วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 286 แปลกเล็กน้อย



บทที่ 286 แปลกเล็กน้อย

จิ้งหนึ่งหยุดนิ่งชั่วขณะ และพูดขึ้นว่า “เพราะคุณคือป้าของอา เซิน และเห็นแก่ที่คุณดูแลเขาตั้งแต่เด็กจนโต เลยปฏิบัติต่อคุณ อย่างนอบน้อม

แต่ฉันคนนี้เป็นคนค่อนข้างแปลก ไม่ค่อยชอบให้ใครมายุ่ง เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของฉัน ถ้าหากคุณยังยุ่งอีก ต้องขออภัยที่ ฉันไม่สามารถทําได้ด้วยนะคะ

อีกอย่างวิลล่าเฟิงเฉียวเป็นบ้านของฉัน ครั้งหน้าถ้าหากคุณ มาอีก รบกวนช่วยแจ้งฉันล่วงหน้าด้วยค่ะ

ส่วนเรื่องแจกันดอกไม้โบราณ ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็น คนมอบให้ แต่คุณวางใจเถอะ เดี๋ยวฉันจะเก็บรักษาไว้อย่างดี ถ้า หากคุณต้องการ ฉันสามารถให้คนเอาไปคืนคุณถึงบ้านเลย รับรองไม่มีขาดแม้แต่ชิ้นเดียว

ขณะที่พูดเธอก็สั่งให้คนไปเอาแจกันดอกไม้ที่เก็บไว้ออกมา ลู่หลันจือโมโหจนเปลี่ยนสีหน้า

“จิ่งหนิง! คุณไม่ต้องแสร้งทำเป็นไร้เดียงสากับฉันหรอก! เธอ กำลังพูดเรื่องแจกันดอกไม้ใช่ไหม? แต่ฉันกำลังพูดเรื่องที่เธอไม่ เหมาะสมกับ งเชิน

ผู้หญิงที่ไม่รู้จักมารยาทอย่างเธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ตอน นี้จึงเป็นอาจรักเธอ แต่เธอคิดหรอว่าเขาจะรักเธอตลอดไป?
ฉันขอบอกเธอเลยนะ คุณนายของตระกูลสามารถมีเพียงแค่ คนเดียว………..

“หลินจือ!”

จู่ๆตรงหน้าประตูก็มีเสียงแหลมคมดังขึ้น จากนั้นก็เห็นจึงเป็นมีสีหน้าเย็นซาเดินเข้ามา

เมื่อลู่หลินจือเห็นเขาก็รีบกลืนคำพูดทันที พร้อมเปลี่ยนสีหน้า หนึ่งร้อยแปดสิบองศาทันที จากสีหน้าบิดเบี้ยวกลายเป็นสีหน้า ยิ้มแย้ม แล้วเดินเข้าไปต้อนรับ

“จ๋งเงิน กลับมาแล้วหรอ?”

ลู่จิ่งเซ็นขมวดคิ้วขึ้น

“คุณป้ามาทำอะไรที่นี่หรอครับ?”

เมื่อหลินจือเห็นสีหน้าของเขาไม่ค่อยดีก็ยิ้มสู้

“เปล่าหรอก วันนี้ผ่านมาที่นี่พอดี เลยแวะเข้ามาเยี่ยมสัก

หน่อย”

300

หยุดนิ่งชั่วขณะ และพูดต่อว่า : “จิ้งเซิน เมื่อกี้ฉันเห็นเธอเอา แจกันดอกไม้โบราณที่ฉันมอบให้กับนายเปลี่ยน เห็นแบบนี้ฉัน รู้สึกน้อยใจ เลยพูดจารุนแรงไปหน่อย แต่ไม่มีเจตนาอย่างอื่น แต่ภรรยาของนายกลับเอาแจกันดอกไม้เหล่านั้นไปเก็บ
เธอยังไม่ทันพูดจบ แต่สื่อถึงเจตนาเรียบร้อยแล้ว

เพราะกลัวจึงหนึ่ง โกรธ เลยไม่พูดต่อ

ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ยังไงก็ต้องพูดให้เกียรติต่อเธออยู่ จึงเป็นเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง

“แจกันดอกไม้เหล่านั้นผมเป็นคนให้คนเก็บเองครับ” ลู่หลินจือนิ่งอึ้งชั่วขณะ

จิ่งหนึ่งเพิ่งอ้าปากอยากพูดบางอย่าง แต่เมื่อได้ยินแบบนี้ก็ หุบปากทันที

ลู่หลินจือดึงสติกลับมา และหัวเราะอย่างเก้อเขินขึ้น

“เป็นแบบนี้นี่เอง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฮ่าฮ่า……ฉัน นึกว่า หนึ่งหนึ่งเป็นคนเก็บซะอีก! พวกเธอยังอายุน้อยคงไม่ค่อย ชอบแจกันดอกไม้โบราณแบบนั้นหรอกใช่ไหม ถ้าหากไม่ชอบ เดียววันหลังจะส่งแบบใหม่มาให้

ลู่วิ่งเซินพูดแทรกขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ไม่ต้องหรอกครับ” ขณะที่พูดเขาก็จับมือของสิ่งหนึ่ง

“คุณป้ายังมีเรื่องอื่นอีกไหมครับ? หากไม่มีแล้วรีบกลับนะครับ ผมกับหนังหนังเหนื่อยมากแล้ว ต้องการพักผ่อน

รอยยิ้มของลู่หลินจือแข็งที่ออีกครั้ง

ไม่นานเธอก็พยักหน้าเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของ พวกเธอแล้ว ลาก่อน”

พูดจบก็รีบเดินจากไป

หลังจากลู่หลินจือจากไป ซึ่งหนึ่งก็จ้องมองร่างเงาของเธอ และ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ลู่วิ่งเขินนึกว่าเธอยังรู้สึกไม่พอใจกับเรื่องเมื่อกี้ เลยถอน หายใจ และพูดอธิบายว่า : “เธอก็เป็นแบบนั้นแหละ คุณอย่าเก็บ มาใส่ใจเลย ครั้งหน้าผมจะให้คนคอยจับตาดู ไม่ให้เธอเข้ามา ตามอำเภอใจแล้ว”

วิ่งหนึ่งส่ายหน้าเล็กน้อย

“เปล่า ฉันแค่รู้แปลกเล็กน้อย”

“ห่ะ?”

จิ่งหนึ่งดึงสายตากลับมามองลู่จิ้งเซิน

“คุณไม่รู้สึกว่า การที่เธอมาที่นี่อย่างกะทันหัน แล้วโมโหกับ เรื่องแจกันดอกไม้ไม่แปลกหรอ?”

เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ ลู่จึงเป็นก็รู้สึกแปลกขึ้นเล็กน้อย ลู่หลินจือคนนี้ ถึงแม้เป็นคนพูดจาชอบประชดประชัน ชอบ จับผิดคนอื่น และชอบก่อเรื่อง

แต่สําหรับเรื่องเงินแล้ว เธอเป็นคนใจกว้างมาก

ถึงแม้เธอไม่ค่อยชอบวิ่งหนึ่ง และค่อยหาเรื่องจิ้งหนึ่ง แต่ก็ไม่น่าจะมาหาเรื่องกับของที่มอบให้แล้ว

ในเมื่อมอบสิ่งของให้แล้ว เขาจะตกแต่งยังไงก็เป็นเรื่องของ เขา เพราะเป็นอิสระของเขา ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ? แต่วันนี้เหมือนกับเธอตั้งใจมาเพื่อพูดถึงของเหล่านั้น เมื่อคิดถึงตรงนี้ จึงเป็นก็อดใจขมวดคิ้วไม่ได้

จิ่งหนึ่งพูดขึ้นว่า : “ตอนแรกฉันเห็นคนรับใช้เช็ดถูแจกัน ดอกไม้เหล่านั้นทุกวัน ทุกวันคนรับใช้ต้องระมัดระวังเป็นอย่าง มาก เพราะกลัวทําแตก

ดังนั้นฉันเลยให้คนไปเก็บ และเปลี่ยนเป็นสิ่งของที่สวยและน่า ใช้งานมากกว่า แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้เธอมาเพื่อพูดเรื่องนี้ ทำไม ฉันถึงรู้สึกว่าเธอตั้งใจพูดเรื่องนี้ เหมือนกับมีเจตนาอื่นแฝงด้วย”

จึงเป็นพยักหน้าเล็กน้อย และพูดปลอบโยนว่า “คุณอย่า คิดมาก เรื่องนี้ผมจะส่งคนไปสืบ ต่อไปหากเธอมาอีก คุณไม่ต้อง สนใจเธอ”

จิ่งหนิงตอบ”อืม”ขึ้น

วันต่อมา จึงหนิงไปถ่ายละครเหมือนทุกวัน ตอนพักเบรค แอบ ได้ยินนักแสดงสองคนกำลังพูดคุยเรื่องงานประมูลไข่มุกอีกสาม วันข้างหน้าขึ้น

เธอมีความสนใจไข่มุกอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อนึกถึงวันเกิดของคุณ หญิง เธอก็เริ่มสนใจมากขึ้นทันที
ปกติคุณหญิงไม่มีงานอดิเรกเป็นพิเศษ มีเพียงชอบสะสม เครื่องประดับไข่มุกสวยงามเท่านั้น

ได้ยินมาว่าตอนเธออายุน้อย เคยจ้างผู้เชี่ยวชาญสอน ออกแบบเครื่องประดับไข่มุกด้วย

หากผู้คนทั่วไปสามารถพูดถึงงานประมูลได้ แสดงว่า ขอบเขตของราคาคงไม่สูงมาก ถึงเวลานั้นคงมีไข่มุกที่หายาก ปรากฏขึ้นไม่น้อยแน่เลย

วิ่งหนึ่งครุ่นคิดอยู่สักพัก เลยตัดสินใจซักถามสถานที่ประมูล ไข่มุกกับนักแสดงสองคนนั้น จากนั้นก็บอกลู่จึงเป็น ให้เขาหา บัตรเข้าสองใบ และเตรียมตัวไปงานประมูลวันนั้น

สามวันต่อมา ณ งานประมูลไข่มุก

วันนี้จึงหญิงสวมชุดราตรีสีดำทั้งตัว โดยมีเสื้อคลุมสีแดงทาบ บนหัวไหล่ แล้วสวมหมวก โดยภาพรวมแต่งตัวเหมาะสมมาก

ส่วนลู่จึงเป็นสวมชุดสูทสีดำทั้งตัว ยังคงเผยท่าทางสง่าผ่าเผย ทั้งสองคนถือป้ายหมายเลข แล้วเดินไปนั่งตรงที่นั่งที่จองล่วง หน้า

ตำแหน่งที่นั่งของพวกเขาไม่ถือว่าอยู่ข้างหน้าสุด จิ้งหนึ่งไม่ อยากดึงดูดสายตาคนอื่นมาก เลยเลือกนั่งอยู่ตรงกลางเป็นแถว ที่สาม

คิดไม่ถึงเพิ่งนั่งลง ก็เห็นร่างเงาคุ้นเคยเดินเข้ามาแถวหน้าสุด “เฟิงหรอ? ทำไมเขามาด้วยล่ะ?”
ในฐานะหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงแล้ว สำหรับคน รุ่นหลังของตระกูลเฟิง เฟิง กับบรรดาพี่น้องของเขาไม่เหมือน กัน เขาเป็นคนร่าเริง ทำอะไรไม่ตามกฎระเบียบ อีกอย่างยังคอย สร้างปัญหาให้พ่อแม่ปวดหัวตลอดเวลาด้วย

เฟิงเองก็เห็นพวกเขาเหมือนกัน ถึงแม้จิ้งหนึ่งไม่ใช่คน ตระกูลใหญ่ แต่ก็นั่งอยู่ข้างสู่จึงเป็น

คนอื่นเห็นลู่วิ่งเงินน้อยครั้งมาก หรือบางครั้งก็จำไม่ได้ แต่เขา กับลู่นิ่งเซนเติบโตมาด้วยกัน แน่นอนว่าจำได้ตั้งแต่แวบแรก

“พี่สอง พี่สะใภ้สอง!’

เฟิง กล่าวทักทายอย่างต้อนรับ แล้ววิ่งเข้ามาหา

จึงหนิงกลัวการกระทำของเขาดึงดูดสายตาคนรอบข้าง เลย รีบยกนิ้วชี้มาวางบนริมฝีปาก และส่งเสียง “ชู๊ด”ขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ