วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 32 เรียกเขาว่าสามี



บทที่ 32 เรียกเขาว่าสามี

สู่จิงเซินมองไปที่เธอด้วยรอยยิ้ม และถาม “ยังไง ตอนนี้เรียก ได้หรือยัง”

จึงหนิงหัวเราะฮ่า ฮ่า ด้วยความเขินอาย

เมื่อเห็นเขารออยู่ แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องฝืนใจทำ เธอทำใจอยู่สักพัก ก็กลั้นใจพูดคำนั้นออกมาว่า “สามี”

เสียงเบามากจนแม้แต่ยุงก็ไม่ได้ยิน

ลู่จิงเซินเลิกคิ้วขึ้น ขยับหูเข้าไปใกล้ๆ และถาม “คุณเรียก

ฉันว่าอะไร”

จึงหนิงกัดฟัน

และพูดโดยเพิ่มเสียงขึ้นเล็กน้อยว่า “สามี”

“ฉันได้ยินไม่ชัดเลย”

จึงหนิง:

ช่างเถอะ ช่างเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะอายอะไรอีก

เธอกอดที่คอเขา แล้วเอนตัวไปข้างหูของเขา พร้อม

ตะโกนเสียงดังว่า “สามี!”

ตะโกนจบ เธอก็รีบถอนตัวออกมา และหดตัวไปอีกด้านหนึ่ง

สู่จิงเซินรู้สึกตกใจ

และหันไปมองเธออย่างไม่เชื่อสายตา

จึงหนิงหันใบหน้าไปออกด้านข้าง และแกล้งทำเป็นสงบ

แต่ความเป็นจริงหัวใจเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ทันใดนั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นข้างหู เธอตกใจเล็กน้อย สงสัยว่าผู้ชายคนนี้ถูกเธอตะโกนใส่จน บ้าไปแล้ว จู่ๆก็หัวเราะออกมา!

เธอหันไปมองด้วยความอยากรู้ ก็เห็นลู่จิ่งเซินพยายาม กลั้นยิ้มและพูด “ผมแค่อยากให้คุณเรียกผมว่าคุณลู่แค่นั้น แต่ไม่ได้คาดคิดว่าคุณจะกระตือรือร้น และตะโกนเรียกมาว่า สามี อูม..ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ผมก็จะเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม เรียกคุณว่าภรรยาด้วยก็แล้วกัน!”

พูดจบ เขาก็หยิบกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และ ใส่แหวนเพชรอันงดงามและละเอียดอ่อนที่นิ้วนางข้างซ้าย

ของเธอ

ทำให้จิ่งหนิงตกตะลึงในทันที

ฉันรู้สึกเหมือนมีลูกบอลวางอยู่ในหัว และตกตะลึงหนัก

มาก!
นี่ นี่มัน..เกิดอะไรขึ้น

โดยไม่รอให้เธอตอบสนองใดๆ ฝ่ายชายก็จับมือเธอที่ สวมแหวน มาวางไว้ที่ริมฝีปากและจูบที่มีอนั้น และพูด

“คุณภรรยาครับ สุขสันต์วันแต่งงานครับ!”

จึงหนิง

พอได้สติ มารู้ตัวอีกที เธอก็รู้ว่าโดนผู้ชายคนนี้หลอกเข้า

แล้ว!

ใบหน้าที่สวยงามก็แดงขึ้นทันที นี่มันบ้ามาก!

นี่เขาจงใจชัดๆ!

เธอโกรธมาก จนอยากจะถอดแหวนออก แต่ก็ถูกเขารั้งไว้

“คุณภรรยา ของสิ่งนี้ไม่สามารถถอดออกได้ตามอำเภอ ใจนะ มันคือเครื่องหมาย ที่บอกว่าคุณคือคนของผม ตลอด ชีวิต จะกลับคำไม่ได้!”

จึงหนิงโกรธจนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว

“ลู่จิงเซิน ตอนนี้ฉันต้องการกลับคำทำยังไงดี”

“เก็บความคิดของคุณกลับไปซะ!”

สู่จิงเซินพูดอย่างเอาแต่ใจ

จึงหนิงก็ร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
ในตอนนี้ เสียงโทรศัพท์ “ตั้ง” ก็ตังขึ้น

เธอวางมือลงอย่างไม่มีทางเลือก เห็นแก่ที่ผู้ชายคนนี้ช่วย เธอไว้ในคืนนี้ ก็จะจดบัญชีแค้นครั้งนี้ไว้ก่อน

เมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมา ก็เห็นว่าเป็น ข้อความWechatส่งมาจากหัวเหยา

ข้อความในWechatมีลิงก์ที่แนบมา ซึ่งเป็นลิงก์วิดีโอที่ลู่ จึงเซินจัดการให้คนส่งลิงก์นั้นมา

(หนิงหนิง ฉันเพิ่งเลิกงานและเพิ่งเห็นข้อความนี้ คุณไม่

เป็นไรนะ)

ในช่วงไม่กี่วันมานี้หัวเหยากำลังถ่ายทำฉากกลางคืน นอกจากมีวันหยุดแค่วันเดียว วันอื่นๆก็จะเริ่มทำงานช่วง บ่ายเกือบทุกวัน และจะเลิกงานในเวลาตีห้าหรือหกโมงเช้า

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของจิ่ง

เสี่ยวหย่า

จึ่งหนิงรีบตอบกลับข้อความ

(ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง

(คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว คนตระกูลจิ่งทำเกินไป! มันทำให้

ฉันโมโหมาก!)

(พวกเขาต้องได้รับกรรมที่ทำเอาไว้
(อิม ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือใดๆบอกฉันได้เลย ช่วงนี้ฉันจะให้ผู้ช่วยของฉันคอยดูโทรศัพท์เอาไว้

จึงหนิงเม้มริมฝีปากยิ้ม สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในใจ

เธอตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า (โอเค ขอบคุณนะเหยา

เหยา]

ตามด้วยส่งจูบหวานๆและรูปหัวใจไป

หัวเหยาก็ตอบกลับมาด้วยจูบหวานๆและรูปหัวใจเช่นกัน

ระหว่างเพื่อนรู้ใจ การสนทนาก็จะเคยชินกับการใช้ สัญลักษณ์แบบนี้ แม้จะคุยกันผ่านหน้าจอก็สามารถสัมผัสได้ ถึงความห่วงใยและความรักของอีกฝ่ายได้

แต่ข้างๆ มีใครบางคนไม่ชอบใจอยู่

เดิมที่เขาไม่อยากแอบมองโทรศัพท์ของเธอเลย แต่เป็น เพราะพื้นที่ในรถมีจำกัด และสายตาของเขาที่ดีเกินไป

จึงบังเอิญเหลือบไปมอง เห็นบันทึกการสนทนาของพวก

เธอ

จูบที่แสนหวานและรูปหัวใจนั้น ช่างสะดุดตาจริงๆ

เขากระแอมและถามเสียงแข็งว่า “กับหัวเหยา คุณมีความ สัมพันธ์ที่ดีกับเธอเหรอ”

จึงหนิงพยักหน้า และตอบ “อีม พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย เป็นเพื่อนสนิทที่เดิบโตมาด้วยกัน เธอเป็นเพื่อน ที่ดีที่สุดของฉัน”

“ซีเ วงการบันเทิงมีเพื่อนแท้ที่ไหนกันละ ระวังจะถูกขาย แถมยังเป็นตัวช่วยหาเงินเถอะ”

จึงหนิงขมวดคิ้ว

เธอหันไปมองเขา และพูดอย่างจริงจังว่า: “ไม่ว่าวงการ ไหน ก็มีมิตรภาพที่จอมปลอม และมิตรภาพที่จริงใจทั้งนั้น คุณไม่สามารถตัดสินทั้งหมดว่าเป็นแบบเดียวกันได้ อีก อย่างตอนที่ฉันกับเหยาเหยาเที่ยวเล่นมีเวลาดีๆด้วยกัน เธอ ยังไม่ได้เข้าวงการบันเทิงเลยนะ! ”

ลู่จึงเปิดทำเสียงเฮ้อออกมาเบาๆ

“ช่างไร้เดียงสา!”

จึงหนิง

รู้สึกโกรธนิดหน่อย!

พยายามไม่สนใจเขา หยิบหมอนขึ้นมากอดไว้ แล้วหัน

กลับไป

ทรมานมาทั้งคืน เธอรู้สึกเหนื่อยตั้งนานแล้ว

พิงกระจกรถ เติมทีแค่อยากพักสายตาสักครู่ แต่ทำไปทำ มาก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
ภายในรถเงียบ ด้านนอกหน้าต่างรถ มีแสงสีขาวสาดส่อง มาจากท้องฟ้า แสงยามเช้าค่อยๆ โผล่ออกมาท่ามกลางสาย หมอกจางๆ

จำนวนรถบนถนนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีเสียงดังของ พนักงานออฟฟิศที่ปั่นจักรยานริมถนน และผู้คนที่วิ่งออก กำลังกายในตอนเช้า

ลู่จิงเซินกระซิบบอกซูมู่ให้ลดความเร็วของรถลง จากนั้นก็ ถอดเสื้อโค้ตของเขาออกแล้วคลุมให้จิ่งหนิง จากนั้นเขาก็ หลับตาลง และเอนตัวพิงเบาะหลังเพื่องีบหลับ

จึงหนิงตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอันอบอุ่น

เมื่อลืมตาขึ้น ท้องฟ้าด้านนอกก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ยัง ไม่สว่าง ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยแสงสีขาวยามเช้า

สภาพแวดล้อมโดยรอบค่อนข้างแปลกตา เธอขยี้ตา และ ตั้งใจมองดีๆก็พบว่าสถานที่นี้ดูคุ้นตา เธอเคยมาที่นี่มาก่อน ดูเหมือนว่าจะเป็นคฤหาสน์บ้านลู่

เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็ตกใจ กับใบหน้าอันหล่อเหลาที่อยู่

เหนือศีรษะของเธอ

“อ้า..”

ด้วยเสียงอุทานนี้ ก็ได้สติกลับมา จึงรู้ว่าตัวเองถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของเขา และกำลังเดินเข้าไปในบ้าน

“ลู่จิ่งเซิน, วางฉันลงเดี๋ยวนี้” สู่จิงเซินลดสายตาลงมองเธอ พร้อมกับส่งสายตายิ้มให้

เธอและถาม

“ตื่นแล้วเหรอ”

จึงหนิงหน้าแดงเล็กน้อย เธอมองไปรอบๆ เห็นแถวของ คนรับใช้ยืนอยู่ที่ประตูทางเข้า และมีซูมู่ยืนอยู่ด้านขวาสุด ของพวกเขา มีรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าของทุกคน

เธอปิดหน้าทัน และอยากจะตายหายไปเลย

“วางฉันลง! ฉันเดินเองได้!”

จึงหนิงกัดฟันและพูดเสียงอู้อี้

ลู่จิ่งเซินหัวเราะเบาๆ และก็เคารพความเห็นของเธอ โดย

วางเธอลง

“สวัสดีคุณผู้ชาย! และนายหญิง! ยินดีต้องรับกลับบ้าน ครับ/ค่ะ!”

เสียงดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยไม่ทันตั้งตัวทำให้จิ่ง หนิงสะดุ้งตกใจ

จากนั้น ก็ได้ยินเสียงยิงสลุตดังขึ้น

“ปัง..!”
“ปัง..!”

“ปัง..”

เสียงดังอยู่เป็นเวลาห้าถึงหกนาที ก่อนที่จะหยุดลง

จึงหนิงตกใจจนเกือบล้มลง แต่โชคดีที่ลู่จิ่งเซินพยุงตัวเธอ ไว้ จึงทำให้เธอไม่ขายหน้า

หลังจากการยิงสลุตจบลง ซูมู่ก็ก้าวมาข้างหน้าด้วย ใบหน้ายิ้มแย้มและพูด

“นายหญิงครับ นี่เป็นพิธีต้อนรับที่ฉันตั้งใจเตรียมไว้ให้ คุณ เป็นอย่างไรบ้าง ชอบไหมครับ”

จึงหนิงยิ้มผิดๆ มองไปที่เขา ฝืนใจพยักหน้า และตอบ

“ฮ่าฮ่า…ชอบ ชอบมาก”

“คุณชอบก็ดีแล้วครับ”

พูดจบ ก็หันไปแล้วขยิบตาให้ลู่จิ่งเซิน ด้วยสีหน้าขอคำ

ชื่นชม

ลู่จิงเซินอารมณ์ดีมาก ปกติจะไม่ขี้เหนียว ผายมือชี้ไป และ พูด “เดือนนี้ให้โบนัสเป็นสองเท่าเลย!”
“ขอบคุณครับท่านประธาน!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ