนที่กตัญญูมากๆคนหนึ่ง

เลย

ถ้าตนเองตอบรับเขาไปจริงๆ แล้ว ในอนาคตถึงวันที่เขาต้อง ทําการเลือกขึ้นมา เขาก็จะเป็นคนที่เจ็บปวดทรมาน

อีกทั้งยัง……..จริงๆแล้วเธอไม่มีความมั่นใจจริงๆ ว่าเขาจะ เลือกตนเองตลอด

เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่ควรมีความคิดแบบนี้

เธอรู้ดี ว่าตัวเองควรจะมั่นใจในตัวเขา

แต่เธอกลัวจริงๆ

เธอไม่กล้าพนัน เธอยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขี้ขลาด

กล้าแค่หลบซ่อนในที่ที่ตัวเองคิดว่าปลอดภัยเท่านั้น ไม่กล้า แม้แต่จะก้าวเท้าออกมา

แม้ว่าอยู่ที่นี่จะรู้สึกเศร้าเสียใจ แม้ว่า ถ้ามีสักวันที่เขาจะจาก ตัวเองไปจริงๆ เธอก็จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

แต่ความรักตัวเองที่ยากจะเปลี่ยนแปลงได้ ก็เหมือนกับ เถาวัลย์ที่พันเกี่ยวอยู่รอบหัวใจอย่างแน่นหนามาตั้งแต่เด็ก เธอไม่สามารถเพิกเฉยได้

ค่ำคืนนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปได้ยังไง

จำได้แค่ว่า คืนนี้เธอฝัน

ในความฝัน ไม่มีวันเวลาที่มืดมนไร้ซึ่งแสงสว่างเหมือนใน ตอนเด็กอีกต่อไปแล้ว

เธอฝันถึง พ่อที่จู่ๆก็มีชีวิต

พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูก ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข แถมพ่อยังเป็นทหารที่มีความสามารถที่สุดของคุณท่านเฟิง เหมือนในสมัยนั้นอีกด้วย

แม่ก็นั่งถักนิตติ้งอย่างชำนาญให้กับเธออยู่หน้าริมหน้าต่าง ส่วนเธอ กลับไม่ใช่เด็กน้อยที่อายุสองสามขวบคนนั้นเหมือน ในสมัยนั้นอีกแล้ว

แต่กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทั้งสามคนพ่อแม่ลูก ก็เหมือนกับ ครอบครัวธรรมดาทั่วๆไปบนโลกใบนี้ ชีวิตที่เต็มไปด้วยแสง สว่างและความสุข

ถังลั่วเหยาฝันๆอยู่ พอเธอตื่นขึ้นมา ก็พบว่าหมอนของตัวเอง เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาเรียบร้อยแล้ว

ข้างนอกหน้าต่างมีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา เมื่อวานเธอลืม

ปิดผ้าม่าน

โชคดีที่แสงอาทิตย์ของฤดูหนาวไม่แยงตามากนัก แต่กลับยิ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นด้วยซ้ำ

เธอคิดในใจ ดีจริงๆ

เมื่อวานมีดวงอาทิตย์ วันนี้ก็มี

มันกำลังบ่งบอกอะไรใช่ไหม หลังจากที่ความเศร้าเสียใจผ่าน ไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสวยงามขึ้นมาใช่ไหม?

พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ยกมือขึ้นมาขยี้ตา

ขณะที่คิดจะลุกออกจากเตียง จู่ๆก็ได้ยินเสียงถ้วยชามแตกดัง ขึ้นมาจากข้างล่าง

เธออึ้งตะลึงไป นึกว่าเพิ่งตื่นเช้า แล้วเผลอทำของแตกอย่าง ไม่ได้ตั้งใจ

จากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินคนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันตาม

มา

“โอ้ ฉันก็ว่าอยู่ว่าเสียวช่วงนี้ไม่ยอมกลับบ้านวันๆเอาแต่อยู่ ข้างนอกบ้าน นึกว่าไปเจอคุณหนูของบ้านไหนเข้าเสียอีก ที่แท้ก็ เป็นยัยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่เอง!

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปซีดขาวทันที!

เสียงนี้มัน………

เสียงนี้ เธอจํามันได้ตลอด แถมไม่มีวันลืมด้วย นั่นก็คือแม่ของเฟิงนั่นเอง กูยิง
เธอรีบพลิกตัวลุกขึ้นมาทันที ออกไปข้างนอกอย่างลุกลี้ลุกลน

ในเวลานี้เอง ในห้องรับแขกชั้นล่าง

กูยิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา มองคนที่ยืนอยู่รอบๆด้วยท่าที เย่อหยิ่งข่มเหง

สองคนในนั้นก็คือบอดี้การ์ดที่เพิ่งสั่งให้เหลิงเมียเตรียมมา ให้กับเธอ แล้วยังมีหนึ่งคนที่เธอไม่รู้จัก เป็นเด็กผู้หญิงที่ดูอายุยัง ไม่เยอะ ส่วนอีกคนก็คือเสียวถึง

ส่วนเนี่ยเฟิงไม่ได้อยู่ที่นี่

ถังลั่วเหยาสีหน้าเปลี่ยนไป รีบลงมาข้างล่างอย่างรวดเร็ว

“เธอยังไม่ตื่นอีกเหรอ? สงสัยคงจะต้องให้ฉันไปเชิญเธอลงมา ด้วยตัวเองแล้วล่ะมั้ง?

ตู้กูยิงพูดจบ จู่ๆก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงที่ใสแจ๋วดังขึ้นมา ข้างๆทันที

“ไม่ต้อง ฉันตื่นแล้ว

พอหันไป ก็เห็นถึงลั่วเหยากำลังเดินตรงเข้ามา

เสี่ยวนิ่งเห็นเธอ ก็เหมือนกับเห็นคนที่จะเข้ามาช่วยชีวิต อย่างไรอย่างนั้น รีบวิ่งไปหาเธออย่างรวดเร็ว

พูดขึ้นเสียงเบาๆ พลั่วเหยา เธอ…

ถังลั่วเหยายกมือขึ้น ตบลงที่ไหล่ของเธอเบาๆ บอกเป็นนัยให้ เธอไม่ต้องพูดอะไรก่อน ตัวเองเข้าใจหมดแล้ว
เสี่ยวจิงมองเธอด้วยความเห็นอกเห็นใจ

แม้ว่าก่อนหน้านี้เสียวจึงจะไม่ค่อยชอบให้ถังลั่วเหยากับเพิ่ง อยู่ด้วยกัน แต่หลังจากผ่านเรื่องที่เหอ อลักพาตัวในครั้งนี้แล้ว เธอก็รู้สึกว่าการที่ถังลั่วเหยากับเฟิงอยู่ด้วยก็ไม่เลวเหมือนกัน

แม้ว่าเพิ่งจะดูผิวเผินเหมือนคนอารมณ์ไม่ค่อยดี ขี้หงุดหงิด เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็มีความจริงใจต่อถังลั่ว เหยา

คิดไม่ถึงว่า เพิ่งจะเปลี่ยนความคิดไปเอง วันนี้ตอนเช้าเธอไป เอาของกำลังจะมารับถังลั่วเหยากลับไปที่กองถ่าย จู่ๆก็มาเจ อกับยัยแม่มดแก่คนนี้

ใช่แล้ว ในสายตาของเสียวถึง กูยิงที่พูดจาเย็นชาหยาบ กระด้างนี้ ก็คือยัยแม่มดแก่นั่นเอง

เช้าตรู่ ยังไม่มีใครไปก้าวก่ายอะไรเธอเลย แต่เธอกลับมา อาละวาดอย่างไม่ทราบสาเหตุที่นี่ซะอย่างนั้น

เหมือนกับยุคสมัยโบราณ ที่แม่สามีจะชอบมากดดันลูกสะใภ้ พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่เสี่ยวจึงมองไปยังถังลั่วเหยา ก็ยิ่ง เห็นอกเห็นใจมากขึ้นไปอีก

ให้ตายสิ พลั่วเหยาน่าสงสารจริงๆ

กว่าจะหาคนที่ตัวเองชอบเจอไม่ใช่ง่ายๆ อีกนิดเดียวก็จะได้ ผลลัพธ์ตามที่ต้องการแล้ว ถ้าแม่ของอีกฝั่งไม่เห็นด้วย แล้วจะทำ ยังไงได้ล่ะ
แต่ในเวลานี้ถังลั่วเหยากลับไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น

เมื่อก่อน ตอนที่กูยิงไม่ได้ปรากฏตัวออกมา เธอก็เอาแต่รู้สึก กังวลมาตลอด

แต่ตอนนี้ตอนที่เธอปรากฏตัวออกมาแล้ว ไม่รู้ว่าทำไม ในใจ ของตนเองกลับแอบรู้สึกถอนหายใจออกมา

บางที นี่อาจจะเป็นความรู้สึกที่ว่า ไม่กลัวว่าจะมีศัตรูแต่กลัว ศัตรูที่ยังคงแอบซ่อนตัวอยู่มากกว่า ไม่รู้ว่าจะกระโดดมากัดตัว เองตอนไหน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ